ได้แชมป์แต่โดนด่า

สารภาพตามตรงนะครับ ด้วยภาระกิจที่รัดตัวแบบสุดๆในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผมเองแทบจะไม่มีโอกาสติดตามการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 29 สักเท่าไหร่ จวบจนนัดชิงเหรียญทองฟุตบอลชาย ที่ไทยเอาเฉือนชนะเจ้าภาพมาเลเซีย 1-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่รอบแรกๆ ที่พอจะผ่านตาอยู่บ้างก็คือกระแสวิจารณ์ในโลกโซเชียลกับทีมชุดนี้ ที่ส่วนใหญ่สับแหลกไปที่แนวทางการเล่นบ้าง สภาพความฟิตบ้าง แผนการทำทีมของโค้ชบ้าง ที่ชื่นชมอยู่อย่างเดียวเห็นจะเป็นผู้จัดการทีมคนสวย “คุณเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี คนเดียวเท่านั้นจริงๆ

พูดถึงฟุตบอล “ซีเกมส์” แล้ว แม้ในความรู้สึกส่วนตัวของผมจะตั้งธงไว้ที่เหรียญทองสถานเดียว แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าทีมชุดนี้ ไม่ใช่ชุดที่จะพูดว่า “ใครทำก็ได้แชมป์” เหมือนซีเกมส์ครั้งก่อนอีกต่อไป เพราะนี่คือทีมเด็กที่ส่วนใหญ่เติบโตมาจากชุดแชมป์ เอเอฟเอฟ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ฉะนั้นแทบจะไม่มีนักเตะคนไหนมีประสบการณ์ในเกมระดับชาติที่มีแฟนบอลกดดันมากขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรชื่นชม ตั้งแต่ผู้จัดการทีม โค้ช และน้องๆนักฟุตบอลทุกคนครับ ที่เอาตัวรอดคว้าเหรียญทองที่เราต้องได้กลับสู่เมืองไทย

อย่างไรก็ดีก็อย่าลืมนะครับว่า เป้าหมายของฟุตบอลไทยในยุคนี้ มันไม่ใช่แค่ได้เหรียญทองซีเกมส์ แบ่งเงินอัดฉีดแล้วจบกัน เพราะทีมชุดนี้ยังคงต้องเดินหน้าต่อ และต้องขึ้นมาเป็นแบ็คอัพให้กับทีมชุดใหญ่ให้ได้เร็วที่สุด

การได้แชมป์แล้วโดนด่า แน่นอนล่ะครับ ในฐานะนักกีฬา และคนทำทีมย่อมผิดหวังและท้อ แต่หากมองกันแบบแฟร์ๆ คนไทยทุกคนไม่มีใครไม่เชียร์ทีมชาติไทยหรอกครับ ไอ้พวกที่ด่าหยาบคายไร้สาระก็ปล่อยผ่านไป ส่วนคำวิจารณ์ที่มีเหตุผล ผมเองอยากให้ทีมงานชุดนี้นำกลับมาทบทวน

จากนี้ไปทีมชุดนี้ยังมีภาระกิจที่ใหญ่ขึ้นในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศจีน ช่วงต้นปีหน้า เมื่อถึงวันนั้นหล่ะครับ จะเป็นวันที่เราต้องเจอของจริงในระดับเอเชีย

สุดท้ายหากเสียง “ด่า” ในวันนี้ แปรเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนทำผลงานลบเสียงวิจารณ์เหล่านั้นได้ มันจะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ เห็นด้วยกับผมไหมล่ะครับ แฟนบอลชาวไทย