เทรนด์การใช้ชีวิตที่ไม่ต้องครอบครอง

พวกเราต่างเติบโตมาโดยถูกสอนจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายายให้มีวิธีคิดในการสร้างฐานะที่มั่นคงด้วยการหาปัจจัยสี่ให้กับตัวเอง แต่ปัจจุบันค่านิยมด้งกล่าวอาจจะกำลังเปลี่ยนไป แม้จะไม่ใช่ในเมืองไทย และ ไม่ใช่ในเร็วๆนี้แต่ความคิดที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ หรือ ครอบครอง ทรัพย์สมบัติ กำลังกลายเป็น ค่านิยมที่คนรุ่นใหม่ในอเมริกาเริ่มหันมาให้ความสนใจกัน พวกเขาใช้คำจำกัดความว่า “เมื่อเห็น แล้วชอบ และ ต้องการพวกเขาก็จะเช่าไม่ซื้อ”

แนวคิดที่ไม่ต้องการครอบครองเพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น

บทความในเว็บไซต์ของนิวยอร์คไทม์ส เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน โดย Sapna Maheshwari ได้เล่าถึงคนทำงานรุ่นใหม่ในนิวยอร์ก โดยยกตัวเอย่าง มิกิ เรย์โนลด์ ผู้อำนวจการขององค์กรไม่หวังผลกำไร ซึ่งให้คำปรึกษาบรรดานักลงทุน หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ด้วยการเช่าเกือบทุกสิ่ง เริ่มตั้งแต่อพาร์ทเม้นท์ ที่เธออยู่ เสื้อผ้าแบรนด์ดังที่เธอสวมใส่ เฟอร์นิเจอร์ ยี่ห้อดัง รวมไปถึง ออฟฟิสของเธอที่เป็นแบบ Co-Working Space

ในบทความนั้นเรโนลด์ ได้กล่าวถึงการเช่า เกือบทุกอย่างในชีวิตแทนที่จะซื้อเพื่อครองครองว่า “มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น และ เราไม่จำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับของที่เราไม่ได้ใช้แล้ว เหนืออื่นใดยังทำให้ได้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ หรือ เสื้อผ้าที่เราต้องการได้บ่อยขึ้น” นอกจากนี้เรโนลด์ ยังระบุด้วยว่า การที่เช่าสิ่งของนั้นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่าจะครอบครอง เพราะการเช่าจะมีระยะเวลา เมื่อหมดระยะเวลาแล้วต้องการต่อสัญญาตามความพึงใจ แต่การครอบครองหมายความว่าคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มากนัก และถ้าวันหนึ่งคุณไม่มีงานทำหรือ เปลี่ยนงาน ต้องย้ายที่ทำงานออกไปในเมืองอื่น หรือ รายได้ลดลง คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไม่พอในการจ่ายให้กับธนาคาร

คนรุ่นใหม่มองเรื่องเช่าสินค้าเป็นเรื่องปกติ

ในเมืองไทยนั้นการเช่าสินค้า ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่ทำกันมานานแล้วไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถยนต์ยี่ห้อหรุหรา แต่ค่านิยมในเมืองไทยถ้าคุณเช่า ก็เท่ากับคุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่ครอบครองได้ ก็จะถูกมองไปอีกแบบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต่อให้ครอบครอง เมื่อถึงเวลาใช้จริง คนเราก็สามารถใส่ชุดแบรนด์ดัง ได้เพียงครั้งละชุด ใส่นาฬิกายี่ห้อดังได้ครั้งละเรือน หรือ ขับรถหรูได้ทีละคัน

ดังนั้นเทรนด์การเช่าในเมืองไทย ก็เริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เพราะแนวคิดเช่นเดียวกับสาวนิวยอร์ก แบบ อาร์โนลด์ ที่เธอสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เธอเช่าได้ตามเทรนด์ และไม่ต้องกังวลว่าจะต้องจัดการกับของที่ซื้อมาก่อนหน้านี้อย่างไร เพราะการเช่า เมื่อเบื่อก็เปลี่ยน และ เมื่อคุณต้องการสินค้าตัวใหม่ ผู้ให้บริการก็พร้อมจะจัดหาให้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับการเช่าบ้านที่คุณสามารถเลือกทำเล เลือกราคาเช่า และ สิ่งแวดล้อมได้ตามที่ต้องการ ถ้าไม่พอใจคุณก็แค่ย้ายออก ไม่จำเป็นต้องกังวลใจว่าจะประกาศขายได้หรือไม่

ทำให้ลดขยะและคนเลิกบ้าช้อปปิ้ง

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อใครมีแล้วเราจะอยากมีบ้าง แต่ถ้าเราไปไม่ถึง และ ต้องไปหาเงินเพื่อให้ไปให้ถึง ก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก วิธีการเช่า ก็ช่วยได้ จากบทความของนิวยอร์กไทม์ส นั้นระบุว่า คนที่หันมาเช่ามากกว่าจะซื้อมาครอบครองนั้น สามารถลดค่าใช้จ่ายในการช้อปปิ้งไปได้มาก เพราะ เขาและเธอเหมือนได้เติมเต็มสิ่งที่ต้องการแล้ว การไปช้อปปิ้งก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ขณะเดียวกัน ขยะจากของเก่าที่เราเบื่อแล้ว ก็ไม่เกิดขึ้นเพราะเมื่อเราเบื่อสินค้าชิ้นนั้นก็จะถูกเปลี่ยนเมื่อเราแจ้งผู้ให้เช่า ขณะเดียวกันสินค้าชิ้นนั้นก็จะถูกเอาไปบูรณะเพื่อส่งต่อให้ คนอื่นที่ต้องการเช่า นับเป็นการจัดการที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากเลยทีเดียว

ข้อเสียของการเช่า

เมื่อมีข้อดีแล้วก็มีข้อเสีย ถ้าคุณชอบการเช่าสิ่งของ เรื่องแรกที่คุณต้องทำใจเอาไว้คือ ราคาเช่าต้องถูกปรับทุกปี หรือ ทุกสามปี เมื่อคุณเช่าเฟอร์นิเจอร์ คุณก็ต้องระวังไม่ให้เสียหายเพราะอาจหมายถึงการที่คุณจะต้องถูกคิดค่าปรับ การเช่าอพาร์ทเม้นท์ หรือ บ้านเช่าบางที่คุณก็ไม่สามารถเจาะผนังได้ ตามคำห้ามของผู้ให้เช่า และ การจ่ายเงินค่าเช่า ที่ต้องตรงกันทุกเดือน หากจ่ายช้าก็จะถูกปรับ หรือทำสินค้าหายก็จะถูกปรับเป็นจำนวนเงินที่อาจมากกว่าราคาของ เสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นการเช่าสิ่งของก็หมายรวมถึงความรับผิดชอบที่ต้องตามมาพอสมควร ในขณะที่การครอบครองเป็นเจ้าของด้วยการซื้อนั้นคุณสามารถทำอย่างไรก็ได้ กับสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของ และ ถ้ามันเสียหายคุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะทิ้งหรือจะซ่อม

เมื่อทราบถึงที่มาที่ไป ข้อดีข้อเสียของการเช่าแบบนี้แล้วลองพิจารณากันดูว่าคุณอยากจะครอบครองแค่ชั่วคราว หรือ เป็นเจ้าของตลอดไป เพราะอย่างไรเสียมันต้องมีของสักชิ้นที่คุณต้องการเป็นเจ้าของ และ อีกหลายชิ้นที่คุณอาจแค่เห่อมันชั่วคราว