หลังจากขับเคี่ยวกันมานานร่วม 11 วัน ในที่สุด ซีเกมส์ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย ก็ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ พร้อมกับตำแหน่ง “เจ้าเหรียญทอง” ที่ตกเป็นของชาติเจ้าภาพด้วยจำนวนเหรียญที่ท่วมท้นถึง 145 เหรียญทอง 92 เหรียญเงิน 86 เหรียญทองแดง
โดยมีจำนวนเหรียญทองทิ้งห่าง “ทีมชาติไทย” ที่รั้งอันดับ 2 มากเป็นเท่าตัว หลังจากเราคว้ามาได้ 72 เหรียญทอง 86 เหรียญเงิน 88 เหรียญทองแดง
และหากเทียบกับซีเกมส์ครั้งก่อนที่สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไทยเป็นเจ้าเหรียญทองที่ 95 เหรียญทอง 83 เหรียญเงิน 69 เหรียญทองแดง ขณะที่มาเลเซียจบการแข่งขันในอันดับ 4 ที่ 62 เหรียญทอง 58 เหรียญเงิน 66 เหรียญทองแดง
ด้วยความที่ซีเกมส์เป็นการแข่งขันในระดับอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเพียง 11 ประเทศเข้าร่วมชิงชัย จึงทำให้การช่วงชิงความเป็นหนึ่งมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะกับชาติที่เป็นเจ้าภาพ ไม่ว่าชาติใดก็มักอาศัยความได้เปรียบในการเป็นเจ้าบ้านโกยเหรียญได้มากกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้เสมอ
แน่นอนว่าครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากซีเกมส์ครั้งก่อนๆ เพียงแต่มากเป็นประวัติการณ์ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนทำให้หลายชาติถึงกับเอือมระอาในกลโกงของเจ้าภาพมาเลเซียที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อนำมาซึ่งเหรียญทอง แม้จะถูกตราหน้าว่าโกงกันหน้าด้านๆ ก็ตาม
และนี่คือ 5 ที่สุดของกลโกงที่เกิดขึ้นในซีเกมส์ ครั้งที่ 29 โดยเจ้าภาพมาเลเซีย ซึ่งคงเป็นที่กล่าวขานและจดจำไปอีกนาน จนกว่าจะมีเจ้าภาพชาติไหนสร้างวีรกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาให้ได้เป็นประเด็นอีก
เดิน 10,000 เมตรหญิง
ตามกติกาการแข่งขันเดิน 10,000 เมตร หรือที่เราเรียกกันว่า “เดินทน” นั้น ก่อนยกเท้าหลังจากพื้น ส้นเท้าหน้าที่นำอยู่ต้องสัมผัสพื้นก่อน ห้ามเท้าทั้งสองพ้นจากพื้นในเวลาเดียวกันเป็นอันขาด แต่รายของ เอเลน่า โก๊ะหลิง ยิน นักกีฬามาเลเซีย กลับโนสนโนแคร์ ทำผิดกติกาชัดเจนเพราะอยู่ในลักษณะเกือบจะวิ่งมากกว่าเดิน เมื่อเท้าหน้าลอยจากพื้นโดยที่ส้นเท้าไม่สัมผัสพื้น ก่อนปล้นชัยชนะจากนักกีฬาสาวเวียดนามไปหน้าตาเฉย
ยิมนาสติกสากลชาย
ยิมนาสติกสากลชาย เป็นกีฬาที่มาเลเซียห่างหายจากเหรียญทองนานถึง 12 ปี แต่พอได้เป็นเจ้าภาพอะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อนักกีฬา 2 คน ของมาเลเซียที่ลงแข่งยิมนาสติกบุคคลแยกอุปกรณ์ ประเภทม้าหู เกิดทำคะแนนได้เท่ากันพอดี คือ 13.650 คะแนน ซึ่งในระหว่างแข่งขันไม่มีสกอร์บอร์ดแสดงคะแนนให้โค้ชและนักกีฬาได้เห็นด้วย ทำให้ จามร พรหมณี ตัวเต็งที่หวังป้องกันแชมป์ให้ทีมชาติไทยแทนรุ่นพี่ ราชวัตร แก้วปัญญา ได้เหรียญทองแเดงไปแบบเซ็งๆ จากคะแนนที่ทำได้ 13.250 แต้ม
ปัญจักสีลัตชาย
เจ้าภาพมาเลเซียโกยคะแนนในกีฬาปัญจักสีลัตประเภทร่ายรำชายคู่ด้วยคะแนนที่มากถึง 570 คะแนน ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การแข่งขัน จนเอาชนะแชมป์เก่าอย่างอินโดนีเซียไปได้ 28 คะแนน พร้อมกับคว้าเหรียญทองไปครอง ซึ่งผู้จัดการทีมแดนอิเหนาถึงกับบอกว่า รู้อยู่แล้วว่าเจ้าภาพจะโกง ซึ่งก็ต้องยอมรับให้ได้ ทั้งที่มาเลเซียไม่สมควรได้เหรียญรางวัลหรือแม้แต่ที่ 4 เสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ทีมชาติไทยก็โดนพิษของเจ้าภาพเช่นกัน เมื่อระหว่างแข่งรอบชิงชนะเลิศ ประเภทต่อสู้ คลาสดี รุ่น 65 กิโลกรัมชาย นักกีฬามาเลเซียถูก พรเทพ พูลแก้ว เจ้าของทองซีเกมส์ครั้งที่แล้วเตะซ้ำเข้าที่ท้องได้รับบาดเจ็บ (ซึ่งเป็นท่าต่อเนื่องที่เป็นไปตามกติกา) แต่กลับเล่นใหญ่แสดงอาการว่าเจ็บหนักจนไม่สามารถแข่งต่อได้ ทำให้ไทยถูกปรับแพ้ฟาวล์ และเป็นมาเลเซียที่ได้เหรียญทองไปครอง โดยที่การประท้วงของไทยไม่เป็นผล!
เทควันโดชาย
กีฬาที่ตัดสินด้วยสายตาอย่างเทควันโดถือว่ามีปัญหาแทบจะทุกคู่ที่นักกีฬาจากชาติอื่นมาเจอกับชาติเจ้าภาพ ซึ่งรวมถึงการแข่งขันรุ่นไม่เกิน 68 กิโลกรัมชายด้วย เมื่อ โรไซมี่ โรซาลี่ นักเทควันโดเจ้าภาพได้อานิสงส์จากการตัดสินของกรรมการ หลังได้เพิ่ม 1 แต้มสำคัญ ไล่ตามคู่แข่งฟิลิปปินส์มาเป็น 17-17 คะแนนเท่ากันในช่วง 13 วินาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ก่อนได้รับการชูมือให้เป็นผู้ชนะชนิดที่เจ้าตัวยังยอมรับว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เหรียญทองนี้มาครอง
มวยสากลสมัครเล่นชาย
นอกจากจะใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าภาพตัดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นหญิงออก เพราะเป็นกีฬาที่ตัวเองไม่มีความหวังไม่ต่างจากยกน้ำหนักหญิงแล้ว มวยสากลชายก็ยังจัดเฉพาะรุ่นเล็กแค่ 6 รุ่นเท่านั้น
แม้ว่าทีมชาติไทยจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ 5 จาก 6 รุ่น แต่กลับโดนตุกติกเรื่องการเปลี่ยนแปลงเวลาชกโดยไม่บอกล่วงหน้าให้ทราบในบางรุ่น อีกทั้งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมนักชกไทยยังยอมรับด้วยว่า มีการขอแบ่งเหรียญทองกันเพื่อแลกกับการบรรจุกีฬาชนิดนี้ในซีเกมส์ ทำให้ทีมชาติไทยไม่ได้ส่งนักชกที่ดีที่สุดครบทุกรุ่น
สุดท้ายเลยได้กลับบ้านมา 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ซึ่งรุ่นฟลายเวท 49 กก.ที่ ธานี นะรินรัมย์ เข้าชิงกับมาเลเซีย ก็แพ้คะแนนไปตามคาดด้วย!
