เมื่อคิดจะรับ ก็อย่าลืม “ให้” ผู้อื่นบ้าง

การเป็นผู้เสียสละอาจเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์อย่างเรา ๆ ที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ เพราะความเห็นแก่ตัวเป็นธรรมชาติของทุกคน แต่จะมากหรือน้อยก็ต้องขึ้นอยู่กับการขัดเกลาจิตใจจากครอบครัว และสังคมที่แวดล้อมของแต่ละคนด้วย

Adam Grant นักจิตวิทยาชื่อดัง เจ้าของหนังสือขายดี Give and Take หรือ “แค่รู้วิธีให้ คนรับได้เท่าไหร่ คนให้ได้มากกว่า” ในฉบับแปลภาษาไทย แบ่งคนบนโลกใบนี้ไว้ด้วยกัน 3 ประเภท

Giver คือผู้ที่ให้คนอื่นมากกว่ารับ จึงใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นว่าต้องการอะไร

Taker คือผู้รับจากคนอื่นมากกว่าให้ จึงสนใจแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ และเชื่อว่าโลกคือการแข่งขัน ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จ ก็ต้องได้ดีกว่าคนอื่น

Matcher คือผู้ที่ได้รับจากคนอื่นแล้วจะให้กลับคืนผู้นั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกันอย่างเท่าเทียม จึงทำให้ผู้ให้และผู้รับรู้สึกวิน-วินด้วยกันทั้งคู่ เพราะต่างได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งในสังคมจะมีคนจำพวกนี้มากที่สุด เมื่อได้รับความเอื้อเฟื้อหรือความช่วยเหลือจากผู้ใดก็มักจะทำดีกลับคืนเพื่อเป็นการตอบแทน

ส่วนคนที่จัดอยู่ในจำพวก Giver จะถูกมองว่าเป็นคนที่เสียเปรียบผู้อื่นมากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วผู้ให้ก็ยังแยกย่อยได้อีก 2 ประเภท นั่นคือคนที่เสียสละหรือให้ผู้อื่นโดยไม่ได้นึกถึงตนเอง (Selfless) กับคนที่ให้ผู้อื่นโดยนึกถึงใจเขาใจเรา (Otherrish) ใน 2 ประเภทนี้ คนที่เป็นผู้ให้แบบหลังจะไม่ตกเป็นเหยื่อของใครง่าย ๆ   เพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบโดยไม่ชอบธรรมเช่นกัน

ขณะที่คนจำพวก Taker จะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าจะคิดถึงส่วนรวม ซึ่งอาจพูดได้ว่าเป็นคนที่มีความเห็นแก่ตัวมากกว่าคนอื่น ๆ

การเปลี่ยนแปลงคนเหล่านี้ให้เป็นผู้ให้อาจเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเป็นผู้รับเสียจนเคยตัว แต่ถ้าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว อย่างน้อย ๆ เวลาที่ได้รับน้ำใจจากผู้อื่น ก็ควรจะหยิบยื่นน้ำใจกลับคืนไปให้พวกเขาบ้างโดยไม่ต้องหวังสิ่งใดตอบแทน

เพราะหากมัวแต่คิดเล็กคิดน้อยว่าการหยิบยื่นสิ่งใดให้ผู้อื่นจะกลายเป็น “บุญคุณ” ที่อีกฝ่ายต้องทดแทน ก็จะมีเพียงเราเท่านั้นที่ทุกข์ใจจากการคาดหวัง ทั้งที่ควรจะได้ความสุขใจจากการเป็นผู้ให้มากกว่า