การเปิดตัว โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ (Hilux TRAVO) เจเนอเรชันที่ 9 ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลก ไม่ได้เป็นเพียงการเผยโฉมรถรุ่นใหม่เท่านั้นนะครับ แต่เป็นการประกาศความพร้อมในการก้าวสู่ยุคพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย ที่ต้องยอมรับว่าสั่นสะเทือนวงการรถกระบะทั่วโลกเลยทีเดียวครับ
ตลอด 5 ทศวรรษ Hilux คือรถกระบะมหาชนที่เติบโตพร้อมกับทุกช่วงชีวิตของคนไทย สำหรับผม จำความได้ก็รู้จักและมีชื่อกระบะ “ไฮลักซ์ ฮีโร่” อยู่ในความทรงจำมาตลอด ซึ่งแท้จริงแล้ว มันคือไฮลักซ์เจนที่ 4 ล่าสุด ไฮลักซ์เจน 9 ได้เปิดตัวรุ่นดีเซลพร้อมกันกับรุ่นไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรก
เห็นเป็นรถกระบะที่เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน แต่รู้หรือไม่ครับว่าที่มาของชื่อ Hilux จริง ๆ แล้วมาจาก High บวก Luxury จุดที่ความแกร่งและความหรูหรามาบรรจบกัน ซึ่งนับจากไฮลักซ์เจนแรก รุ่น RN10 ในปี พ.ศ. 2512 ที่นำเข้าทั้งคัน เป็นรถกระบะเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 77 แรงม้า ก็ทำให้ชื่อรุ่นรถกระบะโตโยต้า เริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองไทย
จากนั้นเจน 2 (RN20) ถึงเจน 3 (RN30) เริ่มเอาเข้ามาประกอบในไทยและใช้เครื่องยนต์ดีเซล และยังเป็นสัญลักษ์ของรถขนของ ก่อนจะเข้าสู่ยุคแห่งไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่เจน 4 (Hilux HERO) ตามด้วยเจน 5 (Hilux MIGHTY-X) และมาถึงเจน 6 (Hilux TIGER) เริ่มผลิตกระบะยกสูงและใส่ครื่องยนต์คอมมอนเรล D-4D เป็นครั้งแรก
จวบจนเข้าสู่เจน 7 และเจน 8 นั่นก็คือ Hilux VIGO และ Hilux REVO ที่เรารู้จักกันดีในยุคปัจจุปัน ซึ่งทำให้มีการยกระดับประเทศไทยสู่ฐานการผลิตหลักของโลก โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศกว่า 90% และส่งออกไปทั่วโลกนับล้านคัน ซึ่งก่อนที่เจน 9 อย่าง Hilux TRAVO จะเปิดตัว กระบะตระกูลนี้ทำยอดขายไปแล้ว 21 ล้านคัน!
วันนี้นอกจาก Hilux TRAVO จะเปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ดีเซล GD SUPER POWER 2.8 ลิตร 204 แรงม้า ยังเปิดตัว “กระบะไฟฟ้า 100%” บนโครงสร้างตัวถังแบบขั้นบันได (Body-on-frame) ภายใต้ชื่อ TRAVO-e ที่สำคัญยังคง DNA ความแกร่งเอาไว้ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และความสามารถในการลุยที่เทียบเท่ารุ่นดีเซล
โดย HILUX TRAVO-e ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า มาในรุ่น Double Cab 4TREX เท่านั้น ใช้ระบบ Dual Motor มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive ให้กำลังรวมสูงสุด 196 แรงม้า (144 กิโลวัตต์) ใน Eco Sticker ระบุว่า ความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 59.2 kWh วิ่งได้ระยะทาง 315 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนราคากระบะไฟฟ้าของโตโยต้า เคาะออกมาที่ 1,491,000 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับรถกระบะเมื่อเทียบกับตลาดดีเซล อย่างไรก็ดี สิ่งที่ได้เปรียบกระบะไฟฟ้าค่ายจีน คือความเป็นแบรนด์โตโยต้า โดยเฉพาะการมีศูนย์บริการทั่วประเทศ รวมไปถึงเป็นช่วงที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Isuzu D-Max EV ยังไม่วางขายในเมืองไทย
สิ่งที่ต้องจับตามองการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีรถกระบะของโตโยต้าในครั้งนี้ คือหากความต้องการ TRAVO-e พุ่งสูงขึ้น จะสามารถผลิตและส่งมอบได้ทันเวลาหรือเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ซึ่งในฐานะ “Hub กระบะโลก” เชื่อว่าคงไม่ซ้ำรอย EV ตัวแรกของค่ายอย่าง bZ4X แน่นอนครับ
Hilux ทำยอดขาย 21 ล้านคัน ก่อนเปิดตัว TRAVO