เป็นหนี้อย่าเพิ่งหนี มาตรการพักชำระหนี้ช่วยได้

ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจปรับลดลง หลายธุรกิจต้องปิดกิจการ มีคนจำนวนไม่น้อยต้องตกงาน ขาดรายได้ โดยกลุ่มคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือคนที่มีหนี้ เพราะมีรายได้ลดลง ในขณะที่ยังมีค่างวดที่ต้องผ่อนชำระอยู่ทุกเดือน ล่าสุดรัฐบาลจึงได้มีมติร่วมมือกับธนาคารของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ ออกมาตรการ “พักชำระหนี้ 2 เดือน” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แบ่งเบาภาระช่วงโควิด-19 เนื่องจากการยกระดับความเข้มข้นของการล็อกดาวน์ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ

“พักหนี้” VS “พักชำระหนี้”

  • “พักหนี้” หมายความว่า ในงวดที่ได้รับการพักหนี้ให้ ไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย และธนาคารจะหยุดคิดดอกเบี้ยในช่วงที่พักหนี้ด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือเราจะไม่ต้องจ่ายอะไร และไม่มีอะไรติดค้างจากงวดที่มีการพักหนี้ เมื่อหมดการพักหนี้แล้ว ก็กลับมาจ่ายหนี้ตามสัญญาปกติ
  • “พักชำระหนี้” หมายความว่า งวดที่ได้รับการพักชำระหนี้ จะไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ธนาคารจะยังคิดดอกเบี้ยของแต่ละงวดต่อไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยมาเรียกเก็บดอกเบี้ยในภายหลัง

ลูกหนี้ที่อยากจะขอพักชำระหนี้ 2 เดือน ต้องทำอย่างไร?

1. ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเอง

โดยลูกหนี้ที่เข้ามาตรการครั้งนี้ต้องเป็นลูกหนี้ SME ตามนิยามของแต่ละสถาบันการเงินและลูกหนี้รายย่อย ซึ่งยังเป็นลูกหนี้ดี (ไม่เป็น NPL ณ วันที่ยื่นความประสงค์)

  • ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เช่น ร้านนวด-สปา ร้านเสริมความงาม ร้านขายของในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้
  • ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม คือ ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่รายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้

2. แจ้งความประสงค์

การให้ความช่วยเหลือตามแนวทางข้างต้น ลูกหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เพื่อแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ หากลูกหนี้สามารถให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน ถึงผลกระทบของกิจการหรือการจ้างงาน จะทำให้การพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยเจ้าหนี้ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ จึงควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น