ใครไม่อาย ผมอาย

กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ กลายเป็นมหกรรมกีฬาที่ในบ้านเราเงียบเป็นเป่าสาก หลายคนมารู้ว่าเอเชียนเกมส์กำลังแข่งขันกันก็ตอนที่ทีมฟุตบอลชายไทยตกรอบไปแล้วนั่นเอง!

พูดถึงกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ กับ ฟุตบอล สำหรับผมถ้าให้ย้อนอดีตไปตั้งแต่จำความได้ เคยได้ยินชื่อของประเสริฐ ช้างมูล ผู้ยิงประตูให้ไทยดับจีนในวันชาติของจีน สมัยเอเชียนเกมส์ปี 1990 ที่ปักกิ่ง ก่อนจะมาตกรอบแรกสมัยเป็นชุด “ดรีมทีม”ที่ฮิโรชิม่าในปี 1994

แต่ที่ติดตาตรึงใจผมมากที่สุดคือเอเชียนเกมส์ที่บ้านเราในปี 1998 ไทยเราได้ประตูโกลเด้นโกลจากธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ชนะเกาหลีใต้ในรอบก่อนรองชนะเลิศ รวมถึงในครั้งล่าสุดภายใต้การคุมทัพของโค้ชซิโก้ ที่พาทีมถึงรอบรองชนะเลิศในเอเชียนเกมส์ 2014 ที่อินชอน

มาในครั้งนี้คงไม่ต้องให้ย้อนไปพูดถึงผลงานนะครับว่าเป็นอย่างไร หลังจากเราตกรอบ มีกระแสมากมายพุ่งตรงไปทั้งโค้ชโย่ง ,นักฟุตบอล รวมถึงนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯคนปัจจุบัน

เชื่อว่าแฟนบอลทุกคนน่าจะจำประโยคเด็ดจากท่านนายกสมาคมลูกหนังได้แม่น ท่านเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมอายครับ ผมทนไม่ได้” หลังจากทีมชาติไทยชุดใหญ่ภายใต้การคุมทัพของ “โค้ชซิโก้” พ่ายต่อ ซาอุดิอาระเบีย 0-3 และ พ่ายญี่ปุ่น 0-4 ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย

ในเอเชียนเกมส์หนนี้ เราได้เห็นผลการแข่งขันของบรรดาเพื่อนบ้านในอาเซียนที่ เวียดนามเอาชนะญี่ปุ่นได้ ,มาเลเซียเอาชนะเกาหลีใต้ได้ รวมถึงเมียนมาร์ที่เอาชนะอิหร่านได้ ขณะที่ไทยของเราตกรอบแรก โดยหนึ่งในสามเกมที่น่าผิดหวัง คือเราเอาชนะบังคลาเทศไม่ได้!

ทำดีก็ต้องชม ทำไม่ดีก็ต้องด่า อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผมเองไม่ใช่พวกโลกสวยที่จะออกมาปกป้องคนโน้นคนนี้ว่าทำดีที่สุดแล้ว และเชื่อว่าเรายังทำดีไม่ถึงที่สุด เพราะถ้าทำดีที่สุดจริงๆผลลัพธ์จะต้องดีกว่านี้ แบบนี้เรียกทำดีไม่พอมากกว่า

สุดท้ายก็อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้บอกผ่านไปยังท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯว่า “ใครไม่อาย ผมอายนะครับ” ส่วนถ้าท่านจะตอบกลับว่า “ใครอาย ผมไม่อาย” ก็คงต้องตัวใครตัวมันล่ะครับ (ฮา)