ช่วงเวลา 16.30 น.ของวันนี้ (26 ตุลาคม 2560) ถือเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั่วโลกส่งทั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อที่จะร่วมกันส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัย พื้นที่หลุดกรอบกีฬาในวันนี้ผมขออนุญาตนำบทความที่ผมเคยเขียนถึงพระองค์ท่านครั้งเสด็จฯทอดพระเนตรรถ เอฟวัน เรดบูลล์ RB6 เมื่อ 7 ปีที่แล้ว นำเสนอกันอีกครั้ง
ผมเองยังจำได้ดีกับประสบการณ์สมัยทำข่าวภาคสนามในวันที่ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง และกทม. แถลงข่าวจัดงานถนนแห่งประวัติศาสตร์ Street Of King หรือ ราชดำเนิน เรดบูล แบงค็อก 2010 ด้วยการที่จะนำรถแข่งเอฟวัน มาวิ่งบนถนนราชดำเนิน
ในวันนั้นคนที่คลั่งไคล้มอเตอร์สปอร์ตอย่างผมแทบจะอดใจรอไม่ไหวกับการได้เห็นรถแข่งเอฟวันมาขับโชว์บนถนนบ้านเรา ทว่ากระแสในโลกออนไลน์ ณ ช่วงเวลานั้น ก็มีเสียงวิจารณ์กันในวงกว้าง ถึงความเหมาะสม กับการนำรถแข่งเครื่อง V8 มาวิ่งบนถนนประวัติศาสตร์ชาติไทย และจะต้องปิดถนนอันจะทำให้สร้างความเดือดร้อน
แม้กระทั่งก่อนวันงานเริ่มไม่กี่วัน ผมเองยังคุยกับ คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ผู้บริหารกระทิงแดงซึ่งเป็นเหมือนพ่องานในการจัดการฝั่งเมืองไทย แกยังอดเป็นห่วงเรื่องของกระแสคนดูที่จะมาร่วมงานอยู่เลย แม้จะเป็นงานใหญ่ระดับชาติก็ตาม รวมถึงผมเองก็ยังปรามาสว่า จากกระแสที่ผ่านมาดูแล้วคนน้อยแน่นอน
ทว่าในคืนวันที่ 17 ธ.ค.53 ก่อนที่งานจะเริ่ม 1 วัน ข่าวในพระราชสำนักทุกช่องรายงานข่าว ในหลวงเสด็จฯลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ลงมาทอดพระเนตรรถ เอฟวัน เรดบูลล์ RB6 เครื่อง 2.4 ลิตร V8 ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โลกปี 2010 มาหมาดๆ ซึ่งทีมเรดบูลล์ เรซซิ่ง นำมาให้ทอดพระเนตร บริเวณทางเชื่อมหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับ มาร์ค เว็บเบอร์ นักขับคนดัง
ที่สำคัญในหลวงทรงสนพระราชหฤทัย กับ เทคโนโลยีความเร็วเป็นอย่างมาก และซึ่งทีมงานเรดบูลล์ รวมถึง เว็บเบอร์ ใช้เวลาในการถวายข้อมูลร่วมๆ 1 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถาม ทั้งรุ่นของเครื่องยนต์ ความแรงเท่าไหร่ การแข่งขันแต่ละสนามเป็นอย่างไร รวมถึงความพิเศษของชุดแข่งกันไฟ
จากข่าวในพระราชสำนักซึ่งกินเวลาไม่ถึง 3 นาที แต่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนไทยทั้งชาติมีความสุข เพราะเราได้ในหลวงแย้มพระโอษฐ์ (ยิ้ม) และได้เห็นสายพระเนตรที่เปี่้ยมไปด้วยความสนพระราชหฤทัย ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ไม่ต้องอธิบายเลยว่า เพราะเหตุใดงาน Street Of King ในวันถัดมา ถึงมีคนเรือนแสนเต็มถนนราชดำเนิน
ใช่แล้วครับ “พระบารมี” ของพระองค์ ทำให้คนไทยจากทุกสารทิศซึ่งรวมถึงคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องมอเตอร์สปอร์ตมาก่อน หลั่งไหลมาเป็นสักขีพยานเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ “กษัตริย์” ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนไทย
สุดท้ายครับ ผมเชื่อล้านเปอร์เซนต์! ว่าภาพของคลื่นประชาชนจากทั่วทุกสารทิศที่มาร่วมกันส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย จะเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของโลก ที่นับจากนี้จะไม่มีบุคคลใดในโลก ที่จะทำให้คนรวมตัวกันได้
มหาศาลขนาดนี้อีกแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆครับ
“ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป”
ข้าพระพุทธเจ้า
นายธันยเดช เกียรติศิริ
