Kill Heel สมรภูมิที่ผู้หญิงต้องมาห้ำหั่นฟาดฟันกันเอง

ภาพจาก tvN

ช่วงนี้ค่อนข้างที่จะอินอะไรกับความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพวกซีรีส์ (เกาหลี) ที่มีตัวละครหญิงเป็นตัวหลักดำเนินเรื่อง ส่วนตัวไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นตัวดีเท่านั้น ตัวเอกแบบร้าย ๆ ก็ได้ เพราะเชื่อว่าบทของซีรีส์จะต้องทำให้ตัวละครร้าย ๆ มันดูมีมิติมากขึ้น มีเหตุผลอะไรที่ต้องร้าย ไม่ใช่คิดอยากจะร้ายก็ร้ายอะไรแบบนั้น หลัง ๆ มาซีรีส์ที่เลือกมาดูและหยิบมาพูดคุยจึงมักจะมีตัวเอกเป็นผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ อยากรู้มุมมองของผู้หญิงที่กว้างกว่าเดิม รวมถึงแรงบันดาลใจบางอย่าง แม้ว่าตัวเองจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้เข้าใจไปหมดทุกอย่าง

อีกกรณีที่ทำให้สนใจเรื่องของผู้หญิง (ในเกาหลีใต้) เป็นพิเศษในช่วงนี้ คือข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ตามข่าวรายงานว่าเขามีนโยบายเกี่ยวกับผู้หญิงแบบใหม่ ในแง่ที่อาจทำให้ผู้หญิงตกอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าผู้ชายอีกครั้ง สิทธิและความเท่าเทียมทางเพศของผู้หญิงที่เคยดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการร่วมรณรงค์ ปลูกฝัง และสร้างภาพลักษณ์ใหม่เพื่อลบภาพสังคมชายเป็นใหญ่มีอันต้องสูญเปล่า นโยบายเกี่ยวกับผู้หญิงของเกาหลีใต้ของประธานาธิบดีคนใหม่นี้จะพาเกาหลีไปถึงจุดไหนยังไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ บทบาทของผู้หญิงในเกาหลีใต้จะเปลี่ยนไปแน่นอน

เรื่องนั้นจะต้องเครียดมากแน่ ๆ ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่เรามาพูดเรื่องซีรีส์ของเราดีกว่า ซีรีส์วันนี้ก็อิงกับประเด็นผู้หญิงเช่นกัน ซีรีส์เรื่อง Kill Heel ผลงานแนวดราม่าของบรรดา working woman ที่ทำงานอยู่ในบริษัทโฮมช้อปปิ้ง เบื้องหน้าการขายของที่คนดูเห็น เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของการแสดงละครโรงใหญ่ เพราะเบื้องหลังจริง ๆ ของคนในวงการนี้มันไม่ได้สวยงามเหมือนภาพลักษณ์ทางโทรทัศน์ ในเมื่อเราต่างต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด และได้ไปต่อในหน้าที่การงานได้อย่างสง่างาม แต่แล้วเราต้องทำอะไรล่ะ?

ภาพจาก tvN

เปิดเรื่องมาก็เจอเข้ากับการแข่งขันอันดุเดือดที่มีกิเลสและความริษยาเป็นตัวผลักดัน ความอยากเอาชนะ ศักดิ์ศรี และความสำเร็จทำให้พวกเธอต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อไต่ขึ้นไปยังจุดที่รอดจากปากเหว แต่แค่นั้นมันไม่พอ เพราะยังมีจุดสูงสุดที่รออยู่ พวกเธอจึงต้องมาฟาดฟันใส่กันทั้งแบบเปิดหน้าและลับหลัง แยกไม่ออกว่าใครเป็นมิตรแท้และใครคือศัตรูถาวร มันอยู่ที่ว่าใครจะคุมเกมได้เหนือกว่า ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เพื่อหาว่าที่สุดแล้วพวกเธอจะทำมันพังทั้งหมดเพียงเพราะต้องการเป็นที่หนึ่งเหนือคนอื่นหรือเปล่า

ทำไมต้องเป็นรองเท้าส้นสูง

ถ้าไม่มัวไปตะลึงงันกับแซ่บตอนเปิดเรื่อง ก็จะไม่มีทางพลาดว่าเรื่องนี้มีสัญลักษณ์ที่น่าสนใจมากอย่าง “รองเท้าส้นสูง” อยู่ จริง ๆ มันถูกนำมาใช้สื่ออะไรบางอย่างตั้งแต่ชื่อเรื่อง “Kill Heel” แล้ว แถมภาพโปสเตอร์ที่มีรองเท้าส้นสูงสูงปรี๊ดสีสันแสบตาก็สื่อเป็นนัย ๆ ว่าเรื่องจะพยายามขายความหมายของรองเท้าส้นสูงแน่ ๆ และตลอด 4 ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ออกมา ก็ใส่ภาพและข้อความบางอย่างของรองเท้าส้นสูงไว้หลายรูปแบบ ถ้าไม่สนใจความหมายของมันก็อาจจะดูซีรีส์เรื่องนี้ไม่สนุกเท่าไร

ภาพจาก tvN

“รองเท้าส้นสูง” ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจ” และ “ความสามารถ” ในตัวผู้หญิง ยิ่งใส่สูงเท่าไรแล้วยังสามารถเดินสับฉับ ๆ แบบที่ไม่ได้กลัวล้มหรือรู้สึกไม่มั่นคงที่ต้องทรงตัวบนรองเท้าที่ส้นทั้งเล็กทั้งแหลมและสูงแบบนั้น ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นปังระดับตัวแม่แน่ ๆ เอาเข้าจริงบนโลกนี้มีผู้หญิงไม่กี่เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดหรอกนะที่สามารถสวมรองเท้าส้นเข็มสูง ๆ 5 นิ้วแล้วจะเดินสับอย่างมั่นใจ ไม่มีมาเก้ ๆ กัง ๆ ถ้าไม่ใช่ตัวแม่ตัวจริงล่ะก็ มีสิทธิ์ขาพลิกร่วงลงมาบาดเจ็บหน้าแหกได้เลย มันจึงต้องโปรมาก ๆ ที่จะทำแบบนั้นได้ ไม่ใช่ใครก็ทำได้

นี่ก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกนับถือผู้หญิงที่สามารถใช้ชีวิตแบบใส่ส้นเข็มสูงปรี๊ดยืนเดินได้ทั้งวันมาตั้งนานแล้ว (ไม่จำกัดว่าต้องสูงแค่ไหน แค่สูงกว่าส้นรองเท้าทั่วไปก็ชื่นชมละ) เพราะประสบการณ์การใส่ส้นสูงของตัวเองสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและช่วงที่เริ่มต้นทำงานแรก ๆ ทำให้รู้ว่ามันเป็นรองเท้าที่ท้าทายชีวิตมาก วัดใจได้ด้วยว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป จะอดทนเท้าพัง (แพงแค่ไหนก็กัด) แถมยังเมื่อยสุด ๆ เพราะต้องใส่เดินทุกวันทั้งวัน ต้องเกร็งต้วตลอดเพราะกลัวล้ม หรือจะเปลี่ยนงานเพื่อที่จะได้ใส่รองเท้าผ้าใบเดินสบาย ๆ ไม่เมื่อย ไม่เจ็บ และไม่ต้องกลัวล้มดี

การใส่รองเท้าส้นสูงน่ะ แน่นอนผู้หญิงทุกคนรู้ดีว่าใส่แล้วมันสวย มั่นใจ สูงกว่าคนอื่น เวลาเดินแล้วมีเสียงกระทบพื้นคือรู้สึกโดดเด่น เพราะแปลว่าฉันมาแล้วนะ (แม้ว่าเขาอาจจะด่าในใจว่าหนวกหู 555) แต่มันก็แลกมากับความอดทนเจ็บเท้า เมื่อย ปวดขา ที่ต้องทรงตัวอยู่บนนั้น แล้วที่สำคัญ ยิ่งรู้สึกว่าสวยมากเท่าไรเวลาที่ใส่ส้นสูง เราก็ต้องเกร็งและพยุงตัวมากกว่าเดิม จะล้มลงไปไม่ได้เด็ดขาด เป็นเรื่องน่าอับอายขายขี้หน้ามากในความรู้สึก นี่แหละ ถึงได้ชื่นชมคนเหล่านี้มาก ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่ส้นสูงเดินได้ แต่มีไม่กี่คนที่ทำได้ดีตลอด มันจึงไม่ใช่ความสามารถดาษดื่นเลย

ภาพจาก tvN

เช่นเดียวกัน ถ้ารองเท้าส้นสูงที่ทำให้เรารู้สึกสวย มั่นใจ และโดดเด่นเกิดส้นหักขึ้นมา กลายเป็นรองเท้าที่ไม่สมบูรณ์ มันพังแล้ว ขาสองข้างก็อยู่บนความสูงที่ไม่เท่ากัน ในความรู้สึกมันก็เหมือนกับโลกล่มสลายไปเลยแหละ คือจะไปต่อยังไงดี มีใครเห็นจังหวะนั้นบ้าง ฉันจะหักอีกข้างซะด้วยเลยเพื่อให้มันเดินได้ หรือจะถอดออกแล้วเดินเท้าเปล่า ฉากหนึ่งในเรื่องเราก็จะเห็นตัวละครตัวหนึ่งที่ตกบันไดลงมาแล้วรองเท้าส้นสูงหัก มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องบางอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดชีวิต และในวันที่เธอใส่ส้นสูงคู่ใหม่สีแดง เธอเปลี่ยนไปแค่ไหน

บทบาทของผู้หญิงในวันที่เธอเป็นนังตัวร้าย

ถ้าลองย้อนดูซีรีส์ราว ๆ 5-6 เรื่องล่าสุดในคอลัมน์ชะนีติดซีรีส์ จะเห็นว่าเป็นซีรีส์ที่เริ่มให้พื้นที่ฉายแสงกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เป็นบทเด่น ตัวเดินเรื่อง ตัวสร้างเรื่องต่าง ๆ นานา ไล่ตั้งแต่ All of Us Are Dead เด็กผู้หญิงขี้สงสัยไปเปิดห้องแล็บลึกลับ เจอเข้ากับหนูทดลองที่มีเชื้อซอมบี้ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมให้คนทั้งเมืองกลายเป็นซอมบี้ไปหมด ส่วนตอนจบเพื่อน ๆ แก๊งที่รอดมาได้ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหัวหน้าห้องผู้หญิงที่กลายเป็นเสี้ยวบี้ปกป้องเพื่อน ไหนจะพี่สาวชมรมยิงธนูที่ร่วมต่อสู้แบบไม่กลัวอะไรเลย และรุ่นพี่ผู้หญิงปากร้ายแต่เป็นห่วงคนอื่นสุด ๆ

ภาพจาก tvN

เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยมีฝันจริง ๆ จัง ๆ เกิดอยากเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยตำรวจ จากนั้นก็เข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย แถมยังเป็นแนวหน้าให้เพื่อน ๆ ชนิดที่ไม่กลัวอันตรายอะไรเลย บุกเองลุยเอง ออกหน้าเองทุกอย่าง เสี่ยงตายก็ยอม Twenty-Five, Twenty-One เด็กผู้หญิงที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความฝัน แม้ใครต่อใครจะบอกว่าเธอฟันดาบไม่ได้เรื่อง แม่ก็ไม่เคยให้กำลังใจ แต่แรงขับในตับ้าบิ่นมาก พร้อมจะทำทุกอย่างแค่ให้ความฝันตัวเองได้ไปต่อ ไม่เคยยอมแพ้ พยายามต่อไป จนในที่สุดก็ติดนักกีฬาทีมชาติ

ภาพจาก tvN

Thirty-Nine เป็นเรื่องที่คล้าย ๆ กับเรื่อง Kill Heel ตรงที่มีนักแสดงนำเป็นผู้หญิงสามคน เพียงแต่เรื่องนี้ทั้งสามเป็นเพื่อนรักแก๊งเดียวกัน เพื่อนกันยันวันตาย เพื่อนที่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อขอดูแลเพื่อนที่มีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นาน Juvenile Justice ผู้พิพากษาหญิงที่ต้องมาตัดสินคดีการกระทำผิดของเหล่าเด็กเปรตทั้งหลาย เธอเองมีเบื้องหลังที่ไม่ดีเอามาก ๆ เกี่ยวกับเด็กเปรตพวกนี้ และ Military Prosecutor Doberman เรื่องราวการแก้แค้นที่เริ่มต้นจากนายพลหญิงคนแรกของกองทัพ และเป็นผู้หญิงที่ออกคำสั่งได้ทุกอย่าง ความเลวร้ายของเธอยืนหนึ่งในเรื่อง

ส่วนเรื่องนี้ Kill Heel ศึกของสามสาวในสมรภูมิรบรายการโฮมช้อปปิ้ง ทั้งสามมีความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่ในตัว ซึ่งมันจะค่อย ๆ เผยออกมาทีละนิด 4 ตอนแรกอาจจะห้ำหั่นฟาดใส่กันพอเป็นน้ำจิ้ม แต่หลังจากนี้สิของจริง แต่ละคนเปิดหน้าสู้ เดินเกมสกปรกใส่กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป้าหมายเพียงแค่ให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ จะหลอกใช้ใครเป็นเครื่องมือระหว่างทางก็หาได้แคร์ไม่ กิเลสและความริษยามันแรง เพราะมีเรื่องศักดิ์ศรีของงานและความสำเร็จในชีวิตมาเป็นตัวแปร ต้องดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด ต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะ เพื่อตะกายไปให้ถึงจุดสูงสุดที่ต้องการ

ภาพจาก tvN

จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะที่สร้างให้ตัวละครผู้หญิงเป็นตัวเอกที่มีความร้ายกาจอยู่ในตัว หมดยุคนางเอกใส ๆ ซื่อ ๆ โดนรังแกสารพัดไปนานแล้ว แล้วในเรื่องนี้ชื่อเรื่องก็ชัดเจนว่าเป็นความชิงชังของผู้หญิงที่ต้องการให้ตัวเองไปอยู่บนจุดสูงสุด แต่ในภาพลักษณ์ที่ผู้หญิงกลายเป็นนังตัวร้ายอย่างเต็มตัว ทำเรื่องได้สารพัดเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจว่าจะต้องตะกายคนอื่นหรือเหยียบย่ำใครขึ้นไปบ้าง และอย่าลืมว่าพวกเธอสวมใส่ส้นสูงที่สูงปรี๊ด แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงเฟียส ๆ ที่ใครก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป และอย่าคิดจะขวางทาง แม่ฟาดหมด ก็อาจทำให้ภาพของผู้หญิงในสังคมเปลี่ยนไป ว่าพวกเธอไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำอีกแล้ว เธอเป็นได้แม้กระทั่งผู้กระทำ

สงครามรายการโฮมชอปปิ้ง พล็อตใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเท่าไร

ภาพจาก tvN

คือซีรีส์เกาหลีเนี่ยจริงจังกับเรื่องอาชีพมานานแล้ว จนมันกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนไทยหลายคนหันมาดูซีรีส์เกาหลีกันมากขึ้น มันมีความเรียล มีการทำการบ้านเป็นอย่างดี แตะต้องได้ และที่สำคัญคือหลากหลายแปลกใหม่ ผิดกับละครไทยหลายเรื่องที่บอกว่าพระเอกนางเอกประกอบอาชีพนี้ แต่ทั้งเรื่องทำแค่เพียงใส่ชุดที่แสดงให้เห็นว่าทำอาชีพนั้น ๆ นะ เท่านั้น แทบจะไม่มีฉากที่ลงมือทำงานจริงจังให้เห็นเลยว่าทำอาชีพนั้นจริง ๆ หรือถ้ามีก็ไม่ค่อยจะทำการบ้าน จนกลายเป็นดราม่าให้เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าสร้างความเชื่อผิด ๆ ให้กับสังคม หรือไม่ก็ถูกตัดจบตั้งแต่กลางเรื่อง เพราะดันไปเหยียบสิ่งที่ไม่ควรเหยียบ

ภาพจาก tvN

นี่ก็ไม่เคยคิดเคยฝันเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้ดูการทำงานของรายการโฮมช้อปปิ้งผ่านซีรีส์ ท้องเรื่องเป็นบริษัทหนึ่งที่ออกอากาศรายการโฮมช้อปปิ้ง รายการแบบที่เราคุ้นเคยกันดีจากช่องโทรทัศน์ในเมืองไทยเอง ซึ่งเรื่องราวภายในเป็นอย่างไรคนนอกไม่มีทางได้รู้ได้ แต่พอเป็นซีรีส์เราได้เห็นเบื้องหลังการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ ความเครียด ความกดดัน ที่วัดผลกันแบบเรียลไทม์ ความเป็นพิธีกรธรรมดามันอาจจะง่าย แต่ถ้าต้องเป็นพิธีกรที่ต้องขายของผ่านหน้าจอให้ได้ มันจะต้องมีอะไรที่มากกว่าการไลฟ์รายการ และความโหดทำให้พิธีกรสามารถรุ่งหรือร่วงได้ในพริบตา

ภาพจาก tvN

มีข้อความหนึ่งที่ประทับใจมากเกี่ยวกับการทำรายการโฮมช้อปปิ้งของซีรีส์เรื่องนี้ คือ “ไม่มีอันดับหนึ่งตลอดกาล และไม่มีอันดับสุดท้ายตลอดไป” ความสนุกมันจึงอยู่ที่การลุ้นว่าคนที่เป็นอันดับหนึ่งอยู่จะครองตำแหน่งได้นานแค่ไหน จะถูกช่วงชิงมาด้วยวิธีสกปรก ๆ แบบไหน ใครจะเป็นคนปีนขึ้นไปแย่ง แย่งแล้วจะรักษาตำแหน่งได้นานไหม แล้วคนที่โดนแย่งจะจัดการอย่างไรกับคนที่เข้ามาแย่ง ความประสาทแ_ก เริ่มเข้ามาเยือนเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเริ่มได้กลิ่นน้ำเน่า แต่มันดันเป็นน้ำเน่าที่มีชั้นเชิงเสียอย่างนั้น ดูแล้วไหวพริบกับกึ๋นยังได้ทำงานบ้าง ไม่ได้ใช้อารมณ์อย่างเดียว

แม้ว่าซีรีส์เรื่อง Kill Heel นี้จะดูเป็นรองซีรีส์อีกหลาย ๆ เรื่องที่ออนแอร์อยู่ในช่วงเดียวกัน แต่มันอาจเป็นมวยรองที่น่าสนใจและไม่ควรรีบตัดสินว่าไม่น่าดูตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดดู ในไทยเวลานี้เริ่มที่มีกระแสขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเพจรีวิวซีรีส์หลายเพจเริ่มนำมารีวิวเชิญชวน แถมยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าลืมหากระปุกยาพารามาวางใกล้ ๆ ตัว สงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น สงครามที่ผู้หญิงเป็นคนเดินเกมเองทั้งหมด มีหลอกใช้ผู้ชายเป็นเครื่องมือด้วย ขึ้นชื่อว่าสงคราม มันต้องมีคนชนะและคนแพ้ แม้ว่าพวกเธอจะดูร้าย ก็ต้องดูต่อไปว่าเหตุผลของพวกเธอคืออะไร 👠