สัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อโซเชียลหลายเพจต่างประโคมข่าวว่า เคาะแล้ว! ไทยแบนการขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในปี 2035 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า!
แวบแรกที่ข่าวนี้ผ่านตา ผมเองพยายามหาต้นตอของข่าวว่ามาจากไหน และที่บอกว่า “เคาะแล้ว” คือเคาะอะไร รวมถึงสอบถามไปยังพรรคพวกนักข่าวว่า สรุปแล้วมีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วหรือ ว่าจะห้ามขายรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปีดังกล่าว ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า ยังไม่มีอะไรสรุปออกมาทั้งสิ้นครับ!
ต้นตอของเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วมาจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “บอร์ด EV” เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 64 ซึ่งจากนี้ไปเราน่าจะได้ยินชื่อหน่วยงานนี้บ่อยขึ้นครับ เพราะเป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางและวางเป้าหมายยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
เนื้อข่าวอย่างเป็นทางการที่ถูกต้องมากที่สุด มาจากเว็บไซต์ www.thaigov.go.th ของรัฐบาล ที่บอกว่า บอร์ด EV เตรียมออกมาตรการส่งเสริมกระตุ้นใช้รถพลังงานไฟฟ้า ย้ำนะครับว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดและเป้าหมายที่เตรียมที่จะผลักดันให้เกิดเท่านั้น
สิ่งที่อยากจะบอกไปยังท่านที่ใช้รถคือ อย่าเพิ่งไปตื่นเต้นอะไรมากครับ โดยเฉพาะเสียงที่บอกว่ารถพลังงานไฟฟ้ายังแพงอยู่มาก แล้วภาระต่าง ๆ จะมาตกกับผู้ใช้รถอย่างเรา ๆ เพราะถึงแม้จะกำหนดมาตรการออกมาจริง มันก็อีกตั้ง 14 ปีครับ ระยะเวลานับจากนี้ระหว่างทางมีอะไรเกิดขึ้นมากมายแน่นอน
ผมเคยคุยเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในวงการยานยนต์ท่านหนึ่ง เขาบอกแบบไม่อ้อมค้อมว่า เหนือสิ่งอื่นใดคือผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอะไหล่และพลังงานรถยนต์ที่จะสูญเสียเม็ดเงินอันมหาศาลไป ฉะนั้นมันก็ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน เพราะโรงงานและสายพานการผลิตจะต้องลงทุนยกเครื่องใหม่ทั้งหมด
กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถใช้เครื่องยนต์เดิมจะต้องมีการปรับตัว เพราะไม่มีทางที่เขาจะทิ้งตลาดนี้ไปแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะปรับตัวได้เร็วหรือช้า ที่สำคัญหากเกิดความเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล นโยบายก็อาจจะถูกปรับเปลี่ยนได้เช่นกัน เหมือนอย่างกับที่ประธานบอร์ด EV เปลี่ยนมาแล้ว 1 ครั้ง จากการปรับครม.
สิ่งสำคัญที่สุดคือฐานการผลิตของบรรดายี่ห้อรถต่าง ๆ ทั้งเจ้าตลาดเดิมและเจ้าใหม่ ที่ต้องเข้ามาตั้งโรงงานในบ้านเรา ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้ยินข่าวว่าค่ายไหนปริปากที่เตรียมตั้งโรงงานรถ EV ในไทยแบบจริงจังเลย มีแต่แนวคิดและนโยบายจากหน่วยงานในบ้านเราที่วางเป้าเอาไว้เท่านั้น
ในต่างประเทศ ค่ายรถเองต่างหากที่เป็นฝ่ายประกาศเป้าหมาย อย่างในสหรัฐฯ เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) กับโฟล์คสวาเกน (VW) ต่างประกาศว่าจะเลิกผลิตรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2035 หลัง โจ ไบเดน ตั้งเป้าให้รถที่ใช้ในรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเป็นรถ EV ทั้งหมดในปีเดียวกัน
ฉะนั้นในบ้านเรา หากค่ายรถมั่นใจว่าพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนตั้งสายพานการผลิตรถพลังไฟฟ้าเมื่อไหร่ เป้าหมายเลิกผลิตรถใช้น้ำมันในปี 2035 ของบอร์ด EV ก็อาจเป็นจริงขึ้นได้
แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ผมมองว่าสักวันมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี แต่คงไม่ใช่ในอีก 14 ปี ข้างหน้าแน่นอนครับ
