ความบอบบางของการมีน้ำใจ

คนไทยเป็นคนมีน้ำใจนะคะ หากเห็นข่าวคนเดือดร้อนหรือคนที่ทุกข์ยากมักจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือเสมอ แต่ในยุคสมัยที่ความไม่ปกติกลายเป็นเรื่องปกติ ต้องบอกว่า “ความมีน้ำใจนั้นเป็นสิ่งบอบบาง” ค่ะ บางครั้งความช่วยเหลือของเราอาจไม่ตรงกับความต้องการของเขา หรือบางทีการที่เราลงมือช่วยมากเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนหรือญาติมิตร กลับกลายเป็นว่าน้ำใจของเราที่มอบให้พวกเขานั้นกลายสิ่งที่ไม่มีค่า หรือในหลายครั้งที่คนที่มีน้ำใจมักจะถูกเอาเปรียบจากคนไม่น่ารักอยู่เสมอ

คนเรานั้นเติบโตมาต่างกันและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาค่ะ ในยุคที่น้ำใจสามารถหลั่งไหลได้อย่างรวดเร็ว แถมโอนไวผ่านความเร็ว 5G เราจึงมักได้เห็นโพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านโซเชียลมีเดียกันทุกวันและในทุกแพลตฟอร์ม บางเรื่องก็กลายเป็นประเด็นดังระดับประเทศ เมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่าน Mainstream Media หรือสื่อกระแสหลักซึ่งความช่วยเหลือนั้นหลายครั้งได้ช่วยพลิกฟื้นชีวิต แต่กับอีกหลายคน พวกเขาใช้ความน่าสงสารเป็นเครื่องมือในการเรียกหาน้ำใจจากคนอื่น

สำหรับผู้เขียนนั้น เคยมีมุมมองว่าความมีน้ำใจเป็นเรื่องบอบบางค่ะ ในหลายครั้งตนเองมักจะชะงักมือเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าการที่เราเข้าไปช่วยหรือมีน้ำใจให้เป็นสิ่งที่เขาต้องการหรือเปล่า หรือในบางครั้งที่ลงมือช่วยไปแล้วฝ่ายที่ได้รับความช่วยเหลือกลับไม่มีแม้แต่คำว่าขอบคุณ ก็ทำให้ผู้เขียนกลายเป็นฝ่ายเสียความรู้สึกกับการแสดงน้ำใจของตนเอง

แต่มีรุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่งได้ทำให้มุมมองของผู้เขียนเปลี่ยนไปค่ะ เมื่อผู้เขียนเล่าเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าสงสัยกับความมีน้ำใจ รุ่นพี่ท่านดังกล่าวได้เอ่ยประโยคที่ต้องเรียกว่าเป็น Words of Wisdom ด้วยคำสอนใจที่ว่า “ถ้าอยากช่วย ช่วยเลยไม่ต้องคิดมากว่าคนที่ได้รับเขาจะคิดอย่างไร คนอื่นจะมองอย่างไร แต่ถ้าเราทำแล้วสบายใจก็จงทำ”

นั่นล่ะค่ะ…จากมือที่เคยชะงัก กลายเป็นยินดีทีจะหยิบยื่นให้เมื่อมีโอกาสและมีความเหมาะสม แม้จะรู้ในภายหลังว่า ความมีน้ำใจของเราอาจไม่มีค่า หรือช่วยเขาไม่ได้มาก แต่ที่สุดแล้วอย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำ และไม่รู้สึกว่าตนเองจะบอบบางจากการมีน้ำใจอีกต่อไป เพราะยิ่งใช้ชีวิตผ่านกาลเวลามามากเท่าไร ก็ได้เห็นว่าผู้คนที่เติบโตมาแตกต่างกัน มีปูมหลังไม่เหมือนกัน มักจะมีวิธีคิด และห้อมล้อมด้วยผู้คนที่แตกต่างจากเรา

เป็นเรื่องปกตินะคะที่ความปรารถนาดีหรือความมีน้ำใจของเรา กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับหรือเห็นคุณค่า ซึ่งมีเหตุและปัจจัยหลายประการ อย่างหลายคนโตมาด้วยการร้องขอและไม่คิดจะขวนขวาย ทำให้บางครั้งความปรารถนาดีหรือน้ำใจของเราอาจไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ หรือบางคนเคยได้รับความช่วยเหลือที่ต้องแลกมากับการเสียผลประโยชน์ การยอมรับน้ำใจของคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่พวกเขาระแวงอยู่ตลอดเวลา

ในขณะที่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือความเชื่อ ก็เป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ความปรารถนาดีที่แสดงออกในวัฒนธรรมหนึ่งอาจไม่เหมาะสมหรือไม่เข้าใจในวัฒนธรรมอื่น ทำให้ความปรารถนาดีนั้นไม่เป็นประโยชน์หรือไม่เข้ากับความเชื่อของพวกเขา

หรือคนบางกลุ่มที่เติบโตมาโดยที่ไม่ต้องร้องขอและมีคนทำให้เสมอ ทำให้พวกเขามองว่าการรับน้ำใจจากผู้อื่นเป็นเรื่องของคนอ่อนแอ หรือทำให้พวกเขารู้สึกเสียความภาคภูมิใจที่มีอยู่ หรือในบางคนอาจมองว่าการแสดงความปรารถนาดีของผู้อื่น คือการแสดงออกถึงอำนาจหรือการควบคุ

ใจคนเรายากแท้หยั่งถึงนะคะ ขณะเดียวกันผู้คนเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปตามกาลเวลา เมื่อวานเป็นมิตร วันนี้เป็นแค่คนรู้จักก็เคยเห็นกันมาแล้ว และถ้าใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าใจคุณจะไม่บอบบางกับความมีน้ำใจกันแล้วค่ะ จากนี้จงทำในสิ่งที่คุณสุขใจและไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นกันดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียใจว่า “ทำไมวันนั้นเราไม่ทำ”

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ