เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เปลี่ยนปฏิทินมาเป็นปี 2567 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ถ้าคุณผู้อ่านได้ขับรถเข้าไปแถวเกาะรัตนโกสินทร์ น่าจะเห็นความคึกคักของคนไทยและนักท่องเที่ยว ในการทำบุญไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่โดยรอบพื้นที่ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้น ที่หลายคนอยากได้กำลังใจและเสริมสร้างศรัทธาเพื่อก้าวต่อไปในอีกสามร้อยกว่าวันข้างหน้า
พอพูดถึงเรื่องในอนาคต ก็ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง กังฟูแพนด้า ที่ผู้เขียนกลับมาชมอีกครั้งผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้มีตัวเอก คือเจ้าหมีแพนด้าโป ที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนักรบมังกร เป็นแอนิเมชันจาก ดรีมส์เวิกส์ ที่ไม่เพียงจะสร้างเสียงหัวเราะ แต่ยังแฝงไว้ด้วยคำคมที่สามารถสะกดคนนั่งดูได้ทุกครั้งไป
ในช่วงที่เจ้าหมีแพนด้าโป พยายามจะทำให้คนในสำนักรวมไปถึงอาจารย์ผู้ฝึกสอนยอมรับในฝีมือ เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสู้ไปท้อไป จนวันหนึ่งเจ้าแพนด้าโป ที่กังวลว่าผู้คนรอบข้างจะคิดอย่างไรกับตนเอง กังวลว่าจะได้มีโอกาสเป็นนักรบมังกรไหม ซึ่งล้วนแต่เป็นการกังวลต่อสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ ยิ่งกังวลมากก็ยิ่งคิดมาก กลายเป็นความกลัว จนทำให้เจ้าโปคิดจะเลิกล้มเส้นทางการเป็นนักรบมังกร
แต่อาจารย์อูเกว ซึ่งเรียกว่าเป็นอาจารย์เหนืออาจารย์ทั้งปวง ใช้หนึ่งประโยคในการทำให้แพนด้าโปฉุกคิด อาจารย์อูเกว กล่าวกับแพนด้าโปว่า “เจ้าคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วและสิ่งที่ยังไม่มาถึงมากเกินไป จงจำไว้ว่าอดีตคือประวัติศาสตร์มันได้ผ่านไปแล้ว อนาคตคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น หากปัจจุบันคือของขวัญที่เรายังมีโอกาสได้ลงมือทำ นั่นเลยทำให้คำว่าปัจจุบันหรือ Present มีความหมายอีกอย่างว่า ของขวัญ”
สิ่งที่อาจารย์อูเกวพูดกับแพนด้าโป ก็เหมือนพูดกับพวกเราทุกคนนะคะ เพราะเราต่างกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และ มักสร้างความทุกข์ด้วยการจมจ่อมอยู่กับอดีต เราต่างเพิกเฉยกับปัจจุบัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ความสุข นั้นเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณเลือก และความสุขกับสถานภาพในปัจจุบัน คือสิ่งที่ดีที่สุด
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าชีวิตก็เหมือนการขับรถบนท้องถนน วันหนึ่งคุณขับรถเข้าไปในถนนที่รถติดอยู่แสนสาหัส แน่นอนว่าในระหว่างที่ต้องติดอยู่ในรถกว่า 20 นาที คุณจะหงุดหงิดและมีความเครียดเพิ่มขึ้น “คุณจะคิดว่าถ้าออกให้เร็วกว่านี้คงไม่ต้องเจอรถติด” แต่คุณได้ออกจากบ้าน มาอยู่บนท้องถนนเป็นที่เรียบร้อย เพราะอดีตเป็นสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
แต่ถ้าคุณภาวนาให้การจราจรกลับมาเป็นปกติ ก็คงจะเป็นเรื่องยาก ที่จะปรับเปลี่ยนสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นและเป็นอนาคต ดังนั้น คุณต้องอยู่กับปัจจุบัน และเลือกที่จะมีความสุขด้วยตนเอง ด้วยการฟังเพลงและหาความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบันของคุณ
ดังนั้น การอยู่กับปัจจุบัน นับเป็น “ของขวัญ” ที่จะทำให้เราสามารถมีความสุขในแบบของตนเอง เพราะยิ่งเรารับผิดชอบกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งสร้างความสุขให้เกิดกับตนเองได้เท่านั้น
จงมีความสุขกับปัจจุบันค่ะ เป็นความสุขในแบบฉบับที่เป็นตัวคุณ เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะคุณสร้างความสุขด้วยตัวของคุณเอง
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ