ตลอดช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้คนทั่วโลกถูกจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ เพราะประเทศปลายทางเองก็กังวลว่าผู้ที่เดินทางเข้าไปจะนำเอาเชื้อเข้าไปสู่ประเทศ ส่วนประเทศต้นทางก็ต้องดำเนินการตามมาตรการการควบคุมโรคเช่นกัน แต่การจำกัดการเดินทางนี้ไม่สามารถทำได้นานตราบเท่าที่การระบาดจะสิ้นสุด เพราะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเปิดประเทศกันให้เร็วที่สุดเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป
เพื่อให้คนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ แต่ละประเทศจึงต้องหาวิธีการที่จะรับคนต่างชาติเข้าพื้นที่ โดยไม่เสี่ยงที่คนผู้นั้นจะนำเชื้อเข้ามาด้วย ซึ่งเราน่าจะคุ้นหูกันมาบ้างแล้วกับเอกสารที่เรียกว่า “วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport)” ที่กำลังจะกลายเป็นเอกสารสำคัญในการเดินทางระหว่างประเทศที่นักเดินทางทุกคนต้องมี เพื่อยืนยันว่าตนเองผ่านการฉีดวัคซีนแล้ว และจะไม่นำโรคที่ว่านี้เข้าไปแพร่ในประเทศนั้น ๆ
ล่าสุด ทางการไทยก็ออกรูปแบบของวัคซีนพาสปอร์ตอย่างเป็นทางการเพื่อใช้งานจริง ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 เพื่อให้คนไทยใช้สำหรับเป็นหนังสือรับรองการเดินทางระหว่างประเทศ โดยวัคซีนพาสปอร์ต หรือหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 หน้าปกจะมีรายละเอียดดังนี้
- ข้อความภาษาอังกฤษ “DEPARTMENT OF DISEASE CONTROL MINISTRY OF PUBLIC HEALTH THAILAND” (กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย)
- ตราครุฑ
- ข้อความภาษาอังกฤษ “COVID-19 CERTIFICATE OF VACCINATION” (หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019)
- เลขที่หนังสือรับรอง ขึ้นต้นด้วยปี ค.ศ.
- ข้อความภาษาอังกฤษ “Issue to …” (ออกให้กับ…)
- ข้อความภาษาอังกฤษ “Passport No. … or National identification …” (เลขที่หนังสือเดินทาง… หรือเลขประจำตัวประชาชน…)
ส่วนเนื้อหาในหนังสือรับรอง จะมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่าเพื่อใช้สำหรับรับรองการเดินทางระหว่างประเทศ ระบุชื่อผู้เดินทาง, วันเดือนปีเกิด, เพศ, สัญชาติ และรายละเอียดของวัคซีนที่ฉีด ซึ่งจะต้องฉีดครบทั้ง 2 โดส ระบุชื่อวัคซีน วันที่ฉีดวัคซีน บริษัท (หรือสาขา) ที่ผลิตวัคซีน วันที่ออกใบรับรอง และลายเซ็นของผู้มีอำนาจที่ได้รับอนุญาตให้ลงนามการออกหนังสือ พร้อมประทับตราหน่วยงาน
วัคซีนพาสปอร์ตของไทย จะได้รับการรับรองโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไข คือ
- เอกสารรับรองนี้เป็นการรับรองเฉพาะการได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาของราชอาณาจักรไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก
- ต้องมีลายมือชื่อของอธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่อธิบดีกรมควบคุมโรคมอบหมายให้ออกเอกสารรับรอง พร้อมประทับตราหน่วยงานของผู้ที่ออกเอกสารรับรองนั้น
- เจ้าหน้าที่อาจไม่รับพิจารณาเอกสารรับรองที่มีรอยแก้ไข ขูดลบ ขีดฆ่า หรือมีข้อความไม่สมบูรณ์
- กรอกข้อมูลในเอกสารรับรองเป็นภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วน จะมีข้อความภาษาอื่น ๆ ควบคู่กับภาษาอังกฤษด้วยก็ได้
- เอกสารรับรองนี้รับรองเป็นรายบุคคลเท่านั้น ไม่ให้ใช้ร่วมกันเป็นหมู่คณะ
- ต้องออกเอกสารรับรองแยกสำหรับเด็กด้วย ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสารรับรองแทน หากเด็ก (อายุต่ำกว่า 7 ปี) ยังเขียนหนังสือไม่ได้ สำหรับผู้ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ ให้ผู้นั้นพิมพ์ลายนิ้วมือแทน (ปกติให้ใช้นิ้วหัวแม่มือขวา)
หนังสือรับรองนี้ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร หรือ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง ทั้งนี้อาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในสังกัดกรมควบคุมโรคผู้มีรายนามต่อไปนี้เท่านั้น เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้เช่นกัน ได้แก่
- นายโรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค
- น.ส.สิริรักษ์ ธนะสกุลประเสริฐ นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค
- นายรวินันท์ โสมา นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค
- นางรณิดา เตชะสุวรรณา นายแพทย์ชำนาญการ กองโรคติดต่อทั่วไป
- น.ส.กมลทิพย์ อัศววรานันต์ นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
- น.ส.ปริณดา วัฒนศรี นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา กรมควบคุมโรค
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะเดินทางไปต่างประเทศ แล้วไม่ถูกประเทศปลายทางปฏิเสธการเข้าประเทศล่ะก็ ฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 2 โดส แล้วไปขอหนังสือรับรองที่เรียกว่า “วัคซีนพาสปอร์ต” นี้ได้เลย