“Record of Youth” คุณจำบันทึกความฝันวัยเด็กได้ไหม?

ภาพจาก tvN

ช่วงนี้ติดซีรีส์งอมแงม ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ ล่าสุดไปขุดเจอซีรีส์เก่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียดายมากว่าไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงพลาดได้ ถ้าใครสนใจอยากลองจะลองมาวงวารติดซีรีส์บ้าง Splash Splash Love แนะนำเลย

แต่วันนี้ไม่ได้จะมาชวนคุยถึงซีรีส์เก่าเก็บ 5 ปีเรื่องนั้นหรอก “Record of Youth” เป็นซีรีส์ใหม่ มีชื่อไทยสวย ๆ ว่า “เส้นทางดาว” ออนแอร์ทางช่อง tvN ส่วนติ่งไทยดูได้ที่ Netflix กระแสเรื่องนี้แรงมาก ๆ ในเกาหลี เปิดตัวมาแค่ 2 ตอน ก็ครองเรตติ้งอันดับ 1 แซงทุกเรื่องที่ออกอากาศช่วงเวลาเดียวกัน แค่ EP.1 ก็ฟาดเรตติ้งเฉลี่ยที่ 6.4 ทั่วประเทศสูงสุดที่ 8.7 ส่วน EP.2 ยังคงแรงไม่ตก เรตติ้งอยู่ที่ 6.8 เพิ่มขึ้นจากตอนแรกมา 0.4 และดูทรงคงไม่หยุดปังแค่นี้แน่ เพราะเล่นตัดจบ EP.2 แบบช็อกโลกติ่งมาก

ภาพจาก tvN

อันที่จริง การที่เรตติ้งเปิดตัวดีขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส เพราะเนื้อเรื่องน่าติดตาม โลกไม่สวย ฟาดสุดอะไรสุดตั้งแต่เปิดเรื่อง ดูไป 2 ตอน คือปวดหัวแทนพระเอกนางเอกไปแล้ว ที่สำคัญ คงเพราะซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ส่งท้ายของ “อปป้าพัคโบกอม” ก่อนที่จะอำลาวงการชั่วคราวเข้ากรมรับใช้ชาติ ติ่งสาว ๆ ก็เลยติดกันหนักมาก (แอบกระซิบนิดว่าคล้ายในเรื่องมาก ๆ)

ชีวิตไม่มีคำว่าง่าย

โอ้โห อยากจะกระทืบไลก์ให้พื้นทรุดไปเลย ใช่! ชีวิตไม่มีคำว่าง่าย และไม่เคยง่ายด้วย คนไม่น้อยเลยที่กว่าจะดิ้นรนฝ่าฟันชีวิตมาได้ถึงจุดนี้ สะบักสะบอมเละเทะมาก ทั้งหมดกำลังใจ โดนดูถูก พิสูจน์ตัวเอง ต้องแข่งขันกับคนร้อยพ่อพันแม่ ไหนจะต้องเผชิญกับความเหงา ความโดดเดี่ยว ความผิดหวังอีก ง่าย ๆ ก็คือชีวิตคือเกมหนึ่งที่เฟ้นหาผู้ที่รอดชีวิต ต้องยอมรับว่าโลกแห่งความจริง คนที่แกร่งจริง ๆ เท่านั้นที่จะอยู่รอด ส่วนคนอ่อนแอก็แพ้ไป

ภาพจาก tvN

บางครั้งก็อาจโดนความจริงของโลกเล่นงาน ความไม่แฟร์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติ เรื่องที่คนเราเกิดมาไม่มีใครเท่าเทียมกันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ (มองโลกตามความจริง ความเท่ากันมันอุดมคติเกินไป) แต่ไม่ควรมีใครจะเหนือกว่าใครแบบยืนบนหัวคนอื่นนี่ ตราบใดที่เดินเท้ายังติดพื้น ยังต้องตักข้าวเข้าปากเพราะไม่ได้อิ่มทิพย์ ยังต้องหลับต้องนอน ยังต้องเข้าส้วมเพื่อขับถ่าย ยังต้องแต่งงานมีลูกหลานสืบสกุล สุดท้ายก็คนเหมือนกัน หรือไม่จริง?

ด้วยความที่เป็นติ่งในสายเลือด ติ่งเกามาก็หลายปี ถึงจะไม่ได้ติ่งตั้งแต่ยุค K-POP เริ่มทำตลาดในไทย ทำให้ได้ตามชีวิตของไอดอลเกาหลีอยู่หลายคน บอกเลยว่าชีวิตไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง (และไม่ต่างจากเรา ๆ ด้วย) เพราะสภาพสังคมเกาหลีด้วยส่วนหนึ่ง ไอดอลหลายคนเริ่มจากติดลบ ทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย สภาพสังคมจึงเป็นตัวแปรหลัก สังคมเกาหลีชายยังเป็นใหญ่ สังคมมีหลายชนชั้น ยึดความอาวุโส ดีนิดตรงที่คุณภาพชีวิตดีหน่อย

ติ่งแทบทุกคนรู้ดีว่าสังคมเกาหลีไม่ได้สวยงามแบบที่อุตสาหกรรมบันเทิงโฆษณาชวนเชื่อหรอก แต่ในฐานะติ่ง เราก็รักของเรา และจะสนับสนุนเมนของเราต่อไปจนกว่าเราจะหายกันไปข้าง

ชีวิตติ่งที่แท้ทรู

เข้าใจความรู้สึกของนางเอกเลย เรื่องนี้นางเอกเป็นติ่ง เมนของนางก็คือพระเอกนั่นแหละ เอาจริง ๆ นะ คนเป็นติ่งอะรู้แทบทุกอย่าง (ที่เขาเปิดเผย) ของไอดอล นางก็รู้ว่าเมนนางเริ่มมาจากไหน แต่สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ ไอดอลเหล่านั้นต้องเผชิญอะไรมาบ้าง แต่ความเป็นติ่งที่ดีเป็นอารยชน เราก็ทำได้เพียงรัก สนับสนุน และส่งเสริมให้เขาได้ดี มันเป็นความรู้สึกแบบอยากให้เขามีความสุข เพราะความสุขของติ่งก็คือ การที่เมนของเรายิ้มได้และมีความสุขนี่นา

ภาพจาก tvN

แต่ก่อนตอนที่ยังไม่เข้าวงการติ่ง ก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกแบบการที่เห็นใครสักคนได้เฉิดฉายมันเป็นยังไง ไม่รู้สิ เราไม่ได้อยากให้เขารู้จักเรา เราแค่อยากตาม และเป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุนหน้าที่การงานของเขา แค่เขายังอยู่ในวงการ ออกมาให้เห็นหน้าบ่อย ๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ยิ่งถ้าได้เจอเมนตัวเป็น ๆ แบบที่ดูเห็นกับตาไม่ผ่านจอ เนื้อหนังเขาจับต้องได้ สัมผัสได้ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลย

ภาพจาก tvN

อีกเรื่องที่คนไม่เป็นติ่งไม่มีวันเข้าใจ ว่าเขาคือแรงบันดาลใจแทบทุกอย่าง เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ตั้งหน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปเมน มีหมดทั้งคนไทย คนเกาหลี คนไต้หวัน เพื่อที่เปิดโทรศัพท์มาเราก็เห็นเขาอยู่กับเรา เห็นรอยยิ้ม เห็นความพยายาม เห็นความสำเร็จ ซึ่งมันก็ทำให้เราอยากจะทำบ้าง หลายคนประสบความสำเร็จได้เพราะเมน ยกตัวอย่างมีน้องม.6 คนหนึ่งสอบติดหมอ เพราะได้แรงบันดาลใจจากการเป็นติ่ง “คิมจงฮยอน” แม้ว่าความสำเร็จของน้องนั้นจะหลังจากไอดอลผู้นี้ล่วงลับไปแล้วก็ตาม

เจ็บปวดแค่ไหน คนในบ้านก็รู้ไม่ได้

เคยนั่งร้องไห้บนรถเมล์ไหม? เคยเดินเหม่อ ๆ แบบที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหนไหม? เคยเฉย ๆ แต่น้ำตาไหลไหม? เคยต้องกลืนน้ำตาทั้งก้อนลงคอก่อนจะรับโทรศัพท์ไหม? เคยต้องแหงนหน้าไม่ให้น้ำตาไหลแล้วยิ้มร่าเดินเข้าบ้านไหม? ถ้าเคย เราเป็นเพื่อนกัน

ใช่ ที่พูดมาคือได้ทำมาหมดแล้ว เอาจริงก็คงไม่มีใครอยากจะทำเรื่องแบบนี้หรอก แต่มันห้ามสิ่งที่ล้นอยู่ไม่ไหวแล้ว บางคนร้องไห้ให้คนที่บ้านเห็นไม่ได้ จะมาให้พ่อแม่เห็นในสภาพแบบนี้ไม่ได้ ก็รู้นะว่าพ่อแม่ก็เป็นห่วงเวลาที่เราแปลก ๆ กันแหละ อาการบางคนมันเป็นเหตุสังเกตได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเราแค่ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องรับรู้ ไม่อยากเอาความทุกข์ใจเราไปเป็นภาระใคร ปัญหามีก็ไล่แก้กันไป ถ้าไม่หนักมากจริง ๆ ก็คงฝืนยิ้มเดินเข้าบ้านได้อีกซักพักแหละ

อีกสิ่งที่ต้องไม่ลืม บ้านไม่ใช่ comfort zone สำหรับทุกคน ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้ได้ ไม่ใช่ทุกคนที่พ่อแม่จะสนใจ บางครอบครัวไม่ให้กำลังใจไม่ว่า ยังหักหาญน้ำใจอีก บางบ้านพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ต่อให้พยายามแค่ไหนก็สู้ลูกรักไม่ได้ ก็ไม่แปลกถ้าจะเก็บปัญหาไว้คนเดียว ต้องยอมรับว่ามันมีจริง ๆ

ก็นั่นแหละ ชีวิตจริง ๆ มันก็เป็นแบบนี้ ความฝันที่เราเคยไล่ตามกัน ทุกวันนี้เรามากันได้ไกลแค่ไหนเคยสังเกตไหม? และที่สำคัญ เรายังจำบันทึกเรื่องราวการเดินทางไขว่คว้าฝันกันได้ไหม มันราบรื่นหรือเปล่า? ^_^