ทุกวันนี้ เวลาที่เราเปิดโทรทัศน์เพื่อดูรายการข่าว หรือเปิดช่องทางโซเชียลมีเดียของนักแสดง พิธีกร คนดัง มักจะต้องเจอการขายของอยู่เป็นประจำ และหนึ่งในของที่นำมาขายให้เราเห็นจนชินตาก็คือ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” หรืือ “อาหารเสริม” นั่นเอง แล้วเคยนึกสงสัยไหมว่าในความเป็นจริงแล้ว อาหารเสริมจำเป็นแค่ไหนที่ต้องกิน แล้วจำเป็นไหมที่ต้องไปสรรหามากิน
อาหาร “เสริม” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “เสริม”
จริง ๆ แล้ว หากไม่ได้ต้องการคำนิยามอะไรมากมายที่ยากจะเข้าใจ อาหารเสริม ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือ อาหาร “เสริม” เพราะฉะนั้น มันคืออาหารที่กินเพื่อ “เพิ่มเติม” เท่านั้น จึงจำเป็นที่ต้องกิน ถ้าเราไม่ได้ต้องการเสริม เพราะมันไม่ใช่อาหารหลักที่ร่างกายต้องการ
แต่ถ้าให้นิยามตามกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2548 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารตามปกติ ซึ่งมีสารอาหารหรือสารอื่นเป็นองค์ประกอบ อยู่ในรูปแบบเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลวหรือลักษณะอื่น ซึ่งมิใช่รูปแบบอาหารตามปกติ (conventional foods) สําหรับผู้บริโภคที่คาดหวังประโยชน์ทางด้านส่งเสริมสุขภาพ
อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary supplements) ถูกจัดให้เป็นอาหารชนิดหนึ่งตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ดังนั้น การกินอาหารเสริมก็กินได้ในลักษณะที่เป็นเพียงอาหารชนิดหนึ่ง ไม่สามารถอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใด ๆ ของร่างกายทุกชนิด อาหารเป็นแค่อาหาร ไม่ใช่ยา
ยาแตกต่างกับอาหารเสริม เพราะการขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องมีการพิสูจน์เชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ ว่ายามีผลออกฤทธิ์ตามสรรพคุณที่กล่าวอ้างจริง ๆ โดยจะระบุไว้บนฉลากยา อีกนัยหนึ่งก็คือ วัตถุออกฤทธิ์ที่มีผลเปลี่ยนแปลงการทำงานของร่างกาย เปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกาย จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาไม่ใช่อาหาร วัตถุประสงค์ของอาหารคือกินเพื่อดำรงชีวิตอยู่ แต่วัตถุประสงค์ของยาคือกินเพื่อรักษาโรค
อาหารเสริม ใช้กับผู้ที่จำเป็นเท่านั้น
อิทธิพลของโฆษณาชวนเชื่อที่มักอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น การโฆษณาว่าอาหารเสริมชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน รวมถึงสามารถชดเชยสารอาหารที่ร่างกายขาด กินให้ผอม กินให้ขาว กินเพื่อรักษาโรค กินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และกินเพื่อให้อายุยืน ทำให้หลายคนกินอาหารเสริมผิดวัตถุประสงค์
เพราะอาหารเสริมนั้น ในทางการแพทย์จะแนะนำให้ใช้เฉพาะในผู้ที่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารเสริมจริง ๆ เช่น
- หญิงตั้งครรภ์ ต้องการสารอาหารมากกว่าสตรีทั่วไป เพื่อให้เเพียงพอทั้งแม่และลูก
- ผู้ป่วยที่เบื่ออาหาร เนื่องจากภาวะเบื่ออาหารทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ ผู้ป่วยจึงไม่สามารถรับสารอาหารจากการกินอาหารหลัก ต้องใช้อาหารเสริมที่กินได้ง่ายและสะดวกในการกินมากกว่า
- ผู้สูงอายุ ด้วยร่างกายที่เสื่อมสภาพตามอายุ ทำให้การดูดซึมสารอาหารไม่ได้ดีเท่าวัยหนุ่มสาว และร่างกายที่ถดถอย ก็จำเป็นต้องได้รับสารอาหารมาเสริม
- ผู้ที่มีภาวะร่างกายดูดซึมสารอาหารผิดปกติ เช่นเดียวกับผู้สูงอายุ คนกลุ่มนี้มีความผิดปกติในการดูดซึมสารอาหาร จึงจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม
นั่นหมายความว่า อาหารเสริมไม่ได้จำเป็นอะไรเลยกับคนที่ร่างกายแข็งแรงดี และกินอาหารครบ 5 หมู่อยู่แล้ว แต่ถ้ากินไม่ครบ แต่ไม่ได้มีภาวะที่จำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม ก็ไม่จำเป็นต้องกินเช่นกัน (แต่ถ้ากินก็พอได้) อาจพยายามเลิกพฤติกรรมการเลือกกินอาหาร ที่ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด กรณีนี้ต้องปรับพฤติกรรมการกินของตัวเองกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและจำเป็นต่อร่างกาย หากใครไม่กินผักหรือผลไม้ อย่างน้อยก็ควรหาชนิดที่คิดว่าตนเองสามารถกินได้มากินบ้าง
อาหารเสริมในทางการแพทย์ ปกติแพทย์จะเป็นผู้สั่งให้ผู้ป่วยใบางราย กรณีที่มีการวินิจฉัยชัดเจนว่าขาดสารอาหารบางชนิด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ในทางการแพทย์ คนที่สมควรกินอาหารเสริมมีข้อบ่งชี้เดียวคือ คนคนนั้นขาด ซึ่งก็มักจะมีการแสดงอาการ หรือควรไปตรวจหาให้ได้ผลที่แน่ชัดก่อนว่าอยู่ในภาวะขาดสารอาหาชนิดใดชนิดหนึ่งหรือไม่ แพทย์จะให้คำแนะนำในการเสริมสารอาหารในบางชนิดตามความจำเป็น
อาหารเสริม กินมากไป อันตราย
อย่างที่ทราบว่าผลิตภัณฑ์จำพวกอาหารเสริมหรือเสริมอาหารนั้น เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราของเราค่อนข้างมากในปัจจุบัน สังเกตได้จากมีอาหารเสริมหลากหลายยี่ห้อออกมาขายเกลื่อนตลาด อวดอ้างสรรพคุณที่ดูเกินความเป็นจริง อ้างว่าเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง รักษาโรค กินแล้วขาว ผอม หรือในทำนองว่าถ้าอยากได้สารอาหารครบก็ไม่จำเป็นต้องกินผักผลไม้ กินอาหารเสริมง่ายกว่าเยอะ โดยมีทั้งของแท้บ้างของปลอมก็มาก
ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริม ว่าชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการกินเพื่อ “เสริม” ทางการแพทย์จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับสารอาหารไม่พอเพียงหรือมีภาวะขาดสารอาหาร แต่ถ้าหากเราได้รับสารอาหารจากอาหารที่กินประจำวันอย่างเพียงพอแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเสริมอีก
นอกจากนี้ การได้รับอาหารเสริมเกินความจำเป็นก็มีโทษต่อร่างกาย ในระยะยาวอาจทำให้ตับและไตทำงานหนัก เนื่องจากต้องขับสารเหล่านี้ออกจากร่างกาย จนทำให้ตับและไตมีปัญหาได้ในที่สุด ดังนั้น อาหารเสริมไม่ได้มีความจำเป็นต่อร่างกาย และก็ไม่ควรทานทุกวัน หากจะกินอาหารเสริมจริง ๆ ควรพิจารณาให้ดีก่อน
- การกินวิตามินหรืออาหารเสริมเยอะ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยหรือทำให้ร่างกายแข็งแรง เพราะมันสามารถตกค้างและสะสมในร่างกายได้ ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกาย
- หากต้องการจะกินวิตามินหรือแร่ธาตุเสริม ควรตรวจหาระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายเสียก่อน เพื่อดูว่าวิตามินหรือแร่ธาตุชนิดไหนที่ร่างกายต้องการเพิ่มเติม หากไม่มีวิตามินหรือแร่ธาตุชนิดใดต่ำเกินเกณฑ์ ก็ไม่ต้องกิน
- วิตามินกลุ่มที่ละลายน้ำจะปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่า เพราะไม่มีการสะสมตกค้างในร่างกาย กินแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ ได้แก่ วิตามินบี และซี
- ส่วนวิตามินเอ ดี อี เค เป็นวิตามินชนิดที่ไม่ละลายในน้ำ แต่จะละลายในไขมัน และร่างกายไม่ได้ขับไขมันออก (ต้องถูกเผาผลาญออกเท่านั้น) ถ้ากินวิตามินเอ ดี อี เคติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดโรคผิดปกติต่อร่างกาย
- หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริม เพราะวิตามินบางชนิดผู้ที่มีโรคประจำตัวจะกินไม่ได้ เช่น คนไข้มีปัญหาโรคไต ไม่ควรกินวิตามินเอ เพราะจะทำให้เกิดภาวะวิตามินคั่งในตับและเกิดผลเสียต่อร่างกาย
เลือกอาหารเสริมให้ปลอดภัย
วิธีการเลือกอาหารเสริมหากตนเองเข้าข่ายผู้ที่ควรจะได้รับสารอาหารเพิ่มเติม สิ่งแรกที่ต้องดูก็คือ มีเครื่องหมาย อย. หรือไม่ เพราะตามกฎหมายแล้วอาหารทุกชนิด ต้องมีเครื่องหมายอย. รับรองว่าปลอดภัยที่จะบริโภค อย่างไรก็ดี อย. มีหน้าที่รับรองแค่ว่าอาหารปลอดภัยที่จะบริโภคเท่านั้น ไม่ได้รับรองสรรพคุณที่ผลิตภัณฑ์อวดอ้างใด ๆ อะไร ส่วนข้อสังเกตของยา ยาจะไม่มีเครื่องหมายอย. แต่จะมีฉลากว่าเป็นตำรับยา และมีเลขตำรับยา
นอกจากนี้ ให้ดูว่าอาหารเสริมนั้น ๆ มีการอวดอ้างสรรพคุณอย่างไร สรรพคุณของอาหารเสริมโดยทั่วไปจะบอกว่าใช้สำหรับบำรุงร่างกาย แต่เวลาที่ทำการโฆษณานั้นมีการอวดอ้างเกินจริงหรือไม่ เช่น กินแล้วหายจากโรคร้าย กินแล้วมีสุขภาพดี กินแล้วขาว กินแล้วผอม หรือเป็นยาเทวดารักษาได้ทุกโรคทำนองนั้น ซึ่งถ้าหากมีอาหารอย่างที่ว่าแล้วล่ะก็ โลกนี้คงไม่จำเป็นต้องมีหมอ
ใส่ใจการกิน สำคัญที่สุด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ในคนที่ร่างกายเป็นปกติแข็งแรงดี สามารถกินอาหารได้ปกติ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลยที่ต้องกินอาหารเสริมใด ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว การดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ไม่จำเป็นต้องเสียเงินนอกเหนือจากซื้ออาหารกินในชีวิตประจำวัน และไม่จำเป็นต้องสรรหามากินเพื่อบำรุงร่างกายด้วย
เพียงแค่เน้นกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และไขมัน ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป ออกกำลังกาย ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงทำร้ายสุขภาพ อย่างการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงเท่านี้ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรงโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมหรือยาเทวดาครอบจักรวาลใด ๆ
และที่สำคัญ หากจะตัดสินใจจะกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ก็ตาม อย่าลืมตรวจสอบฉลาก ดูสรรพคุณ ดูส่วนประกอบ ดูข้อควรระวัง และต้องผ่านการรับรองจากอย. ด้วย (ระวังการปลอมแปลง) เพื่อให้ร่างกายปลอดภัยมากที่สุด