(บทนำ) ความสำเร็จที่ไร้อ้อมกอด



(บทนำ) ความสำเร็จที่ไร้อ้อมกอด

คุณเคยสังเกตตัวเองบ้างไหมว่า เดี๋ยวนี้เราจับกลุ่มนั่งคุยกันน้อยลงไปกว่าเดิม แต่กลับหันไปสนทนาผ่านตัวอักษรกันมากขึ้น… ยัง..คุณยังไม่ต้องตอบหรอกว่าคุณเป็นเช่นนั้นหรือไม่ แต่คอลัมน์นี้จะมาพบกับคุณทุกวันจันทร์ จะมาเล่าเรื่องที่ได้ไปนั่งคุยนั่งคิดกับคนในสังคมมาเล่าให้คุณฟังว่าพวกเขามีมุมมอง มีวิธีคิดแบบไหน หรือแม้กระทั่ง คุยแล้วเราจะได้อะไรจากหัวข้อในการพูดคุยนั้นบ้าง แล้วหลังจากนั้น พวกคุณค่อยกลับมาถามตัวเองว่าจะอยากกลับไปนั่งพูดคุยแบบมีปฎิสัมพันธ์มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่

สัปดาห์แรกที่เรามาเจอกัน ขอเล่าเรื่องแบบย้อนอดีตที่เคยมีโอกาสได้นั่งคุยกับอดีตนักมวยระดับแชมป์โลกที่ชีวิตในยามรุ่งโรจน์นั้นทำเงินในแต่ละไฟต์เป็นหลักล้านบาท แน่นอนการนั่งคุยเกิดขึ้นในวันที่เขาประสบความสำเร็จ เป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทของ สภามวยโลก บทสนทนาเริ่ิมต้น ด้วยเรื่องการฝึกซ้อม เทคนิคในการรับมือคู่ต่อสู้ คนเล่านั้นมั่นใจในตนเองไม่ใช่น้อยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของคนหนุ่ม

จนกระทั่งเมื่อ คำถามเริ่มด่ำดิ่งสู่อดีต ให้เขาได้ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น ที่เจ้าตัวเลือกที่จะเป็นพ่อค้ากำปั้นน้ำเสียงที่ร่าเริงสะดุดไปเล็กน้อย จังหวะในการเล่าเรื่องเริ่มเชื่องช้าเหมือนใช้ความคิด ในภวังค์ดังกล่าวเขาย้อนไปสู่จุดเริ่มต้น ที่ไม่ได้รับความสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นบิดา ที่ไม่อยากให้ลูกชายเป็นนักมวย หากในที่สุดเด็กหนุ่มที่ดื้อดึงไม่ยอมสานต่อ อู่รถยนต์ของพ่อ ก็กลายเป็น “พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม” อดีตแชมป์โลกในรุ่นฟลายเวทของสภามวยโลก (WBC) 2 สมัย

วันที่ได้แชมป์สมัยแรก พงษ์ศักดิ์เล็ก เล่าว่าเขากลับบ้านเพื่อให้พ่อได้ชื่นชมกับความสำเร็จ แต่ดูเหมือนภาพที่เขาวาดไว้ว่าผู้เป็นบิดาจะต้องภูมิใจ กลับไม่เป็นดังหวัง เรื่องดังกล่าวเหมือนเป็นปมในใจและเจ้าตัวพยายามดึงตนเองกลับสู่ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบทสนทนาในวันนั้นที่จบลง แน่นอนว่าเป็นการจบการพูดคุยที่ทั้งคนฟัง และ คนเล่าเรื่อง ต่างรู้สึกแห้งผากในความรู้สึก

สิ่งที่ได้จากการนั่งคุยในวันนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องความสำเร็จของนักมวยระดับแชมป์โลก หากเรื่องราวของคนหนึ่งคนยังได้สอนให้รู้ว่าแม้จะขึ้นสู่จุดสูงสุดเพียงใดหากไม่ได้รับอ้อมกอดจากครอบครัว ก็ใช่ว่าจะมีความสุข กับความสำเร็จดังกล่าวได้อย่างแท้จริง