ทรัพย์สินเมื่อหามาได้แล้ว เวลาอยู่ก็มีปัญหาเวลาจากไปก็จะเป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่ หากไม่ได้มีการจัดการให้เรียบร้อยตามกฎหมาย หรือที่เรียกว่า “พินัยกรรม” และเวลามีการพูดถึงพินัยกรรม หลายคนมักคิดว่าเป็นเรื่องที่ไว้ทำตอนอายุมาก ๆ หรือรู้สึกว่าตนเองอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว พินัยกรรม คือการวางแผนล่วงหน้า และสามารถจัดการด้วยตนเอง ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้ทนายความ และไม่ใช้ทนายความ แต่ไปจัดการเอกสารที่อำเภอ
ซึ่งรูปแบบของพินัยกรรมที่ดูจะเหมาะสมสำหรับคนทั่วไปและไม่ต้องเสียเงินจ้างทนายความ จะมีด้วยกันสามแบบคือ
1. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
2. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
3. พินัยกรรมทำด้วยวาจา
ซึ่งพินัยกรรมทั้งสามประเภทนี้ จะมีฝ่ายปกครองที่อำเภอเข้าไปเกี่ยวข้อง และทำให้เอกสารจะได้รับการจัดเก็บและดำเนินการต่อโดยทายาทที่ชอบธรรม โดยพินัยกรรมทั้งสามประเภทซึ่งอำเภอ มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำนั้นมีรายละเอียดในการจัดการดังนี้
1. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
- การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ไม่จำเป็นต้องทำในที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอเสมอไป ถ้าผู้ทำร้องขอจะทำนอกที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอก็ได้ เมื่อทำพินัยกรรมเสร็จแล้ว ถ้าผู้ทำพินัยกรรมไม่มีความประสงค์จะขอรับเอาไปเก็บรักษาเองโดยทันทีแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของนายอำเภอจัดเก็บรักษาพินัยกรรมนั้นไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอก็ได้
- เมื่อความปรากฏว่าผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตายแล้ว ผู้จัดการมรดกหรือผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยพินัยกรรม หรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุด หรือผู้ซึ่งทำพินัยกรรมให้จะขอรับพินัยกรรมไปไว้ โดยแสดงหลักฐานการตายของผู้ทำพินัยกรรม เมื่อสอบสวนเป็นที่พอใจแล้ว ให้นายอำเภอมอบพินัยกรรมนั้นให้ไป
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงพร้อมสำเนา
- หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่จะทำพินัยกรรม
- กรณีผู้ทำพินัยกรรมอายุเกิน 60 ปี หรือป่วยควรมีใบรับรองแพทย์ว่ามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
- พยานบุคคลอย่างน้อย 2 คน (ต้องเป็นผู้ไม่มีส่วนได้เสียกับทรัพย์สินในพินัยกรรม)
- หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี)
- ค่าธรรมเนียมกรณีทำในสำนักงานเขต 50 บาท คู่ฉบับ ๆ ละ 10 บาท
- กรณีทำนอกสำนักงานเขต 100 บาท คู่ฉบับ ๆ ละ 20 บาท
2. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
- บุคคลผู้เป็นทั้งใบ้และหูหนวก หรือผู้ที่พูดไม่ได้ มีความประสงค์จะทำพินัยกรรมเป็นเอกสารลับก็ได้ โดยให้ผู้นั้นเขียนด้วยตนเองบนซองพินัยกรรมต่อหน้านายอำเภอ และพยานอย่างน้อย 2 คน ว่าพินัยกรรมที่ผนึกนั้นเป็นของตน แทนการให้ถ้อยคำ
- ถ้าผู้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับประสงค์ขอรับไปทันที ก็ให้นายอำเภอมอบให้ไปได้ โดยให้ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อรับในสมุดทะเบียน
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- พินัยกรรมซึ่งใส่ซองปิดผนึกแล้ว
- พยานบุคคล 2 คน
- ค่าธรรมเนียมฉบับละ 20 บาท
3. พินัยกรรมทำด้วยวาจา
เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งบุคคลใดไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตายหรือเวลามีโรคระบาดหรือสงคราม ซึ่งในพฤติการณ์เช่นนี้ ผู้ทำพินัยกรรมไม่อาจหาเครื่องมือเครื่องเขียนได้ทันท่วงที หรือกว่าจะหาได้ก็ถึงตายเสียก่อน ผู้ทำพินัยกรรมสามารถทำพินัยกรรมด้วยวาจาได้
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- พยานบุคคล 2 คน
การตัดทายาทโดยธรรมมิให้รับมรดก
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- พยานบุคคล 2 คน
- ค่าธรรมเนียม 20 บาท กรณีฝากเก็บรักษาออกใบรับตามแบบ พ.ก.8 และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 20 บาท
การถอน การตัดทายาทโดยธรรมมิให้รับมรดก
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หลักฐานการตัดทายาทโดยธรรมมิให้รับมรดก
- พยานบุคคล 2 คน
- ค่าธรรมเนียม 20 บาท กรณีฝากเก็บรักษาออกใบรับตามแบบ พ.ก.8 และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 20 บาท
การสละมรดก
สิ่งที่ต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีเป็นผู้เยาว์ บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลผู้ไม่สามารถจัดทำการงานของตนเองได้ ต้องมีหลักฐาน คือ
- หลักฐานของบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์
- คำพิพากษาหรือคำสั่งศาล
- หลักฐานการเสียชีวิตของเจ้ามรดก
- พยานบุคคล 2 คน
- ค่าธรรมเนียม 20 บาท กรณีฝากเก็บรักษาออกใบรับตามแบบ พ.ก.8 และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 20 บาท
ที่มา : สำนักบริหารทะเบียน กรมการปกครอง