“มนุษย์ไม้” คือสมญาติดตัวอดีตศูนย์หน้าลูตัน ทาวน์ในยุค 90 อย่าง มิค ฮาร์ฟอร์ด ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่ปรึกษาและผู้บริหารทีมถิ่น เคนิลเวิร์ธ โรด แต่ในปัจจุบันผมอยากจะโอนถ่ายมาให้ศูนย์หน้าหมายเลข 9 ในทีมลิเวอร์พูล อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ เสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเจ้าตัวโชว์ความแม่นเสาแม่นคาน (Woodwork) ให้ปรากฏในแต่ละเกมได้แบบถี่เกินเหตุ
นอกจากนั้น ฉายา “มนุษย์ไม้” นั้นคือลีลาการเล่นที่แข็งแรง แต่ติดไปทางกระโดกกระเดกเกินไปสักหน่อย ซึ่ง นูนเญซ ก็มีติดตัวไม่ใช่น้อย บวกกับความ “ล้น” ซึ่งอาจจะเกิดจากความตั้งใจที่มากเกินไป หรือเพราะยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความนิ่งในตัวได้ เลยทำให้ผลงานโดยรวมของไอ้หนุ่มผู้นี้ยังไม่สามารถทะลุติดลมบนได้เสียทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ขนาดลุกลี้ลุกลนแบบนี้ หัวหอกอุรุกวัย ยังระเบิดสกอร์ไปแล้ว 10 ประตูจากทุกถ้วย และโชว์แอสซิสต์ให้เพื่อนไปอีก 11 ครั้ง รวมทั้งเป็นเจ้าของสถิติยิงชนเสาชนคานถึง 4 หนในเกมเดียวกับเชลซี ที่ผ่านไปหมาด ๆ ซึ่งยังไม่มีใครในพรีเมียร์ลีกเคยทำได้มาก่อน มันจะแม่นอะไรขนาดนั้นล่ะ “เจ้าหนุน”
โดยรวมถ้าไม่คิดอะไรมาก ฟอร์มของเขานับว่าดีขึ้นจากซีซันที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสถาปนาตัวเองในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าในทีมได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ พื้นที่ในแดนหน้าของ “หงส์แดง” นั้นมีการแข่งขันกันสูงจริง ๆ มีทั้ง ดิโอโก้ โชต้า และ โคดี้ กัคโป คอยจ้องเสียบอยู่ทุกขณะจิต แต่ นูนเญซ ยังเป็นตัวหลัก ถ้าประเมินในแดนหน้านั้น เขามีความสำคัญรองลงมาจาก โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
ด้านลีลาในสนามนั้น หัวหอกอุรุกวัยพัฒนาการเล่นในหลาย ๆ มิติ ทั้งการหาที่ว่าง การใช้เท้าทั้งสองข้างได้สมดุลมากยิ่งขึ้นในการซัลโวประตู รวมทั้งการมีส่วนร่วมกับเกมโดยรวมที่เขาทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการไม่ทำฟาวล์น่าเกลียดพร่ำเพรื่อ หรือการควบคุมอารมณ์ในสนาม ซึ่งตอนมาใหม่ ๆ นั้น โดนใบเหลืองใบแดงอยู่เป็นประจำ
นูนเญซ นั้นย้ายจากเบนฟิก้า มาอยู่ ลิเวอร์พูล เวลาใกล้เคียงกับตอนที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ โดยหัวหอกละตินนั้นค่าตัวแพงกว่า โดย “หงส์แดง” ควักกระเป๋าจ่ายไปถึง 64 ล้านปอนด์ บวกแอดออนที่มีโอกาสจะขึ้นไปถึง 86 ล้านปอนด์ แต่คุ้มตรงค่าเหนื่อยถูกกว่า
วันแรก ๆ ปรากฏว่า ฮาลันด์ แทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัว เขาออกสตาร์ตกับ “เรือใบสีฟ้า” ได้รวดเร็วและร้อนแรงกว่าเยอะ ถึงเวลานี้ไอ้หนุ่มนอร์วีเจียน ลงเล่นไป 51 นัดให้ แมนฯ ซิตี้ ยิงไปแล้วถึง 50 ประตู ขณะที่ นูนเญซ เล่นให้ลิเวอร์พูล 50 นัดยิงไปเพียง 16 ดอกเท่านั้น
แต่ถ้าลองมาวัดกันที่จำนวนลูกยิงชนเสาชนคาน รับรองว่าสู้นูนเญซ ไม่ได้ 555
ในระยะยาว ผมยังอยากจับตาดูฟอร์มสองหัวหอกดาวรุ่งแห่งโลกฟุตบอลยุคใหม่ ว่าใครจะพัฒนาไปได้ไกลกว่า
นูนเญซ ยังเหมือนเด็กหนุ่มที่มีความสามารถซุกซ่อนอยู่ในตัวอีกเยอะ หาก คล็อปป์ สามารถถอดรหัสและผลักดันเขาต่อในช่วงเวลาที่เจ้านายเหลืออยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ และเจ้าตัวสามารถควบคุมอารมณ์รอจังหวะในเกมได้มากขึ้น ก็น่าจะพัฒนาไปได้อีก
สุดท้ายมันยังเป็นการวัดกันด้วยว่า ระหว่างสายตารวมทั้งฝีมือการปลุกปั้นของ เป๊ป กวาดิโอล่า กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ สองยอดกุนซือแห่งยุคว่าใครจะสามารถเจียระไนสองเพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลยุคนี้ ให้เจิดจรัสเป็นยอดศูนย์หน้าได้ดีกว่ากัน?
