พรีเมียร์ลีกตกต่ำจริงหรือ?

คำพูดถากถางของ มัตส์ ฮุมเมิลส์ ปราการหลังของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในวาระที่สโมสรจากเกาะอังกฤษพร้อมใจตกรอบกันกราวรูด น่าจะทำให้หลากคนฉุกคิดขึ้นมาบ้างว่า เกิดอะไรกับคุณภาพของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้?

สัปดาห์ที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซนอล ตกรอบฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วน ลิเวอร์พูล กับ เวสต์แฮม กอดคอกันร่วงบอลยูโรป้า เช่นเดียวกัน เหลือเพียง แอสตัน วิลล่า เป็นเดนตายในถ้วย ยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก

ถามว่าตกต่ำจริงหรือ?

ผมขอตอบว่าทั้งจริงและไม่จริงครับ

คือจริงในฟุตบอลถ้วยยุโรป ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นจากหลาย ๆ สาเหตุดังนี้

1. หละหลวมเกินไป

สังเกตว่าทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบลึกค่อนข้างจะเป็นทีมที่มีประสบการณ์ช่ำชอง หรือมีกุนซือที่เจนจัดในสังเวียนยุโรป อย่าง เรอัล มาดริด, พีเอสจี, บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเล่นตามแทคติคของผู้จัดการทีมอย่างเคร่งครัด

ส่วนทีมจากเกาะอังกฤษนั้นถนัดในการเล่นแบบเน้นเอนเทอร์เทน เอาใจคนดูมากไปหน่อย ไม่กล้าปิดเกมอย่างที่ มาดริด ทำในเวลาขึ้นนำคู่ต่อสู้ พวกเขาพร้อมจะลงไปรับหน้าประตูตัวเองกันเกือบทั้งทีม โดยไม่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีว่าเป็นราชันชุดขาวใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้ตูเข้ารอบได้เป็นพอเท่านั้น

ดังนั้น เรื่องของความเขี้ยว ถ้าไม่ชนะขาดไปเลย ทีมอังกฤษมักจะเพลี่ยงพล้ำเมื่อเจอกับทีมเก๋า ๆ หรือสถานการณ์คู่คี่กันมาก

2. โปรแกรมไม่เอื้อ

สโมสรอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับโปรแกรมการแข่งขันที่ถี่ยิบในเดือนเมษายน กรำศึกทั้งถ้วยพรีเมียร์ลีก เอฟ.เอ.คัพ รวมทั้งถ้วยยุโรป เล่นสองนัดในหนึ่งสัปดาห์ต่อเนื่อง มันจะไหวยังไงเล่าครับ ขณะที่ลีกอื่น ๆ ไม่หนักเท่านี้

นี่ถ้าผ่านเข้ารอบลึกไปได้ ยังต้องอีนุงตุงนังกับคิวลงเตะรอบรองชนะเลิศบอลถ้วยยุโรปช่วงต้นเดือนพฤษภาคมอีกสองเลก พร้อม ๆ กับการลุ้นแชมป์ลีกในโค้งสุดท้ายอีกนะ ขณะที่ลีกอื่นเขาใกล้จะจบกันหมดแล้ว

อาจจะด้วยการเบรกหนีหนาวในช่วงหลังปีใหม่ แล้วจัดโปรแกรมห่างเกินไปในช่วงนั้นหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้สโมสรอังกฤษต้องเผชิญกับคิวเตะช่วงท้ายที่หนักหนาและยาวกว่าลีกอื่นแทบไม่ได้หายใจหายคอ ลองไปถาม เจอร์เก้น คล็อปป์ คงจะได้คำตอบว่ารู้สึกอย่างไร

ส่วนที่ต้องตอบว่าไม่จริงนั้น เนื่องจาก พรีเมียร์ลีก ยังมีคุณภาพในการลุ้นแชมป์ที่เข้มข้นและเปิดกว้าง มีทีมดี ๆ ถึงสามทีมในการลุ้นแชมป์ปีนี้ ทั้ง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ไม่เหมือนลีกอื่นที่ทิ้งห่างทั้งบุนเดสลีกา ที่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ครองแชมป์ไปแต่หัววัน, ลาลีกา สเปน ซึ่ง เรอัล มาดริด ทิ้งทีมอันดับสองอย่าง บาร์เซโลนา อยู่ถึง 11 คะแนน, กัลโช่ เซเรียอา อินเตอร์ โกยแต้มทิ้งทีมร่วมเมืองถึง 14 แต้ม ด้านเฟรนช์ลีก เปแอสเช ก็นำห่างถึง 11 คะแนน

ดังนั้น คุณภาพตรงจุดนี้ยังต้องยกให้ลีกอังกฤษครับ ที่ยังมีทีมใหญ่ขับเคี่ยวกันอย่างเมามันเหมือนเดิม แต่เรื่องความล้มเหลวในฟุตบอลถ้วยยุโรปนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไขกันแบบทีละประเด็นไป

แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะว่าถ้าพร้อมใจกันร่วงง่าย ๆ แบบนี้อีกในฤดูกาลหน้า นอกจากเงินจะล่องหนไปเพียบแล้ว โควตาท่องยุโรปอาจจะพลอยหายไปด้วยในอนาคต.