
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เบี้ยคนชรา” กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ จากกรณีที่หญิงชรา วัย 89 ปี ได้รับเบี้ยซ้ำซ้อนจากทางรัฐบาล จึงถูกกรมบัญชีกลางเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง 10 ปี
กรณีดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยจากสังคมตามมาว่ามนุษย์เงินเดือนจะเสียสิทธิ์ในการรับเบี้ยคนชราเหมือนคุณยายคนดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากคุณยายได้รับ “เบี้ยบำนาญพิเศษ” จากลูกชายที่เป็นทหารและเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่อีกทางหนึ่ง จนเป็นที่มาของการเรียกเงินคืนในภายหลัง
ขณะที่ผู้จ่ายเงินประกันสังคมก็จะมีสิทธิ์ได้รับเงิน “บำนาญชราภาพ” ด้วยเช่นกันเมื่อมีอายุครบ 55 ปี (ในกรณีที่จ่ายเงินสมทบถึง 15 ปี) นั่นหมายความว่าจะไม่มีสิทธิ์รับ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ไปพร้อมกันใช่หรือไม่
เงื่อนไขเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ก่อนอื่นผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินเบี้ยคนชราได้นั้น ต้องเช็กคุณสมบัติของตนเองเสียก่อนว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับเงินได้หรือไม่ โดยต้องมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ มีสัญชาติไทย จึงจะสามารถลงทะเบียนขอรับเงินดังกล่าวได้
สิ่งสำคัญคือผู้ขอรับเงินเบี้ยคนชราจะต้องไม่เคยได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในลักษณะเงินเดือนหรือผลประโยชน์ที่เป็นค่าตอบแทนประจำมาก่อน
บำนาญชราภาพ ไม่ถือเป็นสวัสดิการจากรัฐ
ส่วนประเด็นคำถามที่ผู้ประกันตนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว จะสามารถรับเงินเบี้ยคนชราได้หรือไม่นั้น คำตอบอยู่ตรงนี้
“คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาข้อหารือของกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า แม้ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคม ก็มิใช่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ
ผู้ประกันตนจึงเป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 6 (4)[8] แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ที่กำหนดให้ผู้สูงอายุที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพ จะต้องไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ”
นั่นหมายความว่า ผู้ที่จ่ายเงินประกันสังคม ไม่ว่าจะมาตรา 33, 39 หรือ 40 ล้วนมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญชราภาพ ควบคู่ไปกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ โดยรัฐบาลไม่มีสิทธิ์เรียกเงินคืนย้อนหลังเหมือนเช่นกรณีของคุณยายวัย 89 ปี
หลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้เตรียมเอกสารเพื่อไปยื่นคำขอรับเงินเบี้ยคนชราด้วยตนเอง ที่เทศบาล องค์การบริการส่วนตำบล(อบต.) สำนักงานเขต ในพื้นที่ที่ผู้รับสิทธิ์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยเอกสารที่ต้องเตรียมประกอบด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่ายและออกโดยหน่วยงานของรัฐ
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร กรณีขอรับเงินผ่านธนาคาร
หากไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ ให้มอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทน ซึ่งรอบการลงทะเบียนขอรับเบี้ยประจำปีงบประมาณ 2565 นั้น เปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2564 โดยผู้ขอรับสิทธิ์จะต้องเกิดก่อน 2 กันยายน 2505 (นับอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ เมื่อถึงวันที่ 1 กันยายน 2565)
ทั้งนี้ การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะจ่ายแบบขั้นบันได ดังนี้
- อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาท
- อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาท
- อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาท
- อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาท
หลักเกณฑ์การจ่ายบำนาญชราภาพ
กรณีของบำนาญชราภาพจะจ่ายให้กับผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปี และเป็นผู้จ่ายเงินประกันตนมานาน 180 เดือน หรือ 15 ปี เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง โดยหากเงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน จะคิดยอดจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพจากเงินเดือนจริง แต่หากมีเงินเดือนเท่ากับหรือมากกว่า 15,000 บาท จะคิดยอดจ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพจากอัตราเงินเดือนสูงสุดของประกันสังคม คือ 15,000 บาท
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการจ่ายบำนาญชราภาพ แบ่งเป็น 2 กรณีด้วยกัน
- กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
- กรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน สำหรับระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน
ส่วนคนที่จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือนนั้น จะได้รับเป็นบำเหน็จชราภาพซึ่งจ่ายเป็นเงินก้อนแทน จึงไม่เข้าข่ายในการรับเงินรายเดือน แต่เมื่ออายุครบ 60 ปี บริบรูณ์สามารถยื่นคำขอรับเบี้ยคนชราได้ไม่ต่างกัน
ข้อมูล : thaigov.go.th / สำนักงานประกันสังคม





























