ช่วงหลัง ๆ มานี้เรามักจะได้ยินข่าวที่มีผู้เสียชีวิตจาก “พิษไซยาไนด์” บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่แต่ก่อนเราจะคุ้นชื่อสารพิษชนิดนี้จากภาพยนตร์หรือการ์ตูนเสียมากกว่า โดยเฉพาะแฟนการ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน จะรู้จักสารพิษชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะเหตุฆาตกรรมด้วยสารพิษในการ์ตูนเรื่องนี้ เอะอะก็เป็นพิษของไซยาไนด์ จนทำให้คนอ่านเริ่มสงสัยว่ามันหาใช้ได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งพอมีข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยไซยาไนด์ถี่ขึ้นในชีวิตประจำวันจริง ๆ หลายคนอาจเริ่มกังวลแล้วว่ามันอาจจะอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
ใช่แล้ว! ในความเป็นจริง ไซยาไนด์ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย ใกล้ตัวมากที่สุดที่พบไซยาไนด์ก็คือ ในแหล่งอาหารตามธรรมชาตินี่เอง
แต่…ช้าก่อน ยังไม่ต้องตกใจ เพราะการรับพิษจากสารเคมีและพืชธรรมชาตินั้นแตกต่างกัน อีกทั้งพิษของสารไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ (Cyanogenic Glycosides) ซึ่งเป็นพิษไซยาไนด์ที่มีในพืชธรรมชาตินั้นก็มีความรุนแรงที่แตกต่างจากสารเคมี การได้รับพิษจากการบริโภคพืชจะไม่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือรวดเร็วเท่ากับการกินสารเคมีโซเดียมไซยาไนด์ (Sodium Cyanide : NaCN) และโพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide : KCN) ที่อาการเป็นพิษจะปรากฏให้เห็นภายในไม่กี่นาทีหรือไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังได้รับสาร (ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่อยู่ในกระเพาะด้วย) หรือสูดดมไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen Cyanide) ที่สามารถเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาที
ส่วนอาการเป็นพิษหลังจากการกินพืชที่มีไซยาไนด์ อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะร่างกายจะต้องย่อยอาหารให้เรียบร้อยก่อน โดยพิษไซยาโนเจนิก กลูโคไซด์ จะต้องผ่านการบด เคี้ยว ก่อน จึงปล่อยไซยาไนด์ออกมา อาหารบางชนิดถ้าปรุงสุก พิษก็จะน้อยลงมากจนไม่เป็นอันตราย และบางอย่างก็มีพิษอยู่น้อยมากอยู่แล้ว การได้รับเพียงเล็กน้อยไม่มีผลถึงชีวิต เนื่องจากร่างกายของมนุษย์เรามีกลไกธรรมชาติในการทำลายพิษและขับออกทางปัสสาวะได้เอง แต่อาจมีภาวะขาดออกซิเจน หายใจขัด ชักกระตุก กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหมดสติ อย่างไรก็ดี ถ้าได้รับสารพิษในปริมาณมากจากการกินพืชมีพิษดิบ ๆ หรือพืชที่ผ่านการปรุงไม่ถูกวิธี ก็อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ถ้าอย่างนั้น เราลองมาดูกันดีกว่าว่าเรามีโอกาสเจอไซยาไนด์จากที่ไหนบ้าง
จากพืชและอาหารบางชนิด
ธรรมชาติของพืชบางชนิดจะมีสารประกอบที่เรียกว่า ไซยาโนไกลโคไซด์ (Cyanogenic Glycosides) ซึ่งสามารถสลายตัวและปลดปล่อยไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) ออกมาได้เมื่อถูกย่อยหรือบดขยี้ในร่างกาย ตัวอย่างพืชและอาหารที่พบสารประกอบชนิดนี้ เช่น
เมล็ดของผลไม้ตระกูล Prunus
สารไซยาไนด์ (ในรูปของอะมิกดาลิน) จะพบมากใน “เมล็ด” และ “แกนกลาง” ของผลไม้ในตระกูลนี้ ไม่ได้อยู่ในเนื้อผลไม้ ดังนั้น การรับประทานเนื้อของผลไม้เหล่านี้ปลอดภัย ไม่มีอันตรายใด ๆ แต่ที่ต้องระวังคือเมล็ดของมัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหรือบด เมล็ด ในปริมาณมาก (หากกินโดยบังเอิญแบบไม่เคี้ยวในปริมาณเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร) ฉะนั้น ควรระมัดระวังการเคี้ยวโดน “เมล็ด” ของผลไม้เหล่านี้
- เมล็ดแอปริคอต
- เมล็ดลูกท้อ/ลูกพีช
- เมล็ดแพร์
- เมล็ดแอปเปิล
- เมล็ดเชอร์รี
- เมล็ดพลัม
- เมล็ดบ๊วย
- อัลมอนด์ขม (Bitter Almonds) มีปริมาณไซยาไนด์สูงกว่าอัลมอนด์หวานที่วางขายทั่วไปมาก
มันสำปะหลัง
เป็นอาหารที่คนไทยต้องระวังมากที่สุด โดยเฉพาะมันสำปะหลังพันธุ์ขมสารพิษจะเข้มข้นมาก ห้ามกินดิบเด็ดขาด เนื่องจากพบสารไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ค่อนข้างสูง บริเวณที่พบมากที่สุดคือในส่วนหัว แกนกลาง เปลือก รวมถึงใบอ่อนของมันสำปะหลังดิบ ต้องแช่น้ำ ล้าง ปอกเปลือก บด และปรุงสุก (ต้ม/เผา) ด้วยความร้อนสูงและนานพอ ความร้อนจะช่วยทำลายพิษไซยาไนด์ไปจนเกือบหมด
หน่อไม้
ในหน่อไม้มีสารไซยาไนด์ตามธรรมชาติเช่นกัน โดยเฉพาะในหน่อไม้สดและหน่อไม้ที่มีรสขมจะมีไซยาไนด์สูง ต้องนำไปต้มในน้ำเดือดนานพอสมควร โดยควรเปิดฝาหม้อขณะต้ม เพื่อให้ก๊าซพิษระเหยออกไป
ถั่วและธัญพืชบางชนิด
ถั่วบางชนิด อย่างถั่วลิมา (Lima Beans) โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีสีเข้มหรือมีจุดสี จะมีปริมาณไซยาโนไกลโคไซด์สูงกว่า ควรนำเมล็ดถั่วไปแช่น้ำค้างคืนและต้มจนสุกนิ่มก่อนนำมาประกอบอาหารเสมอ นอกจากนี้ ธัญพืชอย่างเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) มีสารไซยาโนเจนิกไกลโคไซด์ในระดับหนึ่ง แต่การบริโภคในปริมาณน้อยหรือการนำไปปรุงสุกก่อนจะลดความเสี่ยงลงได้มาก
จากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ (พบในรูปก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ – HCN)
ไซยาไนด์สามารถเกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้สารอินทรีย์บางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ โดยควันจากไฟไหม้อาคารบ้านเรือนและอุตสาหกรรมเป็นแหล่งที่อันตรายที่สุด เพราะปริมาณของ HCN จะสูงอีกทั้งยังสูดดมได้ทันที นอกจากนี้ ให้ระวังควันไฟจากการเผาไหม้พลาสติก สิ่งทอสังเคราะห์ ยาง โฟม เฟอร์นิเจอร์ เช่น โพลียูรีเทน อครีโลไนไตรล์ ไนลอน เมื่อวัตถุเหล่านี้ไหม้ไฟ จะสามารถปล่อย HCN ได้ นอกจากนี้ยังพบในควันบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า (ไอระเหยอาจมีสารประกอบไนไตรล์บางชนิด แม้ระดับต่ำมาก)
จากแหล่งอุตสาหกรรมเฉพาะทาง
สำหรับคนทั่วไปมักไม่ได้พบเจอได้ง่าย ๆ เว้นแต่กรณีที่อยู่ใกล้พื้นที่อุตสาหกรรมหรือเกิดอุบัติเหตุ ส่วนแหล่งอุตสาหกรรมที่มักพบไซยาไนด์ก็อย่างเช่น
- อุตสาหกรรมโลหะวิทยา ใช้ในการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า การทำความสะอาดโลหะ อุตสาหกรรมทำเหมืองทองหรือแร่บางชนิด ใช้ในการสกัดทองคำและเงินจากสินแร่
- การผลิตพลาสติกและกาวบางชนิด ใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ยางสังเคราะห์
- ยาฆ่าแมลงบางชนิด การกำจัดศัตรูพืชในอดีตเคยใช้สารรมควันที่มีไซยาไนด์ แต่ปัจจุบันมีการใช้งานลดลงมากและอยู่ภายใต้ข้อกำกับเข้มงวด





























