ช่วงนี้ไม่ว่าจะโผล่เข้าไปในที่โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มไหนก็ตาม เมื่อไล่ไทม์ไลน์ดู จะเห็นกระแสชวนไปดูผีเสื้อเต็มไปหมด ซึ่งก็ไม่ใช่อะไร มันมีที่มาจากซีรีส์เรื่องหนึ่งที่พระเอกหล่อ นางเอกสวย เคมีดีมาก และที่สำคัญคือความแรงของบทที่เห็นผ่าน ๆ ว่าบางตอนขึ้นเรต 19+ ซึ่งเอาไว้ว่าง ๆ ก่อนค่อยหาดูเรื่องนั้น แต่บอกเลยว่าไม่แน่ใจหรอกว่าจะดู เพราะไม่ชอบคาแรคเตอร์เจ้าชู้ ขี้อ่อย รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน พร้อมจะเป็นไฟแผดเผาผู้หญิงทุกคนของพระเอก แต่เพราะตัวนักแสดงหล่อมาก เลยต้องเก็บมาพิจารณาอีกที (เยี่ยม!)
พอไถหน้าจอไปเรื่อย ๆ ก็มาสะดุดเข้ากับเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้เข้า พออ่านเรื่องย่อจบ ในหัวก็ปิ๊งเลยว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ แน่นอน ก็เปิดดูสิคะ! รออะไร?
Monthly Magazine Home เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “บ้าน” เห็นไหมล่ะว่ามันดูมีอะไร เพราะซีรีส์เรื่องนี้เลือกที่จะเล่าเรื่องบ้าน บ้านหรือที่พักอาศัยที่มันเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่นี่แหละ การหยิบเอาประเด็นง่าย ๆ แต่ดูใหญ่มาเล่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรกคือคนอคติก่อนว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เรื่องเกี่ยวกับบ้าน ก็น่าจะเป็นเรื่องครอบครัวบลา ๆ พล็อตเดิม ๆ และอีกประการคือคนตัดสินจากนักแสดง ต้องยอมรับว่านักแสดงไม่ใช่เบอร์ใหญ่บิ๊กเบิ้ม ตัวพ่อตัวแม่ของวงการ หรือหน้าตาแบบลูกรักพระเจ้า พอรวมกับตัวพล็อตเรื่อง กลายเป็นว่าไม่ดึงดูดให้คนเปิดดู
Monthly Magazine Home จะเป็นชื่อเรื่องที่คอซีรีส์ฝั่งไทยคุ้นเคยกว่า เมื่อเทียบกับชื่อเรื่องของทางฝั่งเกาหลี ที่พอแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วจะต่างไปนิดหน่อย เพราะชื่อเรื่องภาษาอังกฤษทางการจาก JTBC (ช่องที่ออนแอร์ในเกาหลี) จะใช้ชื่อเรื่องว่า Monthly House แต่ 2 ชื่อนี้คือซีรีส์เรื่องเดียวกัน
อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้าน ผ่านตัวละครพระเอก พระรอง นางเอก และทีมงานนางเอกอีกประมาณ 4-5 คน นิยามของคำว่า “บ้าน” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้น เนื้อเรื่องไม่ได้มีปมปวดหัวอะไรมากมาย แต่ทุกอย่างถูกผูกติดไว้กับคำว่าบ้านทั้งหมด จึงอาจจะมีดราม่าสะเทือนใจเล็ก ๆ ในรูปของวิถีชีวิตมนุษย์เงินเดือน เจ็บอยู่เหมือนกันนะ หากเราเป็นคนฟุ่มเฟือย ทำงานหนัก และยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง (เหอะ ๆ) ถึงอย่างนั้น มันก็คือชีวิตธรรมดาของหนุ่มสาวยุคใหม่นี้นี่นา
บ้านที่เป็นที่พัก (อาศัย) vs บ้านที่เป็นที่พัก (ใจ)
มันคือคอนเซ็ปต์ของคำว่า house และ home ในภาษาอังกฤษนั่นแหละ ที่เราเข้าใจกันมาก็คือ house ให้ความหมายบ้านในแง่ของสิ่งปลูกสร้าง โครงสร้าง อาคาร ซึ่งเป็นความหมายเชิงรูปธรรมและวัตถุนิยม ส่วน home จะให้ความหมายในแง่ของความรู้สึก ความเป็นครอบครัว การอยู่อาศัย ความผูกพันของสมาชิกในบ้าน ซึ่งเป็นความหมายเชิงนามธรรมและสุขนิยม
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าเรื่องนี้น่าสนใจที่ตรงไหน มันคือ “บ้าน” เหมือนกัน แต่ความหมายไม่เหมือนกัน เบื้องหลังของคำว่า “บ้าน” ของตัวละครแต่ละตัวลึกซึ้งกว่าที่คิด ซึ่งตรงนี้มองว่าเนื้อเรื่องเล่าได้ดีมากนะ มันไม่ได้ซับซ้อน เข้าใจง่าย แต่ใจสั่นได้ทุกครั้งที่ตัวละครพยายามแสดงความหมายของคำว่าบ้านตามมุมมองของตัวเอง
เริ่มที่นางเอก ที่ต้องจัดนางให้เป็นอีกหนึ่งนางเอกสุดโชคร้ายและอับโชคจนชีวิตเกือบอับปาง แค่ไปทำงานที่ต่างประเทศแป๊บเดียว กลับมาก็กลายเป็นคนตกงานและคนไร้บ้านซะงั้น แต่ชีวิตมีลงก็ต้องมีขึ้น (บ้าง) งานใหม่ของเธอคือ เป็นบก.ของนิตยสาร Monthly House งานบก.ไม่ใช่เรื่องยากของเธอ เพราะเธอมีประสบการณ์เป็นบก.มาเป็น 10 ปี แต่เรื่องยากคือความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เธอต้องนำมาใช้ทำงานต่างหาก ที่มีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน
ถึงเธอจะทำงานมาเป็น 10 ปี อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเช่ารายเดือน แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นบ้านของเธอ ทว่าเธอก็ดูแลบ้านเช่าอย่างดีราวกับเป็นบ้านตัวเอง เธอถือว่าตอนนี้เธออยู่ที่นี่ เธอก็คือเจ้าของที่นี่ สำหรับเธอบ้านเป็นที่ที่สามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกและบุคลิกของเธอได้ บ้านชาร์จพลัง ให้ความอบอุ่น ให้ความเป็นตัวเอง เป็นที่พักใจของเธอ เธอจึงต้องดูแลแหล่งกบดานนี้ให้ดี มันคือความสุขของเธอ
การเปลี่ยนแปลงของเธอเกิดขึ้น เมื่อเธอมีเจ้าของบ้านและเจ้านายคนใหม่ ผู้ที่ทำให้เธอกลับมาคิดจริงจังเรื่องการซื้อบ้านเป็นของตัวเอง
พระเอก เป็น CEO ของนิตยสาร Monthly House สำหรับเขา บ้านเป็นแค่วัตถุดิบในการต่อยอดทรัพย์สิน มีประโยชน์แค่ใช้หลับนอนทุกคืน ไม่ได้มีความหมายทางใจอะไร เพราะเขาเติบโตมากับความยากจน เขาเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นหนทางเดียวที่จะสร้างความมั่งคั่งได้ เขาจึงเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จนปัจจุบัน กลายเป็นเศรษฐีหน้าเงิน หายใจเข้าหายใจออกเป็นเงิน โด่งดังในวงการอสังหาฯ และเป็นกูรูด้านการเงินการลงลงทุน
ส่วนพระรอง ผู้ร่วมขบวนการรักสามเส้า เป็นคุณหนูผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด พ่อแม่เป็นเศรษฐีที่อยากจะซื้อบ้านให้ลูกชายใจจะขาด แต่ลูกชายเป็นผู้ที่ไม่ต้องการบ้าน เขาหลงใหลการแคมป์ปิ้งมากกว่า อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของคนที่ใช้ที่ทำงานเป็นบ้าน ใช้ชีวิตง่าย ๆ แบบคนมีเงินไล่ตามฝันเพราะไม่ต้องกังวลอะไร แต่พอมาเจอนางเอก เขากลับยอมเข้าร่วมโปรแกรมประหยัดเงินกับเธอ เป็นทีมคู่หูร้านสะดวกซื้อ ปลื้มกับของซื้อ 1 แถม 1 แล้วหารกันจ่าย
ในเมื่อคน 3 คนมอง “บ้าน” ไม่เหมือนกัน มันเลยเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกระหว่างกัน เติมเต็มในส่วนที่ตัวเองไม่มี
ไม่เห็นเขาพยายาม ไม่ได้แปลว่าเขาไม่พยายาม
เป็นนิสัยที่น่าหมั่นไส้ของพระเอกในช่วงต้นเรื่อง ด้วยความที่นางลำบากมาแต่เด็ก นางเลยเห็นคุณค่าของเงินทุกแดง ทุกอย่างที่ทำคือต้องได้เงิน เงินนี่แหละที่จะบันดาลทุกอย่าง ความคิดของเขาจึงวนเวียนอยู่กับเงิน ไม่ได้มองลึกซึ้งไปถึงความรู้สึกใด ๆ ในใจคน ก็เลยมองคนอื่นด้วยสายตาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มองว่าที่ตัวเองมาไกลขนาดนี้ก็เพราะความพยายามอย่างหนักมาก ๆ คนอื่นพยายามได้เท่าตัวเองไหม เลยออกจะมั่นหน้ามั่นโหนก และเหยียดความพยายามของคนอื่น ว่าคนอื่นไม่พยายาม หรือความพยายามของคนอื่นไม่มีอยู่จริง
ในทางกลับกัน บรรดาทีมบรรณาธิการนิตยสาร ที่เป็นเพื่อนร่วมงานของนางเอก ทุกคนต่างมีปัญหาเรื่องบ้าน ทุกคนต่างพยายาม และดิ้นรนหนักมากเพราะบ้านแตกต่างกันไป
คนหนึ่งคือมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานมาหลายปีแต่ไม่มีเงินเก็บเพื่อซื้อบ้าน อีกคนมองว่าการซื้อบ้านคือการสร้างครอบครัว จะแต่งงานได้ต้องมีบ้าน อีกคนรอบ้านใหม่ รอจนลูกโต ก็ยังอยู่ที่เดิม คอนโดเล็ก ๆ เก่า ๆ ต้องเดินเขย่งปลายเท้า จะได้ไม่มีเสียงดังรบกวนลูกอ่านหนังสือ ส่วนอีกคนคือคนที่ยึดติดกับบ้านหลังเดิมที่ตัวเองก็เช่าเขาอยู่ แม้เจ้าของบ้านจะอัปค่าเช่าราคาสูงกว่าเดิมจนทำให้มีปัญหาการเงิน แต่เธอไม่ได้เดือดร้อน เพราะเรื่องกำลังจะเฉลยว่าเธอมีคุณลุงเศรษฐีใจดีเลี้ยงอยู่
ซึ่งเวลามาทำงาน ต่างคนต่างไม่รู้ หรือรู้แค่ผิวเผินว่าชีวิตของเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไร หากสนิทหรือรู้จักกันมานานก็พอจะเข้าใจสภาพทางกายภาพ แต่ก็ไม่รู้ถึงสภาพจิตใจข้างในอยู่ดีว่าเละเทะขนาดไหน บ้านของแต่ละคนสำคัญต่ออย่างไร ต้องพยายามแค่ไหนเพื่อบ้านสักหลัง แต่คนนอกมองว่าเขาไม่พยายาม ไม่ดิ้นรน ทั้งที่ไม่ได้รู้จักเขาทุกด้านจริง ๆ อย่างชีวิตนางเอกก็ล้มลุกคลุกคลานชนิดโชกเลือดมาแล้วกว่าจะได้เป็นบก. ท้ายที่สุดก็ไม่มีเงินซื้อบ้านอยู่ดี
“เงินคือแฟนของฉัน”
ประโยคเด็ดจากปากพระเอกหน้าเงินของเรา ตอนที่พระรองบอกให้นางหาแฟน มีครอบครัวได้แล้ว คือนางเคยลำบากมาก ๆ มาก่อน ก็เข้าใจได้ว่านางเห็นคุณค่าของเงินมากแค่ไหน กว่าจะประสบความสำเร็จมาขนาดนี้มันไม่ง่าย นางเลยตึงกับเรื่องเงินมากเข้าขั้นบ้า บ้านเป็นสมบัติที่นำมาซึ่งเงิน เขาไม่มีทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้อะไรสักชิ้น มีแค่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ส่วนบ้านที่ใช้ซุกหัวนอนตอนกลางคืนก็เป็นบ้านที่กว้านซื้อมาเพื่อเอาไว้ขาย พร้อมเก็บกระเป๋าย้ายไปบ้านหลังใหม่เสมอหากบ้านหลังนี้ขายออกแล้ว
ตัดกลับมาที่แม่นางเอกชีวิตอับโชค ที่มองว่าบ้านเป็นสมบัติทางใจ คุณค่าที่แท้จริงของบ้านคือเติมพลังชีวิต เธอไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ก็ใช้ในดำรงชีวิตทั่วไป แต่พอเป้าหมายซื้อบ้านหลังแรกเริ่มตามหลอกหลอน ก็เริ่มเก็บเงินอย่างเอาเป็นเอาตาย อาศัยอยู่ด้วยข้าวกล่องลดราคาหรือซื้อ 1 แถม 1 หลอนคลิปพระเอกสอนออมและประหยัดเงินตามไปทุกหนทุกแห่งเวลาจะใช้เงิน ลำพังแค่ควบคุมค่าใช้จ่ายตัวเองก็ยากแล้ว ยังต้องมาระแวงและหาวิธีเอาตัวรอดจากคนในทีม ที่หาเรื่องจะชวนไปฟุ่มเฟือยหรือให้เลี้ยงนู่นเลี้ยงนี่หลังเลิกงานทุกวัน
อ้อ! ขอบอกก่อนนะว่าเรื่องนี้ #ทีมพระรอง จ้า เพราะหมั่นไส้พระเอกและแพ้ทางพ่อหนุ่มไมโครเวฟแบบพระรอง คนบ้าอะไรสุดแสนจะอบอุ่น ทีมพระรองก็รู้ดีแหละว่าพระรองคือพระรอง ตำแหน่งพระเอกมีเจ้าของแล้ว แต่พระรองนี่แหละที่เป็นของคนดู ที่เชียร์พระรองก็เพราะอยากได้ (ฮ่า ๆ)
Monthly Magazine Home เป็นซีรีส์ที่จะทำให้เราได้รู้จักและเข้าใจความหมายของ “บ้าน” ในมุมที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำถามที่เราตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงเพิ่งมาเข้าใจความหมายของบ้านเอาตอนดูซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งที่บ้าน (ที่อยู่อาศัย) คือปัจจัยสี่ที่จำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ แต่ที่ผ่านมาเรากลับอยู่บ้านไปวัน ๆ มองความสุขและความทุกข์จากบ้านแบบผิวเผิน โดยที่ไม่ได้รู้จักและเข้าใจมันลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อน
Monthly Magazine Home จึงเป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่อง “บ้าน” หนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นของชีวิต เป็นเป้าหมายของคนวัยทำงาน การตั้งตัว การสร้างครอบครัว การใช้ชีวิต แต่บ้านก็เป็นสิ่งชี้ชะตา ชี้เป็นชี้ตายได้เหมือนกัน
ใครที่กำลังมองหาซีรีส์พล็อตเบา ๆ ดูสบาย ไม่ซับซ้อน ไม่เครียด ไม่ปสด. หรืออยากพักจากอาการมวนท้องเพราะมัวแต่ไล่จับผีเสื้อ Monthly Magazine Home คือซีรีส์น้ำดีอีกหนึ่งเรื่องที่แนะนำ รับรองว่าจะได้มุมมองหรือข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างจากซีรีส์เรื่องนี้แน่นอน ถึงแม้ว่าพระเอก นางเอก พระรอง อาจจะไม่ใช่ระดับแม่เหล็กสมบัติของชาติ แต่พวกเขาไม่นูกูแน่นอน และฝีมือก็ไม่ได้มาเล่น ๆ ยิ่งใครเป็นแฟนคลับอยู่แล้วก็ตามเชียร์ได้เลย (เรื่องนี้นางเอกน่ารักมาก) แล้วคุณจะประทับใจเหมือนที่เราประทับใจ ?
