ฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม!

คงต้องขอเริ่มต้นด้วยประโยคเชย ๆ ตามที่ใช้เป็นชื่อตอนนั้นแหละครับ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่แสดงความไม่พอใจเจ้านายอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วโลกถึงความไม่เป็นมืออาชีพ

นี่เป็นสิ่งตอกย้ำทัศนคติส่วนตัวของเขา ที่คิดว่าตัวเองอยากเล่นต้องได้เล่น เล่นไม่ดีก็ต้องได้อยู่ในสนาม โดยไม่สนใจว่าคนอื่นหรือแม้กระทั่งเจ้านายจะมองยังไง แถมหลังเกมผู้สื่อข่าวไปจ่อไมค์สัมภาษณ์ยังไม่รู้สึกตัวอีก บอกว่าอย่าให้พูดอะไรเลย เดี๋ยวอารมณ์เดือดจะหลุดออกจากปาก ถรุย!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “บังโม” แสดงอารมณ์เช่นนี้ออกมา ก่อนหน้านี้ก็แสดงบทพระเจ้าให้เห็นตอนโดนเปลี่ยนตัวออก เขวี้ยงเสื้อแสดงอาการหงุดหงิดว่านักเตะอย่างข้าแตะต้องไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองโชว์ฟอร์มไม่ได้เรื่อง (ในบางนัด) แต่ไม่เคยยอมรับ

เหตุการณ์เปลี่ยนตัวในเกมกับเวสต์แฮมนั้น ผมมองว่าต้องชมเจอร์เก้น คล็อปป์ เต็ม ๆ ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้ รักษาอารมณ์ไม่รักษาหน้าตอบโต้ซาลาห์ที่ข้างสนาม เพราะเป็นผู้ใหญ่ออกอาการอะไรไปก็เสียเปรียบ แถมยังจะทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรเสียหาย ผู้จัดการกับนักเตะทีมเดียวกันไปทะเลาะกันเองมันน่าขายหน้า แถมยังเป็นทีมใหญ่มีแฟนทั่วโลกอย่าง ลิเวอร์พูล เสียด้วย

ไม่ว่า คล็อปป์ จะพูดอะไรออกไปก่อน ซาลาห์ ก็ไม่มีสิทธิเหวี่ยงและทำท่าทำทางขนาดนั้นหรอกครับ ขนาดต้องให้ ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ค่อยจะได้มาห้าม เพราะอย่างไรเสีย คล็อปป์ ก็เป็นเจ้านาย การที่ไม่ให้ลงสนามเป็นตัวจริงก็สมเหตุสมผลแล้ว เพราะตัวเองยิงนกตกปลาเป็นว่าเล่นในช่วง 3-4 เกมหลัง

แถมยังไม่เคยคิดจะลงไปช่วยเกมรับ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่คนยังไม่ค่อยพูดถึง ที่ทำให้ หงส์แดง เสียประตูง่ายดายหลายหนในระยะหลัง เพราะกองหน้า 3 คนอย่าง โม ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอ๊าซ นั้นเล่นเกมป้องกันไม่เป็น แถมยังลงไปเชื่อมเกมในแดนกลางไม่ได้เหมือนสมัยมี โรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน่ เล่นเป็นหน้าต่ำไม่ได้อีกด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาทิ้งพื้นที่ในแดนกลางไว้มากเกินไป จนคู่ต่อสู้ทะลวงเข้าไปง่าย ๆ งานหนักก็เลยเกิดแก่พวกมิดฟิลด์เกมรับอย่าง วาตารุ เอ็นโด, อเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ และเซ็นเตอร์อย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โคเวอร์พื้นที่กันบานตะไท 

ปีนี้ คล็อปป์ อาจจะลืมเลือนในจุดนี้ไป ปีที่แล้วใช้ โคดี้ กัคโป ในบทบาทคล้ายกับฟีร์มีโน่ ยังพอได้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

กลับมาที่เรื่องของ ซาลาห์ ครับ ผมมองว่า ลิเวอร์พูล นั้นพึ่งพาเขามากเกินไป จนระยะหลังจะกลายเป็นฟุตบอลชายเดี่ยวอยู่แล้ว ซึ่งปรัชญาของ “หงส์แดง” ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน “บังโม” อายุ 31 ปีแล้ว ให้สัญญาด้วยค่าเหนื่อยถึง 3.75 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ผมมองว่ามันไม่คุ้ม ถ้าเป็นไปได้ปล่อยให้ทีมซาอุฯ ไปเถิด ลดเพดานค่าเหนื่อย แล้วได้ค่าตัวกลับมาด้วย

ไม่ต้องไปง้อให้ต่อสัญญาอีก หวังว่า ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด จะทำอย่างนั้น แล้วหันมามุ่งมั่นสร้างสไตล์ทีมใหม่ในยุคของ อาร์เน่ สล็อต ให้ทีมเวิร์กมันกลับมาให้ได้ โดยเฉพาะในแดนหน้า ไม่ใช่เอะอะจะอาศัยความสามารถเฉพาะเลี้ยงฝ่าเข้าไปยิงท่าเดียว

ส่วนฤดูกาลนี้ก่อนที่ คล็อปป์ จะไป ขอชูจั๊กกะแร้สนับสนุนให้ลงโทษดร็อป ซาลาห์ นั่งสำรองในทุกนัดที่เหลือในพรีเมียร์ลีก เพราะนึกถึงปรัชญาของท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมในอดีต “My Way or High Way!”

ถ้าลูกทีมมาทำกริยาแบบนี้ รับรองว่าท่านเซอร์จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลไปง่าย ๆ เป็นอันขาด.