เที่ยวตามรอย “โด้” (ตอนจบ) : กลับสู่ถ้ำ “สิงโตเขียวขาว”

เที่ยวตามรอย “โด้” (ตอนแรก) : TURIN บ้านใหม่ของ “โด้”
เที่ยวตามรอย “โด้” (ตอนที่ 2) : ตะลุย MADRID
เที่ยวตามรอย “โด้” (ตอนที่ 3) : เคาะประตู MANCHESTER
เที่ยวตามรอย “โด้” (ตอนจบ) : กลับสู่ถ้ำ “สิงโตเขียวขาว”

ดังที่กล่าวไปในตอนแรกของการ เที่ยวตามรอย “โด้” ว่า TONKIT360 ขอเป็น “ต้นคิด” จัดโปรแกรมเส้นทางทัวร์ เที่ยวตามรอย “โด้” โดยมีแรงบันดาลใจจากข่าวการย้ายทีมของ “คริสเตียโน โรนัลโด้” กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่ย้ายสโมสรจาก “เรอัล มาดริด” ประเทศสเปน ไปยังสโมสร “ยูเวนตุส ตูริน” ประเทศอิตาลี

แต่จะขอโฟกัสกันแค่ 4 เมืองใหญ่ไซส์บิ๊กที่ “โด้” ค้าแข้งมาทั้งหมดในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพแถวหน้าของโลก

เราประเดิมเส้นทางกันที่ สโมสร “ยูเวนตุส ตูริน” ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของ “โด้” ทีมล่าสุด จากนั้นย้อนศรกลับไปยังสโมสร “เรอัล มาดริด” ประเทศสเปน และถอยกลับไปอีกที่สโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ประเทศอังกฤษ

และในตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนจบของ เที่ยวตามรอย “โด้” ขอกลับไปตั้งต้นกันที่สโมสร “สปอร์ติง ลิสบอน” เจ้าของฉายา “สิงโตเขียวขาว”

สโมสร “สปอร์ติง ลิสบอน” นั้น ถือเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพสโมสรแรกของ “คริสเตียโน โรนัลโด้” ในประเทศโปรตุเกสบ้านเกิดเมืองนอนของเขานั่นเอง

เรามาเริ่มตะลุย “ลิสบอน” กันที่เรื่องของการทำวีซ่ากันก่อน อันดับแรกแฟน “ต้นคิด” ผู้อยากไปตามรอย “โด้” ที่ ให้อี-เมลไปแจ้งขอทำวีซ่าที่ [email protected]

โดยทางสถานทูตจะนัดหมายกลับมาทางอี-เมลถึงกำหนดการวันเวลาสถานที่ พร้อมแนบแบบฟอร์มกลับมาเพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่งกลับไป

และเมื่อถึงวันนัดหมายก็เดินทางไปที่สถานทูตโปรตุเกสประจำประเทศไทยเพื่อเข้ายื่นเอกสาร พิมพ์ลายนิ้วมือ และจ่ายเงินค่าทำวีซ่า สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท จากนั้นก็รอรับวีซ่าอีกราว 2 สัปดาห์ถ้าวีซ่าส่งกลับมาก็เป็นอันว่าได้ไปตะลุย “ลิสบอน” กันสมใจนึกบางลำพู

สำหรับตั๋วเครื่องบินตรงไปลิสบอน เนื่องจากเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส อยู่ในโซนยุโรปใต้ร่วมกับอิตาลี สเปน กรีซ ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากคนไทยค่อนข้างมาก จึงมีหลายสายการบินให้เลือก สนนราคาเฉลี่ยค่าตั๋วไปกลับอยู่ที่ 20,000 บาท

เมื่อไปถึง “ลิสบอน” แล้ว การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน รถบัส หรือเช่ารถขับเอง ส่วนราคากลางสำหรับโรงแรมระดับ 3 ดาว อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อคืน

เมื่อได้ที่พักและพาหนะหลักแล้ว เราจะไปดูเส้นทางท่องเที่ยวตัวเมืองกัน

“ลิสบอน” นั้น มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีและมีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรถราง หรือรถโมโนเรล แต่พูดกันปากต่อปากต่อๆ กันมาว่า การเดินเป็นวิธีที่ดีสุด

เส้นทางเดินเที่ยวขอเริ่มที่จัตุรัส ROSSIO ถือเป็นย่าน DOWN TOWN สำคัญของ “ลิสบอน” จัตุรัส ROSSIO สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 สำหรับเป็นลานกิจกรรมต่างของพระบรมวงศานุวงศ์ และสำหรับเอาไว้ติดประกาศเรื่องแจ้งต่างๆ จากสำนักพระราชวัง โดยคำว่า ROSSIO หมายถึงจัตุรัส (ห้ามงง-ฮา) ROSSIO แปลว่า พื้นที่สาธารณะ

บริเวณกึ่งกลางของ จัตุรัส ROSSIO ประดิษฐานรูปปั้นกษัตริย์ PEDRO ที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนแรกที่ได้ปกครองโปรตุเกสเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะถูกเนรเทศไปบราซิล เมื่อครั้งที่กองทัพฝรั่งเศสบุกเข้ามายังโปรตุเกสเมื่อปี ค.ศ.1807

มา “ลิสบอน” ทั้งที อย่าลืมแวะ SANTA JUSTA LIFT หรือ ELEVADOR DE SANTA JUSTA

จาก จัตุรัส ROSSIO สามารถเดินเล่นมาเรื่องๆ จนกระท่งถึงลิฟต์ SANTA JUSTA จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง

SANTA JUSTA LIFT ถูกออกแบบโดย RAUL MESNIER DE PONSARD สถาปิกชาวฝรั่งเศสผู้กำเนิดบนแผ่นดินโปรตุเกส

โดย RAUL MESNIER DE PONSARD ผู้นี้ เป็นศิษย์เองของ GUSTAV EIFFEL สุดยอดสถาปนิกผู้ออกแบบ “หอไอเฟล” ในฝรั่งเศสนั่นเอง

เมื่อขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของ SANTA JUSTA LIFT หรือ ELEVADOR DE SANTA JUSTA จะพบทิวทัศน์พาโนราม่าที่ชวนให้ตกตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของ “ลิสบอน” ได้ 360 องศาเลยทีเดียวครับ