“I won’t crumble with you if you fall” คือความหมายของพาดหัวในวันนี้ค่ะ (ฉันจะไม่แตกสลาย และเดินทางต่อไปแม้จะไม่มีเธอ) เป็นเพลงเก่าที่แต่งโดย เบอร์นิช จอห์นสัน เรย์กอน นักร้องผิวสี ที่ปัจจุบันอายุ 81 ปีแล้ว เนื้อหาของเพลงนี้ ถ้าแปลโดยรวม คือการให้กำลังใจกับคนที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอันหนักหน่วงและคนที่อยู่เคียงข้าง (เรียกว่าเป็นเพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่ถ่ายทอดออกมาค่ะ)
เพลงนี้ถูกนำมาร้องใหม่อีกครั้งโดยเซอร์ ทอม โจนส์ นักร้องชื่อดัง ถ้าคนยุค 90’s เอ่ยชื่อนักร้องคนนี้ก็ต้องนึกถึง SexBomb แต่ถ้าอายุอยู่เหนือยุค 90’s ขึ้นไปก็ต้อง She’s Lady ผู้เขียนเองได้มีโอกาสฟังทอม โจนส์ ร้องเพลงนี้ในคลิปการแข่งขันรายการ The Voice ของประเทศอังกฤษ เป็นการร้องสดชนิดที่กรรมการอีกสามคนที่นั่งอยู่ข้างทอม ในเวลานั้น (อัลลี่ เมอร์ซ, แอน มาเรีย และวิลล์ ไอแอม) นั่งฟังด้วยความซาบซึ้งกับการถ่ายทอดของทอม โจนส์
หลังจากร้องเสร็จ ทอม โจนส์ กล่าวถึงเพลงนี้ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่เราต้องให้กำลังใจกัน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนรอบข้างที่กำลังบอบช้ำกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา” เขาเองเลือกที่จะหยิบเอาเพลงนี้มาร้องใหม่และใส่ไว้ในอัลบั้มล่าสุด เพราะต้องการให้กำลังใจภรรยาที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ทอม เล่าว่าช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายนั้น ภรรยาของเขารู้สึกได้ว่าทอม เหมือนมาป่วยไปพร้อมกับเธอด้วย ซึ่งเธอได้บอกกับทอมว่า
“อย่าให้อาการเจ็บป่วยของฉันทำให้เธอต้องแตกสลาย” นี่คือประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักอยู่แม้แต่คำเดียว แต่คนฟังรู้สึกได้ถึงความรักที่ภรรยาของทอมได้มอบให้กับเขา เธอยินดีที่จะยืนเคียงข้างคู่ชีวิตตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ และ ยังบอกให้ทอมเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปหากวันหนึ่งเธอไม่ได้อยู่ร่วมทางกับเขาอีกแล้ว… ยังไม่จบค่ะ ประโยคสุดท้ายกินใจกว่า “เมื่องานศพฉันผ่านไปแล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเธอต้องจมอยู่ในความทุกข์ ขอให้มีความสุขกับชีวิตต่อไป”
ถ้าลองไปฟังเพลงนี้ แล้วค่อย ๆ จับใจความของเนื้อเพลงในแต่ละประโยค ความหมายนั้นไม่ต่างอะไรกับที่ภรรยา ของทอม โจนส์ ได้พูดไว้ค่ะ
เอาเข้าจริง เพลงนี้เหมาะกับยุคสมัยมากนะคะ แม้ว่าเบอร์นิช จอห์นสัน จะแต่งเอาไว้นานแล้ว เราอยู่ในยุคที่ผู้คนเสพติดกับดราม่าชนิดที่มีอารมณ์ร่วมกันทุกสิ่ง เราเห็นผู้คนจมอยู่กับความทุกข์อย่างเนิ่งนาน เพียงเพราะรู้สึกว่าตนเองจะไม่มีใครเคียงข้างอีกต่อไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่คือโอกาสที่จะแก้ไขในสิ่งผิดพลาดที่เคยสร้างไว้ บางทีเราก็ให้นิยามกับคำว่ารักมากจนเกินจริง และในบางครั้งทำให้หลายคน “สุขจนล้น เศร้าจนเกินพอดี”
การให้กำลังใจกัน ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องร่วมดาวน์ไปกับเขาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การให้กำลังใจกันคือการใช้สติ คอยดูแลเพื่อให้คนที่คุณรักลุกขึ้นมาเองได้ แต่ถ้าเขาต้องจากไป ขอให้เข้าใจว่าไม่ช้าหรือเร็ว เราก็ต้องเดินตามเขาไปเช่นกัน เพราะฉะนั้น คุณไม่จำเป็นต้องแตกสลาย แม้ว่าวันนี้จะต้องเดินทางโดยลำพัง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ