อย่างที่ทราบกันนี้ว่า จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนถึงขั้นต้องออกนโยบาย “ลูกคนเดียว” ในปีค.ศ. 1979 หรือเมื่อ 38 ปีที่แล้ว ในรัฐบาลของ เหมา เจ๋อ ตุงเพื่อควบคุมไม่ให้มีประชากรล้นประเทศ
ทั้งนี้ เป็นเพราะช่วงทศวรรษที่ 1960 รัฐบาลกระตุ้นให้แต่ละครอบครัวมีลูกกันมากๆ เพราะประธานเหมามองว่า การเติบโของประชากรจะยิ่งเพิ่มอำนาจให้กับประเทศมากขึ้น ซึ่งจากสถิติในช่วงระหว่างปี 1949 -1979 พบว่ามีประชากรเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 540 ล้านคน เป็น 969 ล้านคน
และนั่นจึงเป็นที่มาของนโยบาย “ลูกคนเดียว” ในปี 1979 เพื่อลดจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และเพื่อจำกัดปริมาณความต้องการบริโภคน้ำ อาหารและทรัพยากรอื่นๆของประเทศ โดยมีบทลงโทษปรับเงินด้วยหากพบว่ามีครอบครัวใดฝ่าฝืน
แม้นโยบายดังกล่าวสามารถคุมกำเนิดประชากรของประเทศได้มากกว่า 400 ล้านคน จากจำนวนประชากรหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักวิชาการ อีกทั้งยังพบการทำแท้ง และการฆ่าเด็กเพื่อให้ได้เพศที่ตัวเองต้องการด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังดำเนินการมานานถึง 36 ปี นโยบายดังกล่าวถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม ปี 2015 เพราะต้องการให้มีทารกเกิดใหม่เพิ่มขึ้น 5-10 เปอร์เซ็นต์ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลนัก
ด้วยเหตุนี้ ทางการจีนจึงกำลังพิจารณหาแรงจูงใจให้แต่ละครอบครัวมีลูกเพิ่มขึ้น หลังจากจีนติดอยู่ในอันดับประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลกไปแล้ว โดยเตรียมมอบเงินให้ครอบครัวต่างๆ หากมีสมาชิกเกิดใหม่รายที่ 2 เพราะจากโพลสำรวจความเห็นที่ผ่านมา พบว่า มีครอบครัวมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่อยากมีลูกคนที่ 2 ซึ่งส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางการเงิน จึงทำให้จีนต้องมาถึงจุดที่จ้างให้คนมีลูกกันแล้วในตอนนี้