
ตลอด 1 สัปดาห์ที่ต่อเนื่องกันมาจากช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราเพิ่งผ่านปีใหม่มาได้แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น แต่มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน หากไม่นับข่าวดาราไทยเลิกแฟนหนุ่มที่กินพื้นที่หน้าแรกในโซเชียลมีเดียมา 3-4 วันแล้ว ข่าวสนามกีฬาแห่งชาติกับศิลปินระดับโลกที่คนพากันแซวว่าสนามนี้ใช้มาตั้งแต่ชาติไหนเอ่ย หรือข่าวการเปลี่ยนป้ายราคา 33 ล้าน ที่ตอนนี้อาคารดังกล่าวกลายเป็นมีมให้ประชาชนคนไทยสามารถเข้าไปตั้งชื่อสถานีรถไฟด้วยชื่อแบบฮา ๆ ของตัวเองได้เกลื่อน หลาย ๆ คนก็อาจจะเห็นกระแสของซีรีส์เรื่องหนึ่งที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน พวกเพจรีวิวหนังรีวิวซีรีส์ออกมารีวิวกันมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าสนุกจนดู 8 ตอนรวดไม่ต้องหลับต้องนอน
ถ้าเป็นเช่นนั้น คอลัมน์ชะนีติดซีรีส์จะพลาดได้ยังไงกัน แต่สารภาพความจริงก็คือต่อให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เป็นกระแสฉันก็จะดูอยู่ดี เพราะมันมีการคาดหวังว่าการที่ตัวแม่แห่งวงการ ซงฮเยคโย (ที่คนไทยรู้จักในนามซงเฮเคียว) พลิกคาแรคเตอร์มาเล่นอะไรที่มันดูหดหู่และเศร้าหมองปวดจิตขนาดนี้ เธอจะทำมันออกมาได้ดีแค่ไหน เมื่อต้องมาจับคู่กับพระเอกรุ่นน้องที่คอซีรีส์มีฉายาแซวว่าเป็นบิดาแห่งการเรียนไม่จบ อีโดฮยอน เล่นกี่เรื่องก็เป็นนักเรียนนักศึกษา บัดนี้ได้เรียนจบเป็นหมอแล้วเรียบร้อย เคมีของคู่นี้ที่อายุจริงของนักแสดงห่างกันถึง 14 ปีจะปังหรือพัง

The Glory ซีรีส์ที่ Netflix ส่งขึ้นสตรีมช่วงส่งท้ายปีให้พวกที่ไม่คิดจะออกไปเที่ยวไหนได้ดูกันยาว ๆ หลังจากที่สตรีมและเริ่มมีบรรดาคอซีรีส์ตามดูจนจบ ก็กลายเป็นกระแสเดือดทันที ดังที่เราเห็นทั้งโพสต์รีวิว อวยยศบทและนักแสดง เชิญชวนให้ดู สอบถามว่าควรดูหรือไม่ เกลื่อนโซเชียลมีเดียไปหมด ก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นกระแสเร็วขนาดนั้น ลำพังแค่นางเอกคนเดียวก็มีพาวเวอร์มากพอที่จะทำให้ซีรีส์เป็นที่พูดถึง คาดหวัง ตั้งตารอ และโด่งดัง เพราะเป็นนักแสดงระดับแม่เหล็กของวงการ แต่จริง ๆ คือเนื้อเรื่องมันก็เข้มข้นมาก แถมทิ้งกิมมิคด้วยการเว้นห่างทำซีซัน 2 ไปอีก 3 เดือน คนที่ดูจบแล้วค้างคา บ่นรอจนจะลงแดงตายกันทั้งนั้น เจอกันอีกทีเดือนมีนาคม

The Glory เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่เพื่อรอวันแก้แค้น หลังจากที่โดนเพื่อนม.ปลาย 5 คนทั้งชาย-หญิงรุมบูลลี่อย่างโหดร้ายทารุณโดยที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย ทั้งครูและตำรวจต่างก็ไร้ประโยชน์ เพราะหัวโจกของแก๊งเด็กเปรตนี้มาจากครอบครัวร่ำรวยมีอิทธิพล จะหวังพึ่งครอบครัวก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะแม่หน้าเงินเกินบรรยาย รับเงินปิดปากและทิ้งให้ลูกสาววัยเพียง 18 ปีต้องโดดเดี่ยวสิ้นหวังอยู่คนเดียวในสภาพที่ไม่เหลืออะไรเลย ที่ซุกหัวนอน การศึกษา ความฝัน อนาคต และชีวิตที่เป็นปกติธรรมดา ถูกทำลายจนหมดสิ้น

ชีวิตของนางเอกที่แตกสลายและถูกทำลายจนไร้เกียรติยศ ไร้ความหวัง ไร้ศักดิ์ศรีจนเกือบฆ่าตัวตาย แต่เธอก็มีเป้าหมายใหม่ในชีวิต เป้าหมายที่ไม่มีความเมตตา ไม่มีการให้อภัย ความฝันของเธอคือการ “แก้แค้น” สิ่งนี้หล่อเลี้ยงให้เธอมีชีวิตต่อจนเวลาผ่านไป 18 ปี บัดนี้เธอดิ้นรนจนตัวเองมีได้แทบทุกอย่าง แต่ก็เป็นชีวิตที่ยังจมกับการตายทั้งเป็น วันนี้เธอกลับมาเป็นครูประจำชั้นของลูกสาวของนังตัวดีแก๊งหัวโจก และเธอก็เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว พร้อมที่จะเอาคืนพวกมันเรียงตัว การทำร้ายต้องชดใช้ด้วยการทำร้ายแบบเดียวกันมันถึงจะฟังดูยุติธรรม
แจ้งความเพราะเพื่อน ๆ ล้อเล่นนิดหน่อยเนี่ยนะ

ใครที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันถึงอีพีแรกของเรื่องว่าถ้าหากคุณจิตใจไม่แข็งพอ จิตตกอ่อนไหวง่าย หรืออาจจะเคยมีประสบการณ์ร่วมมาก่อน การเห็นภาพความรุนแรงเลเวลนี้จะกระทบกระเทือนเทือนใจมากจนเกิดอาการแพนิคได้ ให้พยายามกดข้าม ๆ ไปจะดีที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นอีพีที่คนดูจำเป็นต้องรู้เพื่อให้รับชมเรื่องได้อย่างเข้าใจแจ่มแจ้งต่อเนื่องถึงอีพีสุดท้าย แต่คุณไม่จำเป็นต้องเก็บรายละเอียดเยอะ มันจะทำร้ายความรู้สึกของคุณมากเกินไป ความโหดร้ายชนิดที่ไม่คิดว่าคนด้วยกันจะทำร้ายกันได้ขนาดนี้ แถมทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำยังเป็นเยาวชนที่อายุแค่ 17-18 ปีเท่านั้นเอง (ใบ้ให้นิดนึงว่าฉากทำร้ายกันในโรงเรียน มีส่วนที่มาจากเรื่องจริงด้วย)
อีพีแรก เป็นอีพีที่เล่าเท้าความไปในอดีต เรื่องราวในสมัยเรียนมัธยมปลายของนางเอกที่เริ่มตกเป็นเหยื่อความรุนแรง โดยแก๊งเด็กเปรตที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกันนั่นแหละ หากคุณยังไม่ได้เริ่มต้นดูซีรีส์เรื่องนี้ แล้วปะติดปะต่อว่าการถูกบูลลี่กลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาจนแทบเอาตัวไม่รอด คือความโหดร้ายขั้นสุดที่นางเอกเจอ คุณคิดผิด! เพราะสิ่งที่โหดร้ายมากกว่าถูกกระทำ คือการถูกมองอย่างเพิกเฉยจากผู้ใหญ่ในโรงเรียนที่มีหน้าที่ต้องดูแลเด็กนักเรียนทุกคนอย่างทั่วถึงต่างหาก ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่พอ ยังสนับสนุนและร่วมก่ออาชญากรรมด้วยซ้ำไป และพูดเลยว่าชีวิตนางเอกยังรันทดได้มากกว่านี้อีกนะ เพราะขนาดแม่แท้ ๆ ยังเห็นแก่เงินมากกว่าชีวิตลูกสาวตัวเองเลยล่ะ

“แจ้งความเพราะเพื่อน ๆ ล้อเล่นนิดหน่อยเนี่ยนะ” สภาพปางตายขนาดนั้น แต่ครูประจำชั้นยังบอกว่าเพื่อนแค่ล้อเล่น หันมาด่าเด็กว่าทำให้โรงเรียนเสียหายที่เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ก็ต้องขึ้นโรงพัก โอ้โห! มันเป็นอะไรที่เกินจะบรรยายจริง ๆ ชีวิตของนางเอกสมัยเรียนที่แทบจะเรียกว่าเป็นศูนย์รวมแห่งความอัปรีย์จัญไรได้เลย โดดเดี่ยวตัวคนเดียวไม่มีใครคอยช่วยเหลือสักคน คนที่พอจะเห็นใจ สุดท้ายก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งเพราะตัวเองเดือดร้อนไปด้วย นางเอกที่พยายามสู้มาตั้งแต่เด็ก โดนกระทำในโรงเรียนก็แจ้งครูเพื่อขอความช่วยเหลือ โดนกระทำนอกโรงเรียนก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ คนทำผิดต้องได้รับโทษ แต่สุดท้าย “มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
หากจะนับแค่ซีรีส์ที่มีอยู่ในคอลัมน์ชะนีติดซีรีส์ The Glory ก็ไม่ใช่เรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ถ่ายทอดความรุนแรงในโรงเรียนชนิดที่ระยำตำบอนที่สุดให้คนดูได้ชม หากใครสนใจซีรีส์เกาหลีที่เน้นเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนแบบที่ทำให้เหยื่อเหมือนตายทั้งเป็น สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแต่ยังมีลมหายใจเติบโตขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนที่มีบาดแผลสุดโหดร้ายฝังอยู่ในใจ ขอแนะนำเรื่อง The King of Pigs อีกเรื่องที่มีเลเวลใกล้เคียงกัน องค์ประกอบต่าง ๆ ในเรื่องค่อนข้างคล้ายกันมากทีเดียว

ความคล้ายคลึงกันมีตั้งแต่ระดับของการบูลลี่กันในโรงเรียน เหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียนธรรมดา ๆ ลูกคนจน ถูกแก๊งเด็กเปรตที่พ่อแม่มีทั้งเงินและอำนาจใช้ความรุนแรงอย่างสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้หลักผู้ใหญ่ในโรงเรียนที่เมินเฉยไม่ช่วยเหลือ แอบสนับสนุนแก๊งเด็กเปรตให้รังแกเพื่อน การกล่าวโทษเด็กที่เป็นเหยื่อว่าไม่อดทน เป็นเพื่อนกันก็มีตีกันบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ธรรมดาจะตาย ทำเป็นเรื่องใหญ่โตทำไม ตัวเหยื่อที่ตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อทั้งที่ตัวเองแหลกสลายไม่มีชิ้นดี แก๊งเด็กเปรตที่เติบโตขึ้นมาได้ดีชีวิตประสบความสำเร็จสุขสบายกันทุกคน รวมถึงการแก้แค้นเอาคืนชนิดที่ว่าเป็นสิบปีล้างแค้นไม่สาย ต้องลองไปหาดู โหดร้ายพอกันเลย
ความเกลียดชังก็เหมือนกับความคิดถึง มันไม่มีทางหยุดได้
จริง ๆ แล้ว ความรู้สึกที่นางเอกมีต่อแก๊งเพื่อนเปรตที่ทำร้ายเธอมันน่าจะมากกว่าความเกลียดชังด้วยซ้ำไป คนพวกนี้ไม่ได้แค่ทำร้าย ใช้ความรุนแรง แต่มันคือการฆ่าคนหนึ่งให้ตายทั้งเป็น โดยที่พวกมันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยว่าที่ตัวเองทำมันผิด แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ คิดว่าการที่เกิดเป็นลูกคนมีเงินมีอำนาจ ก็สามารถทำทุกอย่างได้โดยที่มันไม่ผิด ต่อให้ผิดก็แล้วไงล่ะ ทำให้ไม่ผิดได้สบายมาก ฉากหนึ่งที่นางเอกในวัยรุ่นร้องถามหัวโจกตั้วตั้งตัวตีที่ทำร้ายเธอว่าทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาสะอิดสะเอียนจนคลื่นเหียน “เพราะถึงทำแบบนี้ฉันก็ไม่เดือดร้อน และถึงเธอทำอะไรมันก็ไม่ช่วย” คนประเภทนี้มันมีจริง ๆ ในสังคมด้วยนะจะบอกให้

นางร้ายของเรื่องนี้นี่คือเลวระยำเกินคนไปมากจริง ๆ นะ หากสังเกตดี ๆ จะรู้ว่ามันมาจากการที่นางเป็นลูกคนรวยที่ถูกแม่สปอยล์บวกกับการฝังหัวแบบผิด ๆ ว่าการเกิดมาในระดับนี้จะต้องเอาชนะทุกคนให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ชั่วช้าสามานย์แค่ไหนก็ลุยเลยเดินหน้าต่อไปให้สุดทาง ใครจะเจ็บปวดเดือดร้อนก็ช่างหัวมัน เงินและอำนาจที่มีจัดการได้อยู่แล้ว ด่าลูกเพราะลูกทำลายชีวิตคนคนหนึ่งไม่สำเร็จ ไม่ได้ด่าเพราะลูกทำผิดไปรังแกคนอื่น นางก็เลยไม่เคยมีพื้นฐานว่าต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง และไม่รู้ว่าผิดจริง ๆ ฉากที่คุยกับเดอะแก๊งว่าสิ่งที่ทำกับนางเอกสมัยเรียนมันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ ก็น่าจะชัดเจนว่านางไม่มีนิยามของคำว่าผิดอยู่ในสารบบจริง ๆ

ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบละครที่มีพล็อตเรื่องแบบแก้แค้นสักเท่าไร แค้นในอะไรสักอย่างแล้วกลับมาแก้แค้น หลายเรื่องที่ดัง ๆ คนไทยคนเกาหลีติดทั่วบ้านทั่วเมือง นี่ก็เทไปแทบจะทุกเรื่อง แต่กับพล็อตความแค้นที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงในโรงเรียนเป็นสารตั้งต้นดูเหมือนจะไม่เคยเทสักเรื่อง โหดร้ายแค่ไหนก็ดู สะอิดสะเอียนแค่ไหนก็ตามต่อ แถมลุ้นให้ตาต่อตาฟันต่อฟันไปเลย ไม่ต้องมีคำว่าเมตตาและให้อภัย เพราะเหยื่อที่ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดเป็นเวลาหลายสิบปี เพื่อนที่ควรเป็นเพื่อนกลับทำร้ายกันอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ทำให้อยากรู้ว่าเหยื่อที่มีแผลเป็นทั้งกายและใจจะกลับมาแก้แค้นคนที่ทำลายตัวเองแบบไหน การเจอหน้าอีกครั้งมันคงทรมานจิตใจมาก แต่การแก้แค้นต้องดำเนินต่อ

ความคิดเห็นส่วนตัว มองว่าซีรีส์ประเภทนี้แม้จะโหดร้าย และดูจะไม่เข้ากับสิ่งที่เราถูกสอนกันมาครึ่งค่อนชีวิตว่า “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” แต่มันก็ก้าวข้ามความประโลมโลกแบบที่ละครปกติมักจะทำ โดนกระทำขนาดนั้นแต่ยังไม่ตาย ให้อภัยได้จริง ๆ เหรอ ลืมความหนักหนาสาหัสที่คนคนหนึ่งทำกับตัวเองจนแหลกสลายได้จริง ๆ เหรอ ทนเห็นคนพวกนั้นใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุขทั้งที่ทำผิดได้จริงเหรอ ยอมรับการถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยได้จริงเหรอ บางคนคงมีสับสนแหละ แต่ให้อภัยไม่ลงจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่มีการออกมาแฉเรื่องการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน กรณีที่ผู้กระทำเป็นเหล่าคนดังในวงการบันเทิงหรอก ใครก็อยากเห็นคนที่รังแกตัวเองย่อยยับทั้งนั้น
มันจะต้องใช้เวลา แต่เลือดจะไม่เปื้อนมือเรา
ความแค้นระดับนี้ ต่อให้ต้องการแก้แค้นสิ้นสุดลงก็ไม่มีทางลืม และไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ให้อภัยไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่เห็นพวกมันสูญเสียหรือย่อยยับแบบที่ตัวเองเคยเผชิญ จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อรอให้วันนั้นมาถึง ซึ่งนางเอกเรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถอดทนรอมาได้นานเกือบ 20 ปี กว่าที่ม่านการแก้แค้นจะถูกรูดเปิดอย่างเป็นทางการ การจบปัญหาและความเจ็บปวดมันง่ายกว่าก็จริง แบบที่คนที่เจอเหตุการณ์เลวร้ายเหมือนนางเอกอาจยอมฆ่าตัวตายเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ทรมานและโลกที่พังทลายของตัวเอง จริง ๆ พวกเขาไม่ผิดหรอก

แต่…จะตายไปเพื่ออะไรล่ะ คนพวกนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว! การตายเพื่อจบปัญหาไม่อาจทำให้พวกคนที่มีจิตใจชั่วช้าต่ำทรามขนาดนี้รู้สึกผิดหรือจมกับความคิดที่เป็นต้นเหตุให้ใครคนหนึ่งต้องตายไปตลอดชีวิตได้หรอก ดีไม่ดีพวกมันก็มองว่าเป็นพวกขี้แพ้ที่ไม่มีปัญญาสู้กลับจนต้องหนีไปที่ไหนสักแห่งที่ไกลมาก ๆ จนพวกมันตามตัวไม่ได้ก็แค่นั้นเอง นางเอกเรื่องนี้ก็คิดแบบนี้แหละ ดังนั้น ต่อให้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนเธอก็รอได้ โอกาสพลาดของพวกคนเลวมันต้องมีประโยชน์ต่อเธอได้ในสักวัน เธอต้องไม่ตาย และต้องได้เห็นคนพวกนี้ตายทั้งเป็นแบบที่เธอเคยเป็นบ้าง
ความคิดที่อยากจะจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายมันใช้เวลาเดินทางสั้นมาก ๆ เดี๋ยวเดียวทุกอย่างก็จบแล้ว ซึ่งนางเอกก็คำนวณแล้วว่าการเดินไป (โดดน้ำตาย) ที่แม่น้ำฮันใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น เมื่อเทียบกับการรอเวลาให้ร้านขายยาเปิดตอน 9 โมงเช้า (เธอคันแผลเป็นที่เกิดจากการโดนทำร้ายและปวดท้องประจำเดือนในช่วงกลางคืนที่กำลังทำงานอยู่) รวมถึงระยะเวลาอีกเกือบ 20 ปีที่เธอรอให้แก๊งคนที่ทำร้ายเธอไปถึงจุดที่สูงที่สุด เมื่อตกลงมาจะได้เจ็บเจียนตาย แต่ต้องไม่ตายนะ ทรมานไปเรื่อย ๆ สนุกว่าเยอะ แต่เธอก็ยังอดทนรอ มันต้องใช้เวลา เธอจะบุ่มบ่ามไม่ได้

แม้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีนางเอกจะใช้ชีวิตอยู่กับความลำบากมาตลอด ทำงานรับจ้างใช้แรงงานทุกอย่าง เป็นโรคขาดสารอาหาร เน้นกินแต่แป้งเพื่อให้อิ่มท้อง ดูแก่เกินวัย ริมฝีปากแห้งผาก แต่ในที่สุดเธอก็วางแผนการแก้แค้นออกมาได้อย่างแยบยล ไม่ทำเรื่องถูกกฎหมาย แต่มือตัวเองจะต้องไม่เปื้อนเลือด การที่เธอดิ้นรนจนสอบเทียบผ่านแล้วได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย หลายคนอาจมองว่าเธอก็ยังเรียนเป็นสถาปนิกแบบที่เธอเคยฝันอยากจะเป็นได้นี่นา แต่เธอเบนความฝันเดิมมาเป็นครูเพื่อเข้าเป็นครูประจำชั้นของลูกสาวของคนที่ทำร้ายเธอ มันคือถนนแห่งการแก้แค้นเต็มรูปแบบ
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม แม้จะต้องใช้เวลานานจนขัดใจใครหลายคน แต่ช้าแล้วถึงใจ ล้างแค้นด้วยจิตวิทยาและการปั่นประสาท เพราะความสะใจของเธอไม่ใช่การเห็นคนที่เธอแค้นตายง่าย ๆ ความตายมันสบายเกินไป หมดลมหายใจก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว แต่เธอต้องการเน้นการต้องทนอยู่กับความทรมาน ความกลัว การสูญเสียของที่รัก การดิ้นรนอย่างไร้ความหมายเพื่อรักษามันไว้ ต้องไม่เหลือใครอยู่ข้าง ๆ เลย ทั้งเพื่อน สามี แม่ หรือแม้แต่ลูกสาว

การวางแผนแก้แค้นของนางเอกถือว่าฉลาดมาก อย่างไรก็ตามมีบางคนที่เห็นต่าง โดยมองว่าที่คนอวยว่านางเอกแก้แค้นฉลาดนั้นพูดเกินไป ทำนองว่านางเอกวางแผนไม่รอบคอบและโป๊ะแตก ดูไม่ได้แยบคายเท่าไร แต่ส่วนตัวเรามองต่างออกไป อย่าลืมว่านัยที่แฝงอยู่ในการแก้แค้นของนางเอกนั้น จริง ๆ มีการเปรียบเทียบกับการเล่นหมากล้อม ส่วนตัวเล่นหมากล้อมไม่เป็น ถึงอย่างนั้นก็พิจารณาได้ไม่ยาก หมากล้อมเป็นเกมที่เรานั่งประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ เปิดหน้าเปิดหมากของตัวเอง คนทั้งคู่ต่างก็เห็นวิธีการเดินหมากของกันและกันตั้งแต่ที่เริ่มวางหมากตัวแรก ทั้งที่เห็นทุกอย่างแบบนั้น แต่จะมีปัญญาเอาชนะในเกมแค่ไหนมันอยู่ที่กึ๋นล้วน ๆ รู้วิธีเดินหมากของคู่ต่อสู้แต่เอาชนะไม่ได้ น่าเจ็บใจกว่าอีก
ก่อนจบคอลัมน์ก็อยากจะย้ำอีกสักครั้งว่าซีรีส์เรื่อง The Glory ถือเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง มันอาจจะเนิบช้า ขัดใจอะไรหลาย ๆ อย่าง และหลายอย่างอาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่การที่คนเราจะทำร้ายกันมันก็ไม่ได้มีเหตุผลเสมอไป และบททดสอบของชีวิตจริง ๆ มันก็ไม่ได้สมเหตุสมผลขนาดนั้นก็ถูกแล้วนี่นา มีอะไรอีกหลายอย่างในชีวิตจริงที่ยากที่จะอธิบาย แต่ซีรีส์เรื่องนี้พยายามจะอธิบายความบิดเบี้ยวพวกนั้นให้เราได้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับคนจิตอ่อนควรมีเพื่อนดูด้วย อย่าดูคนเดียว มันน่าอึดอัดและหดหู่มาก เต็มไปด้วยความโกรธและโศกเศร้า และหวังว่าทุกคนจะได้ข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างจากการพยายามทำความเข้าใจเรื่องและตัวละคร ไม่ใช่แค่ดูเอาสนุกเฉย ๆ 💅