ซีรีส์ในสัปดาห์นี้ไม่ขอพล่ามเข้าเรื่องอะไรเยอะ แต่อยากจะบอกว่าเสียดายมากที่ไม่ได้รีบดูตั้งแต่ตอนที่ออนแอร์ใหม่ ๆ กว่าจะค้นพบว่ามันน่าดูแลสนุกดีก็ผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว แต่มาคิดดูอีกมุมหนึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยก็ได้ดูรวดเดียว 6 ตอน ไม่ต้องมานั่งนับวันดูเพื่อรอตอนใหม่แบบคนอื่น ใช่แล้ว ที่พูดแบบนี้ก็เพราะติดซีรีส์เรื่องนี้งอมแงมไปแล้ว ติดจนร้องหาตอนใหม่แล้วแม่จ๋า ช่วยวันอาทิตย์สักทีเถอะ!!!
Let Me Be Your Knight ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์มานานแล้ว (6 ตอนจาก 12 ตอน ออนแอร์สัปดาห์ละตอน) แต่ไม่ค่อนเห็นมีใครรีวิวเลยว่ามันสนุกก็เลยไม่ได้สนใจ จริง ๆ ก็เห็นตั้งแต่แรก ๆ ที่เรื่องนี้ออนแอร์แล้ว แต่ต้องบอกว่าช่วงนั้นเรื่องที่ออนแอร์ใหม่มันเยอะมาก แล้วแต่ละเรื่องก็มีรีวิวว่าน่าดูทั้งนั้น ดิฉันก็เลยพักเรื่องนี้ไว้แล้วหนีไปดูเรื่องอื่น แต่ในที่สุดก็ได้วนกลับมา บอกเลยว่าแอบเสียดายที่มองข้ามไปทีแรก ทว่าก็โชคดีนะที่ได้วนกลับมาดู เพราะสนุกดี
Let Me Be Your Knight เป็นเรื่องราวของวงดนตรีบอยแบนด์วงหนึ่งที่มีชื่อวงว่าลูน่า (LUNA) เป็นวงไอดอลที่โด่งดังระดับโลก มีสมาชิกในวง 5 คน มีนักร้องนำ (เป็นหัวหน้าวง) และสมาชิกอีก 4 คน มือกลอง มือกีตาร์ มือเบส และมือคีย์บอร์ด ทั้งหมดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทว่าหลังจากออกอัลบั้มใหม่ เพลงกลับแป้กล้มเหลวไม่เป็นท่า ยังดีว่าฐานแฟนคลับเดิมมีอยู่เยอะเลยยังพอเอาตัวรอดได้ แต่วงก็แทบจะเล่นเพลงใหม่ไม่ได้เลย เพราะขนาดติ่งยังเมิน
เรื่องราวยังมีมากกว่านั้น เพราะพระเอกที่เป็นหัวหน้าวงและนักร้องนำคือโปรดิวเซอร์และแต่งเพลงในอัลบั้มใหม่ขึ้นมาเอง การที่เพลงล้มเหลวเขาเองก็รู้สึกแย่ แต่ต้องวางฟอร์มว่าเป็นอะไร จนกระทั่งร่างกายแสดงออกถึงความเครียดในใจเขา เขาป่วยด้วยโรคนอนละเมออย่างรุนแรงมาก เพื่อให้งานเดินต่อและไม่ตกเป็นเป้าของนักข่าว เขาจึงต้องทำการรักษาอย่างเงียบ ๆ ประธานบริษัทต้นสังกัดจึงต้องพาจิตแพทย์สาวที่เชี่ยวชาญเรื่องการนอนหลับเข้ามาประจำที่หอพักศิลปิน ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้เป็นหมอ แต่เหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องสวมรอยแทนพี่สาวที่เป็นหมอจริง ๆ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแพทย์หญิงจอมปลอม บอกเลยว่าต้องยกให้นางเป็นอีกหนึ่งตำนานนางเอกตกอับ ชีวิตสุดลำบากแสนอาภัพ โชคร้ายถาโถมเข้ามาเหมือนพายุ เธอเลยตกกระไดพลอยโจนรับงานนี้ทั้งที่ไม่มีความรู้เลยสักนิด แล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตที่น่าตื่นเต้นร่วมกับชายหนุ่มทั้ง 5 คน แค่เรื่องย่อก็ดูน่ารักแล้วใช่ไหม ต้องมาลองดูเอง แล้วจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วทั้งสนุก ตลก น่ารัก เจอแบบนี้เข้าไปก็ติดเลยสิคะรออะไร
ความเชื่อใจทำลายทุกอย่าง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้นางเอกต้องเข้ามาวุ่นวายกับวงไอดอลลูน่า คือความเชื่อใจ ไว้ใจคนใกล้ตัว ก่อนหน้าที่เธอจะมารับตำแหน่งเป็นหมอ (เก๊) ประจำบ้านของวงไอดอลลูน่า เธอเป็นไกด์นำเที่ยวที่เก่งกาจหาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว เธอฝันอยากมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง ทว่าบ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านธรรมดา ๆ เป็นบ้านในความทรงจำที่มีความสุขของเธอ เธอก็เลยทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้ จนกระทั่งเถ้าแก่ที่เธอทำงานไกด์ด้วยออกปากจะช่วยเรื่องซื้อบ้านหลังนี้ เธอเลยเชื่อใจเขาเต็มที่
เธอคงคิดแหละว่าคนที่นางเรียกว่าเป็นเถ้าแก่จะเชื่อใจได้ ก็เลยยอมให้เถ้าแก่จัดการทุกอย่างแทน ยอมแม้กระทั่งมอบเอกสารสำคัญและตราประทับที่ใช้ลงตราประทับเวลาทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้เองกับมือ แต่ก็โดนหักหลังจนได้ เขาไม่ได้แค่โกงเรื่องค่าบ้าน แต่ยังเอาเอกสารและตราประทับที่เธอไว้ใจฝากไปทำธุรกรรมสร้างเรื่องราวใหญ่โตให้นางเอกอีก จนสุดท้ายแล้วนางเอกก็สูญเสียทุกอย่างเพราะไว้ใจคนอื่นมากเกินไป
จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่คนอื่นอย่างเถ้าแก่ที่นางเอกไว้ใจมากไปจนเกิดเรื่อง แต่คนสายเลือดเดียวกันก็ทำเอาไว้เจ็บแสบไม่น้อย ตลอดชีวิตของเธอ เธอเฝ้ารอวันที่จะได้เจอกับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ในวัยเด็กมีเหตุการณ์บางอย่างให้คู่พี่น้องฝาแฝดต้องพลัดพรากจากกัน เธอเองคิดมาตลอดว่าพี่สาวก็คงคิดถึงและอยากเจอเธอเหมือนกัน เพราะสมัยเด็ก ๆ พี่น้องคู่แฝดคู่นี้รักกันมาก เธอจึงรออย่างมีความหวังและจะบอกข่าวดีเรื่องบ้านที่เธอเก็บเงินซื้อมาตลอดชีวิต
แต่ทว่าเรื่องไม่เป็นไปอย่างที่ใจหวัง สายเลือดเดียวกันคนเดียวที่เหลืออยู่ทำกับเธอเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ทั้งที่หน้าตาถอดกันมาเหมือนส่องกระจก แต่สถานะ หน้าตาทางสังคม การใช้ชีวิตที่ผ่านมาของทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว คนพี่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เธอไม่เหลือความทรงจำที่มีความสุขกับน้องสาวอีกแล้ว ทั้งยังห่วงเรื่องของตัวเองมากกว่าจะถามสารทุกข์สุกดิบอีกฝ่าย เจอเข้าไปแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ ท้ายที่สุด ญาติคนเดียวที่เธอรอและหวังว่าจะได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันทำกับเธอได้เจ็บแสบกว่าที่คนอื่นทำเสียอีก
ความเชื่อใจที่นางเอกเคยมีให้คนอื่น มันเหมือนกับเป็นระเบิดที่เตรียมกำจัดตัวเองทิ้ง เธอสูญเสียทุกอย่าง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่มีใครที่เธอสามารถมีความสุขหรือแชร์ความทุกข์ได้อย่างสนิทใจอีกต่อไป เหมือนเคว้งคว้างอยู่ตัวคนเดียว ทั้งหมดเพียงเพราะเธอไว้ใจคนอื่นที่เธอคิดว่าไว้ใจได้
แผลใจที่บาดลึก ต้องรักษายังไงให้หาย
นอกจากตัวละครนางเอกจะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสแล้ว ตัวละครอื่น ๆ ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน พระเอกที่เป็นหัวหน้าวงลูน่าก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตัวเขาเป็นโรคนอนละเมอที่เข้าขั้นสาหัส เพราะไม่ใช่แค่ละเมอพูดไม่รู้เรื่องแบบเราที่มักเจอจากคนใกล้ตัว บ่นเสร็จก็นอนต่อได้ แต่เป็นละเมอเดิน แบบเดินออกจากบ้านไปไหนต่อไหนเรื่อย ๆ ตื่นเช้ามามีสติอีกทีไปโผล่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังละเมอลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ จนวุ่นวายสมาชิกในวง ทำเอาไม่ได้หลับได้นอนหลอนกันไปหมด ถึงขั้นที่ประธานบริษัทต้นสังกัดต้องลุกมาทำอะไรสักอย่าง เพราะมันมีผลต่อภาพลักษณ์ศิลปินและการทำงานด้วย
ซึ่งในทางการแพทย์ก็ระบุชัดเจนว่าละเมอเดินมันเป็นความผิดปกติในการนอนที่อันตรายมากกว่าที่คิด มันมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะคนที่ละเมออยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นไม่รู้ตัว ทำให้ต้นสังกัดพระเอกต้องหาทางรักษาพระเอกให้หายขาดให้ได้ แต่ตัวพระเอกจะมาเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลให้เป็นข่าวไม่ได้ มันมีผลต่อภาพลักษณ์และการทำงาน หากเป็นข่าวขึ้นมาว่าหัวหน้าวงป่วย จึงต้องพาหมอเข้ามารักษาในบ้านจะปลอดภัยกว่า
จริง ๆ แล้ว สาเหตุของการละเมอ ทางการแพทย์ระบุว่านอกจากปัจจัยด้านพันธุกรรม หากพ่อแม่มีอาการละเมอ ลูกจะมีโอกาสละเมอมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว ยังมีปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการละเมอ คือ ความเจ็บป่วยบางอย่างทางกาย ความเจ็บป่วยทางจิตใจ (จิตใจควบคุมร่างกาย) ความเครียด แล้วพระเอกที่ดูเหมือนจะเพอร์เฟคทุกอย่างแบบนี้เพราะอะไรล่ะ
สาเหตุการนอนละเมอของพระเอก เรื่องเฉลยแล้วว่ามาจากแผลในใจ ที่จริง ๆ แล้วเขามีมาตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยความที่เขาถูกพ่อเลี้ยงมาแบบเข้มงวด พยายามจะให้ลูกเป็นอัจฉริยะทางดนตรีเหมือนตัวเอง มีการบังคับ การลงโทษที่รุนแรง ต่อว่าแรง ๆ น่าสมเพชบ้าง บอกว่าสิ่งที่ลูกทำเป็นเรื่องโง่ ๆ ที่จะทำลายชื่อเสียงของตัวเองบ้าง จะไม่ฟังเพลงที่ล้มเหลวบ้าง หรือถ้าสมบูรณ์แบบไม่ได้ก็ให้ยอมแพ้ไปซะ ลองนึกถึงสภาพร่างกายและจิตใจของเด็กตัวแค่นั้นที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต มันก็น่าสงสารอยู่นะ
พอโตมา การเป็นวงไอดอลระดับโลกก็ทำให้เขาต้องเผชิญกับความเครียด กดดันอย่างหนัก แถมช่วงหลังมาที่คัมแบ็กผลงานเพลง อัลบั้มที่เขาทำเองตัดสินใจเองทั้งหมดก็แป้ก ล้มเหลวพังไม่เป็นท่า ความเครียดและแผลในใจจึงกำเริบถึงจะอย่างนั้น เขาเป็นคนที่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยปรึกษาปัญหากับใคร พยายามทำตัวเองว่าเข้มแข็งไม่เป็นไร มักจะแสดงความก้าวร้าว ใจแคบ โมโหร้าย เย็นชา หยาบคาย ไม่ไว้ใจใคร ไม่เปิดใจให้ใคร เกลียดคนรู้จัก กลัวคนแปลกหน้า ทุกคนรู้นิสัยเขาดี แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ร่างกายเลยแสดงออกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดนั้นออกมาเป็นอาการป่วย คือ นอนละเมอ ละเมอเดิน โดยที่คนพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกตัวเองป่วย ส่วนเพื่อนในวงก็มีไม่กี่คนที่พอจะรู้ว่าที่พระเอกเป็นแบบนี้เพราะพ่อของเขา การจะรักษาให้หายขาด เขาต้องปลดบางสิ่งบางอย่างที่พันธนาการใจเขาอยู่ออกให้ได้ ต้องมีคนเข้าให้ถึงจิตใจที่แท้จริงของเขา ซึ่งตามพล็อตละครแล้ว พระเอกก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเพราะนางเอกยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงมิตรภาพจากเพื่อนในวง แต่เรื่องมันน่าลุ้นตรงที่ว่าถ้าพวกสมาชิกวงลูน่าและประธานบริษัทรู้ว่าเธอเป็นหมอกำมะลอที่ปลอมตัวมาจะเป็นอย่างไร
ถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อที่วันหนึ่งจะได้เดินหน้าสองก้าว
นอกจากพระเอกนางเอก ทุก ๆ ตัวละครหลักของเรื่องคนอื่น ๆ อย่างสมาชิกวงลูน่าก็ล้วนมีปมในใจที่รอวันคลี่คลายเหมือน ๆ กันหมด (สรุปแล้วคงจะป่วยกันทั้งวง) ก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นวงบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียง พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน ต่างก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังแบบที่คนทั่วไปมี พวกเขาเลือกที่จะซ่อนมันเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในใจ แล้วแสดงออกด้วยท่าทีที่ไม่เป็นไร เพื่อกลบเกลื่อน แต่ในท้ายที่สุด เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปิดบังมันไปได้ตลอด คนอื่นไม่รู้ก็จริง แต่ตัวเรานี่แหละที่รู้อยู่เต็มอกว่าฝันร้ายที่เราฝันถึงทุกวันคืน เรื่องที่อยากลืมแต่ลืมไม่ลง คือเรื่องอะไร
ตัวละครตัวหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกคนใหม่ที่สุดของวง มีเรื่องให้กังวลใจ เขามาปรึกษากับนางเอกเพราะเข้าใจว่าเป็นจิตแพทย์ ตัวเขาเองก็เหมือนจะมีภาวะป่วยในระดับหนึ่ง แต่ที่แย่กว่านั้นคือเขากำลังถูกต้นเหตุของอาการป่วยคุกคาม เขาพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตัวเป็นทุกข์ด้วยการพยายามสนุก มีความสุขกับมัน แต่เวลานี้มันไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว จากที่เคยสนุก (จอมปลอม) กับมันได้ เขาเริ่มทำไม่ได้ ความเครียดเข้าควบคุมร่างกายจนมีปัญหาทางกายเหมือนพระเอก คือเจ็บปวดกับแผลเดิมที่รักษาหายแล้ว หมอตรวจดูดูบอกไม่เป็นอะไร แต่น่าจะเพราะจิตใจเขามากกว่า
นางเอกแนะนำเขาไปว่าถ้าสนุกกับมันไม่ได้ ให้ทำกลับกัน คือสนุกไม่ได้ก็ให้เลี่ยงไป เพราะบางครั้งการหลบเลี่ยงไปบ้างมันก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน “ถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อที่วันหนึ่งจะได้เดินหน้าสองก้าว” ถอยหลังเพื่อที่จะปลดล็อกบางอย่างกับตัวเอง
คนเราไม่จำเป็นที่ต้องทำเพื่อคนอื่นตลอดเวลาหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองที่อยากจะทำอะไรบ้างก็ได้ แต่ปกติคนที่พยายามซ่อนตัวเองไว้ข้างหลังความแข็งแกร่งตลอดเวลา ก็จะรู้สึกว่าการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองที่มันมีแต่ความอ่อนไหวเป็นเรื่องยาก ก็คงต้องให้เวลาเขาสักนิด ให้เขาได้คิดทบทวนและพิจารณาว่าจะทำอะไรกับตนเองต่อไป
“การเอาชนะตัวเอง คือความแข็งแกร่งที่แท้จริง” บางเรื่องที่ติดอยู่ในใจมานาน บางเรื่องที่ซ่อนไว้ บางทีถ้าเราลองรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ต่อสู้กับความอ่อนไหวในใจตัวเองดูสักตั้ง เราอาจจะปลดล็อกจากมันได้ตลอดกาล เรื่องนั้นก็จะไม่มีผลต่อจิตใจและทำอะไรเราไม่ได้อีก
ถึงแม้ว่าปมต่าง ๆ ในเรื่องมันจะดูหนัก แต่ซีรีส์ Let Me Be Your Knight ถือเป็นซีรีส์รอมคอมเรื่องหนึ่งเลย พอดูแล้วมันไม่ได้เครียดขนาดนั้น แถมยังติดตลกอีกต่างหาก ดูแล้วเพลินดี แป๊บ ๆ ครบ 1 ชั่วโมงจบตอน แล้วกว่าจะได้ดูตอนใหม่ก็นับรอไปอีก 7 วัน (ทำได้ไงเนี่ยมีแค่สัปดาห์ละตอน คนรอดูคือลงแดงไปแล้ว) ถ้าอยากหาอะไรสบาย ๆ ดู แนะนำเรื่องนี้เลย 5 หนุ่มวงลูน่าคืองานดี พระเอกหล่อ พระรองน่ารักอบอุ่น ฟีลพระเอก พระรอง นางเอกเหมือนเรื่อง You’re Beautiful เลย (ใช่ค่ะ เอ็นดูพระรอง) คนอื่น ๆ ก็น่ารัก แล้วนางเอกคือเล่นเรื่องนี้แล้วสดใสโบ๊ะบ๊ะมาก เอาเข้าจริง เรื่องไหนที่มีผู้ชายเยอะ ๆ เรื่องนั้นจะน่าดูขึ้นอีกสิบเท่า แค่ดูความน่ารักของพวกหนุ่ม ๆ ก็คุ้มแล้ว ?
