มาฟังบทสัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจ Chit Beer และเจ้าของตู้ Bitcoin ATM ตู้แรกในประเทศไทย “วิชิต ซ้ายกล้า” กันต่อ เป้าหมายสูงสุดของเขาไม่ใช่แค่การต้มเบียร์รสชาติเยี่ยม แต่คือการต้มเบียร์เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เป็นอย่างไรนั้นไปอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันเลยค่ะ
ความคิดที่ว่า “ต้มเบียร์” เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เป็นอย่างไร
เรื่องนี้ถ้าให้พูดต้องย้อนอดีตกันไปไกลพอสมควรเลย “ถ้าเรามองเบียร์เป็นแค่เครื่องดื่มมึนเมา” มันคงจะไม่มีปรัชญาชีวิตที่มาสอนเราแน่นอน ย้อนไปเมื่อ 150 ปีที่แล้ว คาร์ล มากซ์ สอนทฤษฎีหนึ่งที่เริ่มต้นจาก ไข่ใบหนึ่งในซุปเปอร์มาร์เก็ต ไข่นี้มันมาได้อย่างไร ใครเป็นคนเลี้ยง เวลาที่เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง อย่าเปลี่ยนด้วยอุดมคติ มันต้องเอาวัตถุประสงค์หนึ่งที่สัมผัสได้ แล้วถ้าทุกคนไม่สามารถไปถึงในขั้นที่สองที่คาดหวังไว้ ก็คิดว่าอย่างน้อยก็มีเบียร์เอาไว้ดื่ม เอาไว้สนุกกันได้ ทุกอย่างมันคือเรื่องกุศโลบาย
ที่สุดของศาสนาพุทธคือรสพระธรรมซึ่งบางคนก็ไม่เคยไปถึง บางคนก็อยู่แค่ในตำรา เพราะฉะนั้นเรื่องต้มเบียร์เปลี่ยนประเทศ มันคือเรื่องที่เราจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ประเด็นคือตรงนั้น ตอนเด็ก ๆ เราเคยได้ยินคำนี้ไหม มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ เราจะหลุดจากความยากจนได้เนี่ยเราต้องเก็บออม อดออมใช่ไหม แต่วันนี้มาบอกเราต้องออกไปใช้เงิน ออกไปซื้อของมันจะเป็นไปได้อย่างไร เราจะสร้างอารยธรรมสั้น ๆ ได้อย่างไรในเมื่อประชาชนไม่มีนิสัยการอดออม เป็นไปไม่ได้แล้วเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เหมือนถูกขโมยความมั่งคั่ง ยิ่งทำงานมากก็ไม่สามารถตามได้ทัน เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้หลักการพึ่งพาตัวเอง
Turtle Bar ร้านคราฟต์เบียร์เป็นเจ้าแรกที่ให้ใช้บิตคอยน์ในการซื้อเบียร์
ผมเริ่มต้นเบียร์กับบิตคอยด์มาพร้อมกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว สักประมาณปี 2012 ก็มีคนส่งตู้บิตคอยน์มาให้ ซึ่งผมบอกเสมอว่า “การต้มเบียร์กับบิตคอยน์มันเป็นเรื่องเดียวกัน” ธีมของมันก็คือการพึ่งพาตัวเองคือการกระจายอำนาจอย่างหนึ่ง มันเป็นเงินที่คนให้การยอมรับ เขาไม่ได้บังคับ ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมันเป็นความสวยงาม มันถูกดูแลด้วยคณิตศาสตร์ มันถูกดูแลด้วยทฤษฎีของจอห์นแมส ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎ ใครไม่ปฏิบัติตามกฎก็ไม่สามารถได้อะไรออกไปจากระบบนี้เลย
ระบบนี้แฟร์มาก ๆ นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เราฝัน นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่เราต้องการ อุดมการณ์ที่เขาฝันกันมาเป็นเวลา 100 ปีมันมีเครื่องมือที่สอดคล้องกับอุดมการณ์เหล่านั้น และบิตคอยน์นี่แหละคือเครื่องมือเดียวที่หลงเหลืออยู่ ที่พอจะเป็นความหวังได้ สามารถเป็นทางออกเป็นความหวังให้กับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเรา บิตคอยน์มีความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมของประเทศของโลกขนาดไหน
สกุลเงินดิจิทัลกำลังมีบทบาทมากในยุคนี้ มีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร
ต้องบอกว่าตอนนี้ “บิตคอยน์” กลายเป็นแรงโน้มถ่วงของโลกนี้แล้ว เราต้องปรับตัวยกตัวอย่างเหมือนนกที่กำลังหัดบิน ก็ต้องมีการเรียนรู้ว่าจะต้องมีปีกยาวเท่าไร กว้างเท่าไรจึง และต้องกระพือปีกเท่าไรต่อวินาทีถึงจะสามารถบินได้สูง และบินได้ไกล ต้นไม้เองก็ต้องคิดว่าเราจะต้องสูงเท่าไรและมีรากยาวเท่าไรถึงจะทนต่อแรงลม แรงพายุที่เกิดขึ้นแล้วสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ มนุษย์เองก็เช่นกัน ทุกคนต้องปรับตัว ตื่นตัวเพื่อเรียนรู้มในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ในฐานะเป็นนักธุรกิจแนะนำวิธีการลงทุนหน่อย
เงินมันทำงานอยู่ 3 ชั้น เงินชั้นที่หนึ่งทำหน้าที่เซฟพลังงานเหลือใช้ของเรา ถ้าหยิบเงินกระดาษขึ้นมาตอนนี้เนี่ย ลองจินตนาการให้ดีนะ เพราะบางคนก็เห็นเงินเป็นกระดาษ เราเอาแรงกายไปแลก เราก็เลยไม่รู้ว่าเราจะสื่อสารมันยังไงมนุษย์เลยสร้างระบบขึ้นมาเป็นกระดาษ ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นเปลือกหอย เคยเป็นพริกไทยดำ จริง ๆ แล้วมันคืออะไรสักอย่างหนึ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นอะไรสักอย่างในอนาคต
เพราะฉะนั้นอันดับแรกเลยต้องเก็บพลังงานให้อยู่ให้ได้อย่าให้มันรั่ว พอเราเซฟพลังงานเสร็จแล้ว เงินมันก็จะทำงานขึ้นไปชั้นที่ 2 มันคือ Moving Value การแลกเปลี่ยนกัน การเทรดดิ้งกัน นี่เป็นเรื่องของฟังชันก์ที่สอง ในส่วนฟังชันก์ที่สามก็คือ เลเยอร์ไฟแนนซ์ เรียกง่าย ๆ คือการทำเงินจากเงิน
เลเยอร์หนึ่งและสามมักอยู่คู่กันเสมอ เราเซฟเงินไว้เพราะรู้ว่าในอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนเงินในเลเยอร์สามก็คือเราจะเอาเงินในอนาคตมาลงทุนทำนั่นนี่ และจะได้ผลตอบแทนกลับมามากกว่า ทีนี้คนส่วนใหญ่ยังโฟกัสไปที่เลเยอร์สาม มันอยากได้ดอกเบี้ยแพง ๆ ได้ผลตอบแทนเยอะ ๆ ทันที่เรามีเงินเซฟพลังงานแล้วเราต้องรู้ว่าอย่าไปทำเงินจากเงิน และเมื่อเรามีเงินบิตคอยน์แล้วเนี่ย เราต้องตั้งใจทำงานเดินไปข้างหน้า หาจุดแข็งของตัวเอง แล้วมุ่งมั่นทำมันให้ดีที่สุด ตอนนี้เรามีสกุลเงินที่เรียกว่า “ดิจิทัล” แล้วก็คือบิตคอยน์ แล้วใครมาร้ายเราไม่ได้อีกแล้ว แค่นี้เราก็สามารถหลุดพ้นจากความยากจนแล้วถ้าเราทำมันได้
