ข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุไว้ว่า ท้องทะเลที่พบฉลามวาฬหมายความว่าทะเลบริเวณดังกล่าวนั้นมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ เนื่องจากฉลามวาฬเป็นปลาขนาดใหญ่พบได้ในทะเลเขตร้อนและอบอุ่น อาศัยอยู่ในทะเลเปิดและมีช่วงอายุยืนยาวนานถึง 70 ปีและอาหารของฉลามวาฬคือแพลงก์ตอน (สิ่งมีชีวิตที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำในท้องทะเลมีทั้งพืชและสัตว์)
การปรากฎตัวของฉลามวาฬในท้องทะเลไทยนั้นเรียกได้ว่ามีการพบเห็นอยู่บ่อยครั้งและมีหลายครั้งที่กลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เรือประมงไทยในทะเลอันดามันลากอวนติดฉลามวาฬขึ้นมาด้วย ดังนั้นมาทบทวนกันหน่อยดีกว่าเมื่อพบกับฉลามวาฬในท้องทะเลนั้นมีข้อปฎิบัติอย่างไร
ฉลามวาฬเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
จากกรณีที่เรือประมงลากอวนติดเอาฉลามวาฬ มากับอวนด้วยนั้น ลูกเรือต้องรีบดันฉลามวาฬออกจากอวนให้เร็วที่สุดเพื่อปล่อยคืนสู่ทะเล เพราะฉลามวาฬ มี สถานภาพเป็นสัตว์คุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าปี พ.ศ.2535 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าหรือกระทำอันตรายอื่นใด แก่ฉลามวาฬ อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าเจอฉลามวาฬใกล้ชิดห้ามแตะ ห้ามเกาะ และ ห้ามขี่
ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการได้โพสไว้ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงฉลามวาฬกับนักดำน้ำไว้ว่า ฉลามวาฬไม่ได้อยู่รวมเป็นฝูง และหากินโดยลำพัง และเมื่อฉลามวาฬ เห็นนักดำน้ำก็ชอบว่ายเข้ามาหา ซึ่งนักดำน้ำบางคนสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะฉลามวาฬจะเข้ามากินฟองอากาศ
ขณะที่ดร. ธรณ์ ตั้งข้อสังเกตุอื่นด้วยว่า ฉลามวาฬอาจจะอยากเข้ามาเล่นกับนักดำน้ำ ดังนั้น เมื่อเจอฉลามวาฬเข้ามาหาก็ขออย่าจับ อย่าเกาะ อย่าแตะ และอย่าขี่
ถ้าฉลามวาฬเข้ามาใกล้ให้นักดำน้ำลอยตัวอยู่นิ่งๆ ไม่ไล่คุกคามหรือขวางทางว่ายของฉลามวาฬ
ผูกมิตรกับฉลามวาฬได้แต่ต้องไม่ทำให้ฉลามวาฬตกใจ
อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ให้คำแนะนำนักท่องเที่ยว หากนั่งเรือแล้วพบกับฉลามวาฬ คนขับเรือต้องลดความเร็วเรือเมื่อเข้าใกล้ฉลามวาฬในระยะน้อยกว่า 50 เมตร ให้ความเร็วเหลือน้อยกว่า 2 น็อต ไม่จอดเรือขวางฉลามวาฬ จากนั้นนำเรือเข้าชมทีละลำเพื่อไม่สร้างความเครียดให้กับฉลามวาฬ ไม่ไล่คุกคามหรือขวางทางว่ายของฉลามวาฬ เพียงเท่านี้คนก็สามารถเป็นมิตรกับฉลามวาฬ สัตว์ทะเลที่มีอายุยืนและบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ได้เป็นอย่างดี
