เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ เมื่อมีบริษัทหาญกล้าอาสาจัดศึก “แดงเดือด” แมนฯ ยูไนเต็ด-ลิเวอร์พูล ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย วันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน การจะได้เห็นซูเปอร์สตาร์อย่าง โรนัลโด้, เจดอน ซานโช่, โม ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ของทั้งสองทีมมาบ้านเรา มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ที่ต้องบอกว่ากล้าเพราะสวนทางทั้งสภาวะเศรษฐกิจเสี่ยงต่อการหาสปอนเซอร์ยากแล้ว เรื่องโรคระบาดก็ยังไม่สงบดี งานนี้คุณวินิจ เลิศรัตนชัย บิ๊กบอสแห่งเฟรชแอร์ เฟสติวัล กินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปจริง ๆ แต่แน่นอนการสร้างปรากฏการณ์ทุกครั้ง ต้องการความบ้าเจือปนอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย แม้จะต้องเผชิญกับโจทย์ใหญ่ที่ว่าจะหารายได้คืนกลับมาอย่างไรให้คุ้มทุนหรือมีกำไร?
ในฝั่งของรายได้บัตรเข้าชมเบื้องต้น 49,000 ใบ แบ่งเป็นถูกสุดคือ 5,000 หลังโกล์ ไปจนถึงสูงสุด 25,000 บาทแบบวีไอพี ซึ่งถือเป็นราคาค่อนข้างสูงแบบวัดใจสาวก “หงส์-ผี” กันไปเลย จ่ายประมาณเดียวกับไปชมที่เมืองนอกเลยนะ แต่ดูเมืองไทยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม และค่าวีซ่า เหมาะสำหรับคนไม่อยากลงทุนถ่อไปถึงประเทศอังกฤษ
แต่ก็ต้องทำใจไว้สักนิดว่าเป็นแมตช์พรีซีซั่น อาจไม่ดุเดือดเหมือน “แดงเดือด” ของจริง และตัวผู้เล่นอาจไม่ฟูลเท่า แต่ถ้าดูเป็นปรากฏการณ์หรือโชว์นั้นก็คงได้สีสันอย่างแน่นอน
กลับไปพูดถึงราคาบัตรที่นั่ง หากจะเอาถูกลงมาหน่อยแต่เป็นที่นั่งแบบมีหลังคาคงต้องจ่าย 2 หมื่นอัป น่าสนใจว่ารวม ๆ แล้วฝ่ายจัดการแข่งขันจะได้รายได้คืนมาเท่าไหร่?
ลองคิดเล่น ๆ ถ้ามีผู้คนเข้าไปชมแบบถล่มทลายถึง 4 หมื่นคน ที่เหลือเอาเป็นโควตาตั๋วฟรีให้ผู้อุปการคุณ คิดราคาบัตรเฉลี่ยไว้ที่กลาง ๆ คือ 15,000 บาท คูณแล้วได้ 600 ล้านบาท คงได้ทุนคืนมาพอสมควร แล้วค่อยหากำไรจากสปอนเซอร์และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
แต่นี่เป็นการคำนวณบนพื้นฐานการมองโลกในแง่ดีของผม เอาเข้าจริงผู้ชมจะเป็นเท่าไหร่? เพราะญาติโยมเมืองไทยขอเก่งเสียเหลือเกิน
บวกกับผู้สนับสนุนช่วงนี้ตัดงบเสียเป็นส่วนใหญ่ ข่าวแว่วมาว่าบริษัทเครื่องดื่มเจ้าใหญ่ก็ตัดสินใจถอนตัวแล้ว เรียกว่างานนี้ไม่หมูครับ อาจจะต้องวิ่งเข้าหาภาครัฐด้วย แต่ก็ต้องชูจั๊กกะแร้เชียร์นะครับ เพราะอยากให้มีการจัดงานกีฬาใหญ่แบบนี้ขึ้นบ่อย ๆ ในเมืองไทย เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศและเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ปลูกต้นรักกีฬาฟุตบอลขึ้นในหัวใจ
หลายสิบปีก่อนผมก็เริ่มหลงใหลเกมนี้ตั้งแต่ชมศึกแดงเดือด นัดชิงเอฟ.เอ.คัพ เมื่อปี 1977 ผ่านหน้าจอโทรทัศน์จนกลายเป็นความบ้าทั้งชอบเล่นฟุตบอลและได้เข้ามาทำงานในเส้นทางสายนี้อย่างจริงจังยาวนาน
หากจะมีเด็ก ๆ เข้าไปดูแล้วเกิดรักเกมลูกหนังนี้ขึ้นมาบ้างเยอะ ๆ คงจะดีไม่น้อย จะได้ชอบเล่นกีฬามีเพื่อนฝูง หรือจะต่อยอดสร้างอาชีพได้จากความคลั่งไคล้นี้ก็ยิ่งน่าจะเป็นผลดีเข้าไปใหญ่
จัดไป เอาใจช่วยครับ.