จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่กินเวลามานานกว่า 3 เดือน ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อแพร่กระจายอยู่ใน 66 จังหวัดทั่วประเทศไทยแล้ว
โดยข้อมูลล่าสุดจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 51 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,220 ราย, รักษาหายแล้ว 793 ราย, กำลังรักษาตัว 1,401 ราย, เสียชีวิตแล้ว 26 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอีก 173 ราย
แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตนับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีอีก 11 จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 แม้แต่รายเดียว ได้แก่ น่าน พิจิตร กำแพงเพชร ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง บึงกาฬ ตราด ระนอง พังงา และสตูล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจังหวัดเหล่านี้มีมาตรการที่รัดกุม สามารถป้องกันและจัดการภายในจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่ทำให้รอดพ้นจาการติดเชื้อมาได้จนถึงขณะนี้
ขณะเดียวกัน จังหวัดที่ยังครองแชมป์ผู้ป่วยสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,051 ราย นนทบุรี 143 ราย ภูเก็ต 135 ราย สมุทรปราการ 103 ราย ชลบุรี 66 ราย ยะลา 54 ราย ปัตตานี 46 ราย เชียงใหม่ 37 ราย สงขลา 37 ราย และปทุมธานี 28 ราย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลง เหลือ 51 ราย (ข้อมูลวันที่ 6 เม.ย.63) แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะภาพรวมตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคงที่ จึงต้องติดตามสถานการณ์รายวัน ส่วนจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเลยก็เริ่มมีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เห็นว่าทุกจังหวัดล้วนมีความเสี่ยง
ดังนั้น หากจะหวังให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันจากคนไทยทั่งประเทศ เพื่อไม่สร้างภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำงานอย่างหนักแข่งกับเวลาอยู่ในเวลานี้
และเมื่อไม่มีใครตอบได้ว่าสถานการณ์นี้จะกลับมาปกติเมื่อไร สิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยประเทศชาติได้คือการดูแลตัวเองให้ดี รักษาสุขภาพ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร และใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน เพื่อที่ทุกคนจะได้ผ่านสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย
