FRIEND ZONE – เพื่อนกัน / มัน (เกือบ) จะบ้าตาย

เข้าสู่เดือนที่สองของศักราชใหม่ GDH ค่ายหนังอารมณ์ดีแห่งยุคสมัย ปล่อยภาพยนตร์เรื่องใหม่มาทักทายคนดูและแฟนคลับเร็วกว่าที่คิดกับ “FRIEND ZONE – ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน” ที่ดูจากหน้าฉากแล้วก็เดาไม่ยากเลยว่าต้องเป็นโรแมนติก-คอมมิดี้ ตามสไตล์ถนัดของพวกเขา และยังเป็นเรื่องราวแบบ “เพื่อนรักเพื่อน” ที่หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์และอินตามได้ไม่ยาก

FRIEND ZONE คำแสลงของคนแอบชอบเพื่อนสนิทที่ไม่อยากได้ยิน เล่าถึง ปาล์ม (นาย-ณภัทร) สจ๊วตหนุ่มหล่อที่แอบรัก กิ๊ง (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก) ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่เขาก็เก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ในใจตลอด 10 ปี พร้อมกับคอยดูแลเพื่อนสาวเรื่อยมา ทว่าเมื่อฝ่ายหญิงมีปัญหาชีวิตคู่กับรุ่นพี่นักดนตรีอนาคตไกลซึ่งฝันจะมีครอบครัวด้วยกัน ทำให้พระเอกหนุ่มต้องเข้ามาปลอบใจ ก่อนนำไปสู่โอกาสที่เขาจะได้เปิดเผยสิ่งที่เก็บไว้เสียที

แม้ส่วนตัวจะเอียนกับหนังรักสไตล์ GDH ชนิดที่ว่าสามารถเดาพล็อตและตอนจบได้เลย (เพราะดูหนังค่ายนี้จนชิน) แต่ผู้เขียนก็ยอมตีตั๋วไปดูเพราะชื่อของ ผกก. ชยนพ บุญประกอบ ที่ฝากฝีมือไว้กับหนังวัยรุ่นมันๆทั้ง “Suck Seed ห่วยขั้นเทพ” กับ “เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ” ซึ่งสร้างความแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นในค่ายเป็นอย่างดี จนต้องขอชมสักหน่อยว่าเมื่อมาทำหนังสไตล์รอมคอมปกติมนุษย์แบบนี้ ผกก.หมู จะจัดการได้ดีขนาดไหน

แน่นอนว่าพอมันระบุตัวเองว่าเป็นหนังรอมคอมขนาดนี้ ความสมเหตุสมผลคงไม่ใช่สิ่งที่ควรใส่ใจนัก นั่นจึงทำให้ FRIEND ZONE เล่าเรื่องควบตะบึงไปข้างหน้าเต็มเหนี่ยวแบบไม่ต้องแคร์ความสมจริง เช่น นางเอกขอยืมเงินพระเอกเพื่อนั่งเครื่องบินไปจับผิดพ่อที่เชียงใหม่ และไปกันทั้งชุดนักเรียนมัธยม!! หรือ บินไปต่างประเทศคนเดียวเพื่อจับผิดแฟนตัวเองทั้งที่ขาหักอยู่!! เป็นการเล่าเรื่องที่มีความเป็นการ์ตูนสูงมาก แต่ก็เข้ากับสไตล์ของ ผกก.หมู ที่ถนัดแนวนี้อยู่แล้ว

กระนั้นเองพอเขียนบทกันมันมือมากไป ประเด็นหลักและธีมที่หนังวางไว้อย่าง “เพื่อนแอบรักเพื่อน” กลับเบาบางลงไปแทน เพราะความที่หนังให้น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่กับ ปาล์ม เป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกของตัวเองให้ผู้ชมรับรู้ฝั่งเดียว ทำให้ผู้ชมไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของฝั่ง กิ๊ง ว่าเธอคิดอะไรกับเพื่อนบ้าง แม้ตัวหนังจะสร้างสถานการณ์บอกคนดูว่าฝ่ายหญิงก็แอบมีใจให้เช่นกัน แต่พอมันไม่ได้เปิดพื้นที่ให้เธอแสดงออกสักเท่าไหร่ (นอกจากพฤติกรรมเพี้ยนๆ และมุกตลกจากตัว กิ๊ง ที่สาดรัวดังกระสุนปืน) พอหนังดำเนินมาถึงจุดสำคัญที่ฝ่ายหญิงต้องเผยความในใจบ้าง จึงไม่ค่อยอินนักว่าตกลงหล่อนไปรักเขาตอนไหนวะ?

ซึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะนำเรื่องนี้ไปเทียบกับหนังเพื่อนรักเพื่อนสุดคลาสสิคจากค่ายเดียวกันอย่าง “เพื่อนสนิท” ที่ตัวของ ไข่ย้อย กับ ดากานดา ตลอดทั้งเรื่องต่างก็ผลัดกันแสดงความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจให้คนดูเห็นอยู่เรื่อยๆ นั่นจึงทำให้ซีนไคลแมกซ์ของหนังเรื่องนั้น และวรรคทองที่ชาวเพื่อนรักเพื่อนไม่มีวันลืม “แกมาทำอะไรตอนนี้?” ขยี้คนดูได้ชะงัดนัก ส่วน FRIEND ZONE ยังทำได้ไม่ถึงใจ นับว่าน่าเสียดาย

ฝั่งพระ-นางอย่าง นาย-นภัทร กับ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก หนังใช้ประโยชน์และเสน่ห์ของนักแสดงสองคนนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะน้องใบเฟิร์น นอกจากขึ้นกล้องแล้วยังโชว์ทักษะการแสดงได้น่าประทับใจ จนแทบไม่อาจละสายตาหนีไปได้เลยแม้บทจะเล่นเป็นผู้หญิงปัญญาอ่อนขนาดไหนก็ตาม (ฮา) ขณะที่น้องนาย กับหนังเรื่องแรก ถือว่าสอบผ่าน แต่หลายครั้งเวลาที่เข้าฉากกับใบเฟิร์น ด้วยจริตจะก้าน คำพูดคำจาค่อนข้างสาวแตก (อาจเพราะตัวบทวางให้เป็นผู้ชายขี้เล่น เจ้าชู้นิดๆ) ทำให้ดูแล้วรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนสาวมากกว่าเพื่อนสนิทชาย-หญิงจริงๆ จนไม่ค่อยอยากเอาใจช่วยให้คู่นี้สมหวังสักเท่าไหร่ รักกันก็ดี ไม่ได้ก็เฉยๆ

FRIEND ZONE อาจไม่ใช่หนังเพื่อนรักเพื่อนที่นำเสนอแบบถึงรสถึงชาติเหมือนหนังเรื่องอื่นที่ plot คล้ายกันและตีโจทย์แตกมากกว่า (แถมยังอุดมไปด้วยการ Tie-In ผู้สนับสนุนมากมายคลอดทั้งเรื่องจนน่ารำคาญ) แต่ด้วยเสน่ห์ของพระ-นาง การเล่าเรื่องที่ดูเพลินๆ และมุกตลกที่สอดใส่มาอย่างพอดี ก็ทำให้มันเป็นหนังที่น่าพึงพอใจและอยู่ในมาตรฐานที่ดีของ GDH แม้ส่วนตัวจะคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ก็ตาม