ช่วงนี้ดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องไหนจะแย่งพื้นที่สื่อไปได้มากกว่าเรื่องราวทางการเมือง ที่หลายคนจับตาดูว่าจะลงเอยกันอย่างไรกับการจัดตั้งรัฐบาล ที่นิด้าโพลรายงานตัวเลขเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าประชาชนกว่า 37.10 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ทำให้สังคมแตกแยก
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกอกตกใจอะไร เพราะในสังคมที่รวมเอาปลาหลายน้ำมาอยู่ด้วยกัน คงเป็นเรื่องยากที่จะให้ทุกคนคิดเหมือนกัน และเอาเข้าจริงความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เราเห็นกันอยู่นั้น เป็นเพียงภาพที่เห็นผ่านสื่อ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในใจของนักการเมืองแต่ละคนนั้น แท้จริงแล้วคิดเช่นไร
สถานการณ์แบบนี้ ผู้เขียนเลยกลับไปพลิกหนังสือสามก๊ก ฉบับคุณวินทร์ เลียววาริณ ที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ย้อนไปอ่านตอนที่มีชื่อว่า “สองหัว” ซึ่งเล่าเรื่อง “ลิอิ๋น” ขุนนางที่ปรึกษาของ “เล่าเจี้ยง” เจ้าเมืองเสฉวน ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาใกล้จะสูญสิ้นอำนาจ เพราะฝ่ายเล่าปี่และขงเบ้งกำลังรุกคืบเข้ามายึดเมือง
ลิอิ๋นพยายามเกลี้ยกล่อมให้ “เล่าเจี้ยง” ยอมจำนนต่อทัพของเล่าปี่และขงเบ้ง แต่เล่าเจี้ยงไม่ยอม กลับบอกให้ ลิอิ๋น ไปเจรจากับเตียวฬ่อให้ส่งทัพมาช่วย เตียวฬ่อที่ยอมทำทุกอย่างหากได้ผลประโยชน์ตอบแทนที่น่าพอใจ และในครั้งนี้ เตียวฬ่อ ได้รับข้อเสนอเป็นการยกหัวเมืองที่ขึ้นกับเสฉวน เตียวฬ่อ จึงส่งกองทัพที่นำโดย “ม้าเฉียว” มาช่วย
ในสายตาของ “ลิอิ๋น” ซึ่งมีสถานะเป็นขุนนางที่ปรึกษานั้น เขาไม่ต้องการให้ชาวเสฉวน และบ้านเมืองอันเป็นที่รักต้องย่อยยับเพราะสงครามที่สามารถเจรจาได้ ลิอิ๋นจึงกลายเป็นนกสองหัวที่ใช้แผน “ศัตรูของศัตรูคือมิตร” ในการเกลี้ยกล่อมให้ “ม้าเฉียว” เอาใจออกห่าง “เตียวฬ่อ” และแปรพักตร์มาอยู่กับ “เล่าปี่”
เพราะ “ลิอิ๋น” รู้ดีว่า “ม้าเฉียว” มีความแค้นเป็นอย่างมากต่อ “โจโฉ” เมื่อครั้งที่ “ม้าเท้ง” บิดาของ “ม้าเฉียว” ถูกโจโฉหลอกไปฆ่า เพราะรู้มาว่า “ม้าเท้ง” อยู่ในกลุ่มขุนนางที่เตรียมแผนจะกำจัดตน ม้าเฉียวนั้นเมื่อต้องลงสนามรบพบกับโจโฉ จะเป็นการต่อสู้ด้วยความแค้น ทำให้หลายครั้งที่โจโฉเพลี่ยงพล้ำ ซึ่ง “ลิอิ๋น” รู้เรื่องนี้ดีและใช้เรื่องดังกล่าวในการเกลี้ยกล่อมให้ “ม้าเฉียว” ยอมสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มของเล่าปี่ และลิอิ๋นทำได้สำเร็จ
เมื่อ “ม้าเฉียว” พลิกขั้วมายืนอยู่ข้างเดียวกับเล่าปี่และข้งเบ้ง ทำให้เจ้าเมืองเสฉวน “เล่าเจี้ยง” ต้องยอมจำนน และ เปิดประตูเมืองให้เล่าปี่และกองทัพของจ๊กก๊กเข้าเมือง ขณะที่ลิอิ๋นซึ่งอยู่ในสถานะของนกสองหัว เพราะเอาใจออกห่างเจ้านายเก่าตั้งแต่ยังไม่เปิดประตูเมืองไปเจรจากับเล่าปี่ พร้อมยื่นข้อเสนอที่จะเกลี้ยกล่อมให้ “ม้าเฉียว” มาเป็นพวก ผลงานเหล่านี้ทำให้เสฉวนไม่บอบช้ำจากการทำศึกและผู้คนเดือดร้อนล้มตาย หาก “ลิอิ๋น” รู้ดีว่านี่คือเกมการเมือง การรักษาบ้านเมืองไม่ให้บอบช้ำเพื่อคนรุ่นหลังนั้นสำคัญกว่า
สำหรับคนในวัยผู้เขียน เรื่องที่เราได้เห็นกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากเป็นเพียง มหรสพทางการเมือง หมุนเวียนมาให้เห็นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง คนอย่างเล่าปี่ โจโฉ ขงเบ้ง ไปจนถึงลิอิ๋น เล่าเจี้ยง หรือม้าเฉียว มีให้เห็นมาทุกยุคทุกสมัย และในทุกยุคทุกสมัย “ประชาชน” มักถูกใช้เป็น “เบี้ย” บนกระดานการเมือง ในขณะที่ตัวละครหลักยังคงเวียนว่ายอยู่ในวงโคจรอำนาจ
…เช่นนี้แล้วจะแปลกใจอะไรกัน เช่นนี้แล้วจะอินไปทำไมกัน เช่นนี้แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะแย่กว่านี้ก็เคยมีมาแล้ว
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ