สัปดาห์ที่แล้ว ภาพที่นายกรัฐมนตรีปรากฏแอคเคาท์ในแอปพลิเคชัน TikTok กลายเป็นประเด็นให้สื่อเอามาเล่นกันในช่วงเวลาเสาร์อาทิตย์ และทำให้ TikTok แอปพลิเคชันสุดฮิตในหมู่วัยรุ่น ถูกถามจากคนที่มีวัย 45 ปีขึ้นไปว่าแอปฯ นี้สนุกยังไง ก็ยังทำให้เห็นว่าสื่อกระแสหลัก ยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง ไม่ได้ถูกยึดครองพื้นที่จากเหล่า Influencer เพียงฝ่ายเดียว
การกำเนิดแอคเคาท์ทั่นนายกฯ (ไม่ได้เขียนผิดตั้งใจเขียนแบบนี้) ใน TikTok นั้นทางทีมงานได้แจ้งเอาไว้ในข่าวว่า ทั่นนายกฯ ต้องการสื่อสารกับคนทุกเจเนอเรชัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีแอคเคาท์ในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์มาครบแล้ว และในรายงานข่าวยังแจ้งว่านายกฯ เตรียมลงสู่สนาม Podcast ด้วย (เออ. เอากับลุงซิ!)
ในมุมหนึ่งเมื่อเห็นผู้นำประเทศ ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองใช้ โซเชียลมีเดีย เป็นกระบอกเสียงให้ตนเอง ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสนุกค่ะ เพราะได้เห็นการปรับตัวของคนที่มาจากยุคอนาลอกเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่ในอดีมุมหนึ่งถ้าพูดกันถึงเรื่องของการสื่อสารที่ทีมงานต้องการให้ทั่นนายกฯ มีแอคเคาท์บนโซเชียลมีเดียให้ครบทุกแพลตฟอร์มที่คนไทยนิยม อยากให้ทีมงานมองไปถึงเรื่องความสำคัญของการสื่อสารกันก่อน
การสื่อสารที่ดีนั้น ประกอบไปด้วยทักษะที่สำคัญ 5 ทักษะ คือการการสื่อสารที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี การสื่อสารที่สามารถพูดเพื่อจูงใจผู้ฟังได้ การสื่อสารที่รับฟังความต้องการของผู้ฟัง การสื่อสารที่เรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ และการสื่อสารที่มองผู้ฟังด้วยทัศนคติเชิงบวก
ทั้งหมดนี้คือทักษะสำคัญในการสื่อสารที่ดี สื่อสารแล้วคนฟังอยากจะรับสารที่ส่ง คนได้ยินก็รู้สึกถึงพลังงานเชิงบวกที่ส่งมาให้ เอาเข้าจริงถ้ามีครบทั้ง 5 ทักษะนี้ทั่นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องมีแอคเคาท์ในทุกแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียก็ได้
เพราะเอาเข้าจริงถ้าสื่อสารถูกต้อง และครบทั้ง 5 ทักษะ บรรดาสื่อและ Influencer ทั้งหลายก็จะเอาไปขยายความเอง แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อทีมงานต้องการสร้างกลยุทธในการทำสงครามข้อมูลข่าวสาร ในยุคที่ First Window ของคนทั้งโลกไม่ใช่โทรทัศน์แต่กลับกลายเป็นสมาร์ทโฟน การเพิ่มภาพและเสียงของทั่นนายกฯ เข้าไปในทุกแพลตฟอร์ม จึงกลายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
ข้อมูลล่าสุดของ Hootsuite.com ที่ทำรายงานสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียของคนทั้งโลกกล่าวถึง การใช้โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบนแอปพลิเคชันบน TikTok เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่มาแรงมาในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และต้องกักตัวอยู่กับบ้าน
ความนิยมของ TikTok ที่เริ่มจากคนดังและเซเลบริตี้ มาถึง Influencer จนถึงคนทั่วไป ทำให้ดาว TikTok กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของยูทูบเบอร์ โดยเฉพาะข้อมูลจาก Hootsuite ที่ระบุว่า คำค้นใน Search ของ TikTok และ YouTube นั้นเป็นคำในลักษณะเดียวกัน
ผลจากรายงานดังกล่าว ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่กล่าวว่า
“มันหมดไปแล้ว ยุคแห่งความเฟื่องฟูที่จะมีซูเปอร์สตาร์ซึ่งมีอิทธิพลต่อคนในวงกว้างอย่างยาวนาน นี่คือยุคสมัยที่คนแจ้งเกิดชั่วข้ามคืน เกิดกระแสขึ้นชั่วขณะ แล้วก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว” ดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะนี่คือยุคสมัยที่แอปพลิเคชันสำหรับตอบสนองความต้องการของเนตติเซียนโซเชียลมีเดีย ทั่วโลกถูกสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
รายงานของ Hootsuite.com ระบุไว้ว่าเนตติเซียนหนึ่งคนมีมากกว่าหนึ่งแอปฯ เป็นข้อมูลที่ทำให้เราต้องระมัดระวังการสื่อสารของตนเองให้มากขึ้น ทบทวนว่าข้อความที่สื่อสารออกไปนั้นมีครบตามทักษะทั้ง 5 ข้อหรือยัง (5 ข้อด้านบนกลับไปอ่านได้) ถ้ามีครบแล้ว คุณจะมีแอคเคาท์ครบในทุกแพลตฟอร์มเลยก็ได้ไม่มีใครว่า
แต่ถ้าพิจารณาแล้วยังขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง ลองหันมาทบทวนตนเองก่อนจะดีกว่า เพราะต่อให้มีครบตามกระแส แต่ยังสื่อสารได้ไม่ดี ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้มากตามจำนวนแอคเคาท์ที่มี นี่ล่าสุดชาวโซเชียล หันไปหาแอปฯ ใหม่อย่าง Clubhouse ทางเราก็กลัวใจทางทีมงานทั่นนายกฯ จะรีบเปิดแอคเคาท์บนแอปฯ รบกวนศึกษาให้ดีกันก่อนนะคะ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
