เมื่อเราต้องการเปลื้องพันธนาการจาก “โลก”

“เป็นไปได้ไหมที่เราจะเป็นอิสระจากวงจรของโลกปัจจุบันที่ทุกคนต้องคอยวิ่งตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน” เพื่อนของผู้เขียนที่เป็นนักอ่านและมนุษย์ช่างสงสัยตั้งคำถามกับผู้เขียนเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน แวบแรกที่ได้ยินคำถาม คำตอบที่ยิงออกไปแทบจะในทันทีคือ “ไม่ได้เพราะโลกหมุนเปลี่ยนทุกวัน”

แต่ ณ เวลานี้หลังจากติดตามสถานการณ์ในยุโรปตะวันออก ได้ประชุมกับพาร์ทเนอร์ต่างชาติ ความคิดเห็นของผู้เขียนเองเริ่มเปลี่ยนไป…เราอาจไม่ต้องวิ่งตาม “โลก” ที่ถูกสร้างขึ้นจากกลุ่มนายทุนที่ควบคุมความเป็นไปในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ก็ได้ หากเราเข้มแข็งพอที่จะสร้าง “โลก” ของเราเองให้พึ่งตนเองได้

ถ้าคุณติดตามข่าวและสถานการณ์ในยุโรปตะวันออกและรัสเซียมาโดยตลอดจนถึงเวลานี้ ที่สถานการณ์ใกล้จะถึงโต๊ะเจรจา คุณจะเห็นว่าการนำเสนอข่าวสารแบ่งเป็นสองฟากอย่างชัดเจน ใครติดตามฟากไหนก็จะถูกโน้มน้าวความคิดเห็นไปทางนั้น ผลประโยชน์กลุ่มใดมากกว่า สื่อของกลุ่มนั้นก็จะเสียงดังกว่าและสามารถโน้มน้าวให้คนกลุ่มใหญ่คล้อยตาม

หากในความเป็นจริง เหล่าผู้นำรวมไปถึงชาติที่ให้ความสนับสนุนโดยไม่ได้ออกมายืนเบื้องหน้านั้น รู้กันอยู่แก่ใจว่าเมื่อผลประโยชน์ลงตัว การเดินทางของสงครามกลางเมืองจะถูกส่งต่อเขาสู่โต๊ะเจรจา ในขณะที่ประชากรที่บ้างก็วิ่งตามกระแสสื่อ บ้างก็วิ่งตามความเชื่อที่ถูกทำให้เชื่อ รวมไปถึงประชากรของประเทศที่เกิดสงคราม กลายเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีชาติมหาอำนาจหน้าไหนออกมารับผิดชอบที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดผลกระทบดังกล่าว

แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องราวระหว่างทางก่อนถึงโต๊ะเจรจา ถ้าคุณติดตามข่าวทั้งสองด้านจะเห็นว่าฝ่ายที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ร้ายอย่างรัสเซีย แม้จะถูกคว่ำบาตรหรือถูกแรงกดดันจากทั่วโลก ดูเหมือนว่าวิธีการเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบสักเท่าไรต่อรัสเซีย ส่วนหนึ่งเพราะรัสเซียสร้างโลกที่เข็มแข็งของตนเองเอาไว้แล้ว

เช่นเดียวกับจีนที่เคยพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาแกร่งพอที่จะไม่ให้เทคฯ คอมพานีจากตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลกับพลเมืองของตนเอง และทำให้จีนไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาใครในเกือบทุกเรื่อง ขณะเดียวกันยังเป็นพี่ใหญ่ในเอเชีย ที่ทำให้ชาติตะวันตกต้องเกรงใจ และในทางกลับกันเทคฯ คอมพานีจากตะวันตกต่างหากที่อยากเข้าไปทำการตลาดในจีน

เมื่อมองในมุมที่เล็กลงเอาแบบใกล้ตัวเรามากที่สุด คือการทำร้านค้าบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่ทุกวันนี้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าหมองกันไปหมดเพราะ ระบบอัลกอริธึมที่ปิดกั้นการมองเห็น และทำให้ต้องซื้อบูสหรือซื้อโฆษณามากขึ้นกว่าเดิม อารมณ์ไม่ต่างกับคุณไปเช่าพื้นที่ในห้างใหญ่ทำเลดีเพื่อเปิดร้านค้า เงินที่หามาได้ส่วนใหญ่ก็ต้องจ่ายให้แลนลอร์ดกันจนหมด

และด้วยวิธีคิดที่อย่างไรเสีย “เจ้ามือ” คือผู้ที่ได้เปรียบเสมอ (ในที่นี้คือเหล่าเทคฯ คอมพานีทั้งหลาย) ทางออกของรายเล็กที่ดีที่สุดคือการหา “เจ้ามือ” ไว้หลาย ๆ ราย พวกเขาจะได้แข่งขันกันให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เรา และเพื่อไม่ให้เจ้ามือหรือเจ้าของแพลตฟอร์มผูกขาดจนเกินไป

เอาเข้าจริงแล้วทุกวันนี้เราพันธนาการตัวเองด้วยมือของเราเอง ไปกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรามีขยะเทคโนโลยีอยู่ทั่วโลก อันเกิดจากการใช้งานที่ถูกสร้างให้มีวันหมดอายุกับคำว่า “ตกรุ่น” เราต้องอัปเดตเทรนด์ตามกระแสการตลาดและสื่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เทรนด์ที่ว่าคือการวนลูปกลับมาที่จุดเดิม เราต้องพันธนาการตนเองกับค่านิยมพื้นฐานของสังคม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบางเรื่องอาจล้าสมัยไปแล้ว

มาถึงบรรทัดนี้ คำตอบของผู้เขียนที่มีต่อเพื่อนผู้เป็นคนตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้เปลี่ยนไปจากคำตอบแรกจากที่ว่า “เราเป็นอิสระจากโลกไม่ได้ เพราะโลกหมุนเปลี่ยนทุกวัน” มาเป็น “เราเป็นอิสระได้ในบางเรื่อง หรืออีกหลายเรื่องหากเราสามารถพึ่งพาตนเองได้และสร้างทางเลือกให้กับตนเองมากกว่าหนึ่งทาง เพื่อไม่ให้เราต้องพึ่งพาใครมากเกินไปหากแต่เป็นเราที่สามารถเลือกได้ว่าจะพึ่งพาหรือไม่พึ่งพา”

ในฐานะมนุษย์เราคงไม่สามารถเปลื้องพันธนาการจากโลกได้ทั้งหมด เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อชีวิตเราไม่ในทางตรงก็ทางอ้อม หากแต่การตระหนักรู้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงและพิจารณาด้วยสติจะทำให้เราไม่วิ่งตามจนเหนื่อย แต่รู้จักเลือกที่จะใช้งานจากความเปลี่ยนแปลงได้อย่างถูกต้อง และไม่ทำให้ความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นกลายมาเป็นพันธนาการจนทำให้เรารู้สึกว่า “จะขาดมันไม่ได้”

หวังว่าจะเป็นการส่งคำตอบที่น่าพอใจสำหรับเพื่อนผู้ช่างสงสัย และคุณผู้อ่านที่คอยติดตามคอลัมน์ของผู้เขียนนะคะ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ