ผมรักบอลไทย แต่ไม่โลกสวย


ผมรักบอลไทย แต่ไม่โลกสวย

“บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด” คือประโยคทองที่กลุ่มเชียร์ไทยยุคบุกเบิก โดยพี่พินิจ งามพริ้ง คิดขึ้นมาเพื่อเป็นคีย์เวิร์ดกับการบ่งบอกตัวตนว่า แม้คุณจะเชียร์ แมนฯยู ลิเวอร์พูล หรือ สเปอร์ส แต่เราคือคนไทย ก่อนที่วรรคทองนี้จะโดนสื่อหลายๆเจ้านำไปดัดแปลงใช้ในรูปแบบต่างๆมาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งผมกำลังจะบอกว่า บรรทัดต่อจากนี้ คือมุมมองและความรู้สึกของผมเองในฐานะคนรักฟุตบอลไทยคนหนึ่งที่ปราศจากอคติใดๆ กับสถานการณ์ของฟุตบอลไทยในยุคนี้ครับ

– เมสซี่ เจ ที่จะไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น เป็นเพราะดีลระหว่าง 2 สโมสร หากไปแล้วไม่เวิร์คก็กลับมาอยู่กับต้นสังกัดเดิมได้ มิเช่นนั้นคงต้องมีการทุ่มเงินซื้อขาดเป็นสถิติกันไปแล้ว

– แอบสงสัยว่า ทำไมไม่เคยเห็นโค้ชซิโก้ เข้าไปดูเกมฟุตบอลไทยลีกที่สนามเลย แต่ปรากฎกายงานอีเวนท์ได้เกือบจะทุกงานเลยทีเดียว (ฮา)

– ทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ก็คือเจ้าแห่งอาเซียน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เรายืนอยู่แล้วตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ แต่ที่กระแสบูมขนาดนี้ เพราะอยู่ในยุคที่ ทุกคนเห็นทีมชุดนี้เป็นกราฟขาขึ้นที่ถีบตัวจากยุคตกต่ำนั่นเอง

– สมาคมลูกหนังที่อวดอ้างสรรพคุณว่า แฟร์ ก่อนการเลือกตั้ง สุดท้าย ดูแล้วไม่เห็นจะแฟร์สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะการที่มีใครบางคนบงการอยู่เบื้องหลัง (รึเปล่า)

– การที่ลีกไทยเราบูม อีกมุมหนึ่ง ทำให้นักเตะระดับเยาวชนเคยตัว มองแค่ได้เล่นไทยลีกก็รวยแล้ว ทั้งที่การได้ไปเล่นในยุโรป (แบบจริงจัง) ควรจะเป็นเป้าหมายสูงสุด และจะส่งผลดีต่อทีมชาติด้วย

– วันก่อนได้ดูรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ยิงคำถามใส่ พี่หนุ่ย เฉลิมวุฒิ ว่า “คิดว่าตนเองเปรียบได้กับนักฟุตบอลคนใดในทีมชาติไทยยุคปัจจุบัน?” ได้ยินแล้วก็รู้สึกโกรธแทนพี่หนุ่ยจริงๆ เพราะเท่าที่ไล่ดูกองกลางยุคนี้ ไม่มีใครเทียบชั้น เฉลิมวุฒิได้สักคน

สุดท้ายครับ ผมยังเชื่อว่าเราจะได้ไปบอลโลกในชาตินี้แน่นอน แต่ในวงเล็บ เราต้องได้เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ ว่าแต่พูดแบบนี้ แฟนบอลโลกสวยจะโกรธผมไหมเนี่ย