ภาพมีมจากซีรีส์เรื่องหนึ่งที่พี่สาว “ชินมินอา” เล่นเป็นนางเอก ที่คุณเธอเล่นชูนิ้วกลางถ่ายรูปรวมในงานแต่งงานของแฟนเก่าที่คบซ้อน ถูกโพสต์ในเพจรีวิวซีรีส์แบบเกลื่อนเฟซบุ๊กในช่วงสัปดาห์ก่อน คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องหาซีรีส์เรื่องนั้นมาดูให้ได้ในสัปดาห์นี้ ทีแรกจำได้ว่าพี่สาวมีซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังจะออนแอร์ แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ขอบคุณภาพมีมเหล่านั้นที่บอกชื่อเรื่องมาให้พร้อม ว่าเป็นซีรีส์เรื่อง No Gain No Love
No Gain No Love เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่เกลียดการขาดทุนและการเสียเปรียบเข้าไส้ แต่เธอมักจะพบเจอกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่องแทบไม่ได้หยุดพัก เรื่องครอบครัว เธอรู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความรักจากแม่ เรื่องความรัก เธอก็มักจะถูกแฟนหนุ่มเอาเปรียบและล่าสุดโดนนอกใจ ส่วนเรื่องงาน เธอไม่สามารถรับสวัสดิการดี ๆ จากการทำงานได้เนื่องจากเธอยังไม่ได้แต่งงาน เธอเบื่อเต็มทนกับความสูญเสียพวกนี้และไม่ต้องการถูกเอาเปรียบอีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจเปิดฉากการแต่งงานปลอม ๆ ขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ที่คิดว่าตัวเองควรจะได้รับ โดยไปดึงเอาพนักงานพาร์ตไทม์ร้านสะดวกซื้อเจ้าประจำ มารับบทเป็นเจ้าบ่าวกำมะลอ รับงานแต่งงานวันเดียวแล้วแยกย้าย
ถึงแม้พล็อตการแต่งงานกำมะลอจะดาษดื่นมากในซีรีส์เกาหลี แต่เหตุผลของการแต่งงานปลอม ๆ ในเรื่องนี้ค่อนข้างจะแหกขนบและแหวกแนวไปจากเรื่องอื่น ๆ พอสมควร เพราะ character driven ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องนี้คือ “ผู้หญิง” เป็นหลัก ทั้งปัญหาที่เริ่มต้นมาจากการแก้ปัญหาของผู้หญิงคนหนึ่ง จนทำให้ผู้หญิง (โสด) กลุ่มหนึ่งเดือดร้อน จนต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาของตัวเองเป็นลำดับถัดไป ซึ่งสุดท้าย ผู้หญิงก็ไม่ได้อับจนหนทางจะแก้ปัญหา เพราะทุกย่างเคลียร์ได้ แถมยังมีกำไรเหนาะ ๆ อีก เพียงแค่คุณ “แต่งงานซะ!” ต่อให้แต่งปลอม ๆ ก็ยอมลงทุน
งั้นคนไม่แต่งงานก็เสียเปรียบสิคะ เราทำงานเหมือนกัน แต่มีแค่คนแต่งงานที่ได้ประโยชน์
ถ้าเป็นนางเอกเรื่องอื่นหรือตัวละครอื่นที่ไม่ได้กำลังหัวเสียสุด ๆ กับสถานการณ์สุดเสียเปรียบ และไม่ได้มีนิสัยสุดโต่งเฉกเช่นนางเอกเรื่องนี้ ประโยคข้างต้นก็น่าจะเป็นเพียงแค่การบ่นปอด ๆ แปด ๆ เท่านั้นเองล่ะ ไม่น่าจะตามมาด้วยละครรักหวานซึ้งสุดโรแมนติกที่จบองก์แรกด้วยการจูงมือเจ้าบ่าวกำมะลอเข้าซุ้มประตูวิวาห์แบบนี้หรอก ซึ่งมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นขององก์สอง สาม สี่ ไปจนกว่าจะถึงบทสรุปสุดท้าย ว่าเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นหลังการแต่งงานเฉพาะกิจ จะทำให้บ่าวสาวพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่เดินเข้างานแต่งโดยปราศจากความรักในวันนั้น จะได้กลายมาเป็นคู่รักจริง ๆ ที่ผีผลักให้ตกหลุมรักกันกลางเรื่องหรือเปล่า
ลองมาดูนิสัยสุดโต่งของนางเอกกันหน่อยดีกว่า ถ้าจะว่ากันตามจริงแบบคนที่ไม่คิดอะไรเยอะแยะให้ปวดหัว นางเอกในสมัยเด็ก ๆ ดูจะไม่ต่างจากเด็กงี่เง่าคนหนึ่งที่ใจแคบ ขี้อิจฉา และโลกหมุนรอบตัวเอง ภาพ flashback ในอดีตของนาง คือเด็กที่แสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจอยู่เสมอเวลาที่แม่ของเธอพาเด็กมากหน้าหลายตาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านดในช่วงเวลาหนึ่งด้วยสถานะลูกอุปถัมภ์ ความที่ชอบคิดเล็กคิดน้อย และเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเด็กที่แม่รับมาอุปการะ ทำให้นางเข้าใจว่าแม่ไม่รักและไม่ใส่ใจนางเท่าที่ควร นางจะเป็นคนที่เสียเปรียบตลอดจากการที่มีเด็กคนอื่นอยู่ในบ้าน รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักจากแม่ไม่เต็มที่ทั้งที่ตัวเองเป็นลูกแท้ ๆ หรือพูดง่าย ๆ ก็คืออารมณ์น้อยใจ ที่แม่เห็นเด็กคนอื่นดีกว่าลูกของตัวเองนั่นแหละ
ความน้อยใจที่สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนเด็กที่แม่รับมาเลี้ยง ก่อให้เกิดปมบางอย่างในใจของนาง การที่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่เรื่อย ๆ ทำให้นางเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบให้ใครและไม่เอาเปรียบใครด้วยในทุกเรื่อง คิดคำนวณทุกอย่างแบบกำไรขาดทุน หากมีสัญญาณเตือนว่านางจะขาดทุน อย่างน้อยที่สุด นางจะพิจารณาถึงจุดคุ้มทุนเพื่อหลีกเลี่ยง “ความสูญเสีย” แบบที่ตัวเองได้รับมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก และล่าสุดคือหน้าที่การงาน โอกาสเลื่อนตำแหน่งที่กำลังจะถูกพรากไปด้วยเงื่อนไขแปลก ๆ ในที่ทำงาน สมัยเด็ก นางอาจจะดูงี่เง่าที่คิดคำนวณทุกอย่างขนาดนั้น แต่เมื่อโตขึ้น หลายเรื่องมันก็ดีกว่าจริง ๆ ที่นางกล้าที่จะเรียกร้องสิ่งที่มันไม่ยุติธรรม และก็ดูมีเหตุผลมากขึ้นกับการคิดคำนวณทุกอย่าง แม้ว่ามันจะกวน ๆ เกรียน ๆ ไปบ้างก็เถอะ
ก็นะ ด้วยความที่นางเจอเข้ากับคนเอาเปรียบมามากพอแล้ว บวกกับการที่จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อที่พลาดการเลื่อนตำแหน่งทั้งที่นางมีความสามารถมากพอ เพียงเพราะกฎของบริษัทที่ตั้งแง่กับสาวโสด เช่น การไม่รับผู้หญิงเป็นเลขาของผู้บริหาร หรือการไม่โปรโมตสาวโสดขึ้นสู่ตำแหน่งสูง ๆ ที่สามารถเข้าใกล้ประธานบริษัทได้มากขึ้น รวมถึงสวัสดิการอื้อซ่าสำหรับพนักงานที่แต่งงาน ยิ่งถ้ามีลูกด้วยล่ะก็จะได้สวัสดิการฉ่ำกว่าเดิมอีก นางจึงจำเป็นต้องรีบแต่งงานด่วน ๆ โดยไปว่าจ้างพนักงานพาร์ตไทม์กะกลางคืนของร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ให้มารับบทเจ้าบ่าวตัวปลอมในงานแต่งปลอม ๆ ของนาง (จริง ๆ คือนางอยากได้เงินใส่ซองคืนด้วยแหละ ใช้วิธีนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ 555)
นี่ไม่ใช่งานแต่งงานปลอม ๆ แต่เป็นงานศพรอบแรกของแม่ใช่ไหมคะ
อย่างที่บอกไป ในสายตาของใครหลายคน นางเอกดูเหมือนคนงี่เง่าที่เป็นบ้าเป็นหลังอยู่กับการคิดคำนวณผลประโยชน์ทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ แต่ก็จะไม่เอาเปรียบคนอื่นเหมือนกัน ทุกอย่างต้องแฟร์ ๆ เท่ากันแบบเป๊ะ ๆ มีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งจริง ๆ นิสัยที่ว่านี้มันก็ดันมีที่มาที่ไปที่ก็แอบเห็นใจนางอยู่ไม่น้อย สำหรับเด็ก ๆ แล้วถ้าจะหวงพ่อหวงแม่ หรืออยากเป็นที่รักของพ่อกับแม่แค่คนเดียว มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก แล้วพอเห็นว่าความรักที่พ่อแม่ต้องให้ตัวเองมันถูกหารอยู่ตลอดไปให้กับเด็กคนอื่นที่เข้ามาเป็นพี่น้องชั่วคราว ก็ไม่แปลกอีกที่นางจะไม่เข้าใจ และสะสมตะกอนของความรู้สึกไม่ดี ความไม่ชอบสิ่งที่แม่ตัวเองทำ ไว้จนกลายเป็นปมที่แก้ยากแบบนี้
ถึงนางจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ได้สนิทกับแม่ขนาดนั้น ถึงขั้นไม่ชอบแม่ตัวเอง เพราะสิ่งที่แม่ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจและเสียเปรียบคนอื่นทุกอย่างตั้งแต่เด็กจนโต แต่นางก็ไม่เถียงสักคำถ้ามีคนจับได้ว่านางรักแม่มาก มีอยู่ตอนหนึ่งที่นางบอกกับพระเอกว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อแม่นั้น มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับการที่ “ชอบได้แต่รักไม่ได้ รักได้แต่ชอบไม่ได้” พูดง่าย ๆ ก็คือ นางรักแม่แต่นางไม่ชอบแม่นั่นเอง งงมะ 555
ถึงนางจะพร่ำบอกกับทุกคนว่านางไม่ชอบแม่ตัวเอง แต่ทุกคนรอบตัวกลับจับโป๊ะได้จากพฤติกรรมที่นางแสดงออกนั่นแหละว่าจริง ๆ นางรักแม่มากแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องงานแต่งปลอม ๆ ที่นางจัดขึ้นมา ทีแรกเพื่อนนาง (ที่เป็นหนึ่งในลูกอุปถัมภ์) เข้าใจว่านางใช้แม่เป็นเครื่องมือในการรับเงินใส่ซองจากบรรดาแขกของแม่ที่จะมาร่วมงาน แต่ความจริงอีกด้านก็คือ นางเองก็อยากให้แม่ที่ป่วยหนักอยู่ได้เห็นว่าลูกสาวแท้ ๆ คนเดียวได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วก่อนที่แม่จะจากไป ถ้ารอเจอคนที่รักจริง ๆ คนที่จะแต่งงานจริง ๆ แม่นางก็อาจจะไม่อยู่รอ
และอีกสิ่งที่ประจักษ์ที่สุดในวันแต่งงาน (ปลอม ๆ) คือการที่นางเชิญบรรดาลูกอุปถัมภ์ที่แม่เคยอุปการะมาร่วมงานได้เป็นจำนวนมาก เพราะจริง ๆ งานแต่งงานก็ไม่ต่างอะไรกับงานร่วมญาติ รวมเพื่อนเก่าอยู่แล้ว และสำหรับคนป่วยที่ไม่รู้ว่าจะจากไปเมื่อไร งานแต่งงานของลูกสาวที่รวบรวมคนที่แม่เคยเลี้ยงดูจนได้ดิบได้ดีมาอยู่ในงานเดียวกันแบบนี้ ทำให้แม่และบรรดาพี่น้องชั่วคราวของนางได้เจอกันอีกครั้ง ได้พบกันในวันที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ยังสัมผัส ยังพูดคุยกันได้ในงานที่มีแต่รอยยิ้ม ไม่ใช่มาเจอกันตอนที่แม่เหลือแค่ร่างนอนอยู่ในโลงแล้วต้องคุยกันผ่านธูป ใบหน้าของทุกคนเปื้อนน้ำตา นี่จึงเป็นสิ่งดี ๆ ไม่กี่อย่างที่นางจะทำเพื่อแม่ได้ งานศพรอบแรกของแม่ตอนที่แม่ยังมีชีวิต
เป็นคนธรรมดา ๆ แบบนั้น แต่กลายเป็นว่าคนธรรมดาแบบนั้นเขียนข้อความว่าร้ายในอินเทอร์เน็ต มันทำให้ฉันกลัวมากเลย
เหมือนจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่คนเขียนบทใส่มาเพื่อให้เป็นสถานการณ์การเจอกันครั้งแรกของคู่รอง และทีแรกก็ดูจะเป็นการขายขำคาแรกเตอร์ของพระรองและนางรองด้วย แต่ก็แอบใส่กิมมิกที่น่าสนใจไว้ให้กับประเด็นการแสดงความคิดเห็นในเชิงหมื่นประมาทและเกลียดชังผู้อื่นผ่านโลกออนไลน์ ผ่านตัวละครพระรองและนางรองที่ไม่ได้เป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน ทว่าพวกเขามีความเชื่อมโยงกันอยู่ผ่านตัวละครอื่น ๆ พอได้ดูแล้วรู้สึกชอบที่คนเขียนบทเขาเลือกสร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาให้กับคู่รอง
สำหรับตัวละครนางรอง นางคือหนึ่งในเด็กสาวที่แม่นางเอกรับมาเป็นลูกอุปถัมภ์ ปัจจุบันเป็นทั้งรูมเมตและพี่น้องต่างสายเลือดที่รักกันดีกับนางเอก คอยช่วยเหลือกันในเรื่องต่าง ๆ แบบฟีลกู๊ดมาก นางมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์เรต R ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักอ่าน ซึ่งก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบผลงานของนางเป็นเรื่องธรรมดา แต่นิยายออนไลน์ของนางหลายเรื่องถูกนำไปทำเป็นซีรีส์และละครเสียง ปกตินางจะไม่ค่อยสนใจคอมเมนต์เชิงลบที่วิจารณ์ผลงานนางสักเท่าไร ออกจะขำ ๆ ด้วยซ้ำไป แต่แล้ววันหนึ่งนางก็เจอเข้ากับคอมเมนต์ให้ร้ายที่แสดงความเกลียดชังและหมิ่นประมาทต่อตัวตนของเธออย่างชัดเจน จนไม่สามารถปล่อยผ่านได้ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ซึ่งคอมเมนต์ว่าร้ายที่ว่าก็ไม่ได้มาจากใครอื่น พระรองนั่นเอง เขาเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่ 3 ที่นั่งเก้าอี้ CEO ของบริษัทที่นางเอกทำงานอยู่นั่นแหละ เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาไปเจอว่าแม่ของเขากำลังอ่านนิยายเรต 18+ ที่นางรองเป็นเขียน ติดหนึบขนาดเป็นแฟนคลับตัวยงเลยด้วย เขารับไม่ได้กับความจริงเรื่องใหม่นี้ เพราะเขาเติบโตขึ้นมากับแม่ที่เข้มงวดเรื่องนี้มาก ผลพวงจากการที่พ่อของเขาเป็นคนเจ้าชู้ มีความรักกับบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว (และบุรุษผู้นี้ก็คือต้นเหตุของกฎแปลก ๆ ในบริษัทนางเอกนั่นเอก) แต่แทนที่เขาจะไปพูดกับแม่ตรง ๆ เขาดันไปคอมเมนต์ด่านักเขียนซะงั้น หมายเรียกเลยร่อนไปหาถึงหน้าประตูบ้านตามระเบียบ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เขาที่เป็น CEO บริษัทใหญ่ จะให้นักข่าวรู้ไม่ได้ว่าเขาโดนคดีแบบนี้ โดนพ่อแพ่งกบาลแยกแน่ ๆ เลยปลอมตัวเป็นคนธรรมดาไปโรงพัก ภาพลักษณ์แบบพวกคนตกงาน คนขี้แพ้พาลด่าคนอื่น ในขณะที่เจ้าทุกข์อย่างนางรองก็แอบไปดูหน้าคนที่เขียนคอมเมนต์ด่าตัวเองด้วยการประโคมใส่แบรนด์เนมทั้งตัว การพบกันครั้งแรกของคนทั้งคู่ในภาพลักษณ์ที่แตกต่างไปจากปกติก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีในใจทั้งคู่ เขาเห็นว่าเธอที่เขาเขียนด่าอย่างแรง เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับใคร ส่วนเธอเห็นว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่มีน้ำใจ ตอนเธอล้มเขาก็ช่วยประคอง แถมเก็บโทรศัพท์คืนตำรวจให้ด้วย แต่ภายใต้ความธรรมดานั้น คือคนที่เขียนด่าเธอจนต้องขึ้นโรงพักนี่แหละ
มันเป็นเรื่องน่ากลัวแบบที่นางรองพูดจริง ๆ แหละ คนธรรมดาที่เราเดินสวนไปมา พ่อค้าที่เราซื้อของด้วยในตลาด คนที่นั่งเบาะข้าง ๆ บนรถเมล์ อาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่เขียนด่าเราแรง ๆ ในโลกออนไลน์ก็เป็นได้ บนแพลตฟอร์มที่ใคร ๆ ก็เข้าใจว่าจะเขียนแสดงความคิดเห็นยังไงก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร และคนที่โดนด่าก็ไม่รู้ตัวตนของฉัน ยิ่งทำให้โลกนี้มันน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมอีก ยังดีที่มีกฎหมายปกป้องการคุกคามบนออนไลน์ และตำรวจไซเบอร์ก็สืบจนรู้ได้ไม่ยากว่าคนที่ปกปิดตัวตนแล้วเที่ยวด่ากราดคนอื่นไปทั่ว แท้จริงแล้วคือใคร ส่วนใหญ่ก็จะเก่งกันแค่หลังคีย์บอร์ดเท่านั้นแหละ พอขึ้นศาลก็ไหว้สวยรวยกระเช้าแทบทุกราย คำขอโทษพูดง่ายเฉย แถมให้กราบก็ยังได้ อะไรแบบนี้
ถ้าใครกำลังหาซีรีส์เบา ๆ คลายเครียด เน้นขายขำแทรกดราม่าพอกรุบ ๆ No Gain No Love น่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง แค่นางเอกอย่าง “ชินมินอา” ก็เป็นแม่เหล็กในตัวอยู่แล้ว เพราะนี่ก็เลือกเปิดเรื่องนี้ดูเพราะอยากเห็นพี่สาวในบทเกรียน ๆ รั่ว ๆ แบบนี้แหละ ฮาดี แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าโดน “คิมยองแด” ตกเข้าอีกคน ดูเขาเล่นเป็นพระเอกมาก็หลายเรื่อง แต่ดันมาหลงเสน่ห์ในเรื่องนี้ ชอบในความหน้าเดียวที่ดูเด๋อ ๆ ด๋า ๆ ตลอดเวลา ปากคอก็แจ๋วดี แบบไปกันได้นางเอกเวลาจิกกัดกัน ตอนที่เริ่มดูอาจไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไรเพราะลังเลอยู่หลายเรื่อง แต่ดันสนุกเกินคาด โดยเฉพาะความแปลก ๆ ของนางเอกที่มีทัศนคติว่าต่อให้ เป็นความรู้สึก “เกลียด” คนเกลียดก็ยังเป็นฝ่ายเสีย คนถูกเกลียดสิที่เป็นคนได้ แล้วถ้าเป็นความรู้สึก “รัก” ล่ะ ใครจะได้ใครจะเสีย นางจะคำนวณยังไงเอ่ย 💸