23:23 สัญญา สัญญาณ ความรีเมกเป็นไทยนี้ เฮ้ย! เป๊ะปังนะ

ภาพจาก True CJ Creations

ตลอดเวลาเกือบ 3 ปีที่เขียนถึงประเด็นต่าง ๆ ในซีรีส์อันสามารถหยิบมาโยงใยกับชีวิตประจำวันได้ ลงในชะนีติดซีรีส์ หนึ่งในซีรีส์เกาหลีที่อยากจะเอ่ยถึงมากที่สุดในคอลัมน์นี้ คือซีรีส์เรื่อง “Signal สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา” (ปัจจุบันหาดูได้ที่ Netflix ส่วนเจ้าอื่น ๆ ไม่แน่ใจ) ซึ่งนำแสดงโดยคุณแม่ “คิมฮเยซู” (Juvenile Justice, Under The Queen’s Umbrella) อปป้า “อีเจฮุน” (Taxi Driver, Move to Heaven) และคุณ “โจจินอุง” ติดอยู่อย่างเดียวตรงที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์เก่าที่ออนแอร์ตั้งแต่ปี 2016 หรือกว่า 7 ปีแล้ว สมัยนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลยล่ะ และใครที่ตามอ่านอยู่ก็จะรู้ว่าคอลัมน์นี้จะเขียนถึงเฉพาะซีรีส์ที่ปัจจุบัน

ทำไมถึงอยากเขียนถึงซีรีส์เรื่อง Signal ล่ะ? บอกเลยว่ามันเป็นความชอบและความประทับใจส่วนตัว ถึงอย่างนั้นก็ค่อนข้างเชื่อว่ามีคอซีรีส์หลายคนที่รู้สึกเหมือนกัน ที่อยากอวยยศให้ซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นหิ้งเป็นสุดยอดซีรีย์สืบสวนสอบสวนของเกาหลีใต้อีกเรื่อง ความสนุกเต็มสิบไม่หักสักแต้ม พล็อตเรื่องยอดเยี่ยม ใด ๆ คือคดีที่ใช้เล่าในซีรีส์หลาย ๆ คดีก็เป็นคดีที่เคยเกิดขึ้นจริงในเกาหลีใต้ ความดีงามเหล่านี้มีแค่คนที่เคยดูแล้วเท่านั้นที่จะรู้ รู้ว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าเกาหลีจะทำซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนอีกกี่เรื่อง ก็มูฟออนจากเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ

และแล้วความปรารถนาดังกล่าวก็ได้บังเกิดแก่คอลัมน์นี้ เพราะในปี 2023 หรือ 7 ปีให้หลังการออนแอร์ซีรีส์เรื่อง Signal เวอร์ชันเกาหลี Signal ได้ถูกนำมารีเมกเป็นเวอร์ชันไทย โดยค่าย True CJ Creations โดยใช้ชื่อเรื่องว่า 23:23 สัญญา สัญญาณ และจะนำขึ้นสตรีมที่แอปฯ TrueID ที่เดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นออรินัลคอนเทนต์ของทรู ซึ่งปกติแล้วเวลาที่ไทยจะเอาซีรีส์ปัง ๆ ของชาติอื่นมารีเมก สิ่งแรกที่คนมักจะใช้นำมาตัดสินก่อนเลย ก็คือการแคสต์นักแสดงมารับบทนำของเรื่อง ถ้าแคสต์บ้ง คนก็จะเริ่มวิจารณ์ก่อนที่จะดู แต่ถ้าแคสต์ปัง คนจะรอดูก่อนว่านักแสดงเอาอยู่ไหม บทดัดแปลงเป็นของไทยแล้วพังไหม ถ้าผ่าน เรื่องนั้นก็ปัง

ภาพจาก True CJ Creations

สำหรับ 23:23 สัญญา สัญญาณ หรือ Signal เวอร์ชันไทย เท่าที่เห็นคอมเมนต์ตามโซเชียลมีเดีย มีแต่คนชมว่าแคสต์นักแสดงนำได้ปังมาก คือค่อนข้างเก็บรายละเอียดจากเกาหลีได้เป๊ะทีเดียว โดยบทของสายสืบชาซูฮยอนที่แม่คิมฮเยซูเล่นไว้ ได้ “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” มาเล่น เธอคนนี้ไว้ใจงานแสดงได้อยู่แล้ว ผลงานของเธอไม่เคยทำให้คนดูผิดหวังมาแต่ไหนแต่ไร บทของโปรไฟล์เลอร์พัคแฮยองที่อปป้าอีเจฮุนเล่นไว้ “นนกุล ชานน สันตินธรกุล” ก็ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ผิดเพี้ยน บอกตรง ๆ ว่าเคยคิดเล่น ๆ ตอนที่ได้ดูเวอร์ชันเกาหลี ว่าถ้ารีเมกเวอร์ชันไทย บทนี้คือเห็นเงานนกุลซ้อนทับอยู่จริง ๆ ส่วนบทของสายสืบลึกลับอีแจฮัน “ชาคริต แย้มนาม” ก็เอาอยู่แบบไม่มีข้อกังขา

ก่อนหน้านี้เหมือนทรูตั้งใจจะเอาซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นสตรีมในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็เลื่อนมาสตรีมตอนแรกเมื่อ 20 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ชัวร์ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับที่ชื่อเรื่องเป็นตัวเลข 23:23 ด้วยไหมถึงตั้งใจเอามาลงในปี 2023 และเลือกวันที่ใกล้ ๆ กับวันที่ 23 ด้วย (ติดแค่วันที่ 23 เป็นวันจันทร์ แต่เรื่องนี้ลงสตรีมวันศุกร์-เสาร์) ซึ่งถ้าใช่ ก็พูดเลยว่าความคิดดีไม่ใช่เล่น แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่รู้แล้วล่ะ (โว้ย)

23:23 สัญญา สัญญาณ หรือ Signal เวอร์ชันไทย เป็นเรื่องราวการติดต่อกันของนายตำรวจ 2 คนผ่านวิทยุสื่อสาร ที่มักจะมีสัญญาณขึ้นมาในเวลา 23.23 น. ตำรวจทั้ง 2 ทำงานในคดีเดียวกันแต่อยู่กันคนละช่วงเวลา คนหนึ่งอยู่ในปัจจุบัน และคนหนึ่งอยู่ในอดีต พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันไขคดีค้างต่าง ๆ ที่เคยแก้ไขไม่ได้ในอดีตและในปัจจุบันก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า “ถ้าอดีตเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันก็จะเปลี่ยนไป” ระหว่างนั้นก็มีเรื่องราวความสัมพันธ์ของตำรวจทั้ง 3 คนด้วย เรื่องราวส่วนตัวของแต่ละคน นำพาให้พวกเขามีชะตาบางอย่างร่วมกัน

ที่มันมีเพจ Under Table แบบนี้ขึ้นมาเนี่ย ไม่ใช่เพราะว่าตำรวจแบบพวกคุณทำเป็นมองไม่เห็นเหรอครับ?

ภาพจาก True CJ Creations

อยากจะกราบความสรรหานักแสดงที่มาเล่นบทตำรวจทั้งหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเวอร์ชันไทยหรือเกาหลี ก็หามาได้เป๊ะปังเรื่องยียวนกวนบาทา งานการทำเท่าที่ตัวเองจะก้าวหน้าได้ นอกนั้นขอเลียพวกยศใหญ่ ๆ เอาก็พอ สำหรับเวอร์ชันเกาหลีที่เป็นต้นฉบับ การเฟ้นหานักแสดงมารับบทตำรวจจอมชุ่ยไม่เอาอ่าว ทำงานสะเพร่า คนร้ายก็จับไม่ได้ เข้าใจได้นะว่าเขาเองก็ต้องการจะตีแผ่กฎหมายและการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้านเขา แต่พอมาเห็นนักแสดงเวอร์ชันไทย คือแบบคัดลอก-วางมาเลยอะแก เป๊ะมาก แถมยังทำให้เห็นอะไรบางอย่างที่มันค่อนข้างจะอิงจากข้อเท็จจริงของวงการตำรวจบ้านเราได้ด้วยเหมือนกัน มันก็เลยทำให้การดูเวอร์ชันไทยมีอารมณ์ร่วมตามได้ไม่ยาก

เพราะการแคสต์นักแสดงมาได้แบบคือสุด ๆ บวกด้วยความสามารถทางการแสดงของนักแสดงเอง ทำให้เวลาที่เราได้ดูพาร์ทการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีต่าง ๆ เราจะรู้สึกอินตามหนักมาก หัวร้อน หงุดหงิด ยิ่งดูก็ยิ่งโกรธแค้น ดูไปด่าไป พ่นคำผรุสวาทแบบที่ลืมไปเลยว่านั่นเป็นละคร ไม่ว่าจะเวอร์ชันเกาหลีหรือไทย ตำรวจก็ทำงานได้ส้นxx ไม่ต่างกันเลย ความมั่นหน้า ความปากดี ความทำงานเอาหน้า ความเลียแข้งเลียขาเจ้านาย ความทำงานชุ่ย ๆ กินภาษีประชาชนไปวัน ๆ โอ้โห! เป๊ะมาก ไม่ได้หมายถึงเป๊ะกับเรื่องจริงนะ หมายถึงคัดลอกคาแรคเตอร์ของตัวละครต้นฉบับที่เป็นตำรวจเกาหลีมาเป๊ะมากต่างหาก หุหุ

ภาพจาก True CJ Creations

เปิดเรื่องมา ตัวละครนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่นนกุลเล่นก็ท็อปฟอร์มไม่ต่างจากเวอร์ชันเกาหลีเลย มีความปากแซ๋บจัดหนักจัดเต็มในการด่าและวิจารณ์การทำงานองค์กรตำรวจ เพื่อนร่วมอาชีพได้สุดซอยมาก (ทั้งที่ตัวเองก็มียศเป็นตำรวจ) ซึ่งถ้าเคยดูเวอร์ชันเกาหลีก็จะรู้ว่าทำไมตัวละครที่เกลียดตำรวจมากถึงกลายมาเป็นตำรวจในที่สุด คือชอบนะที่พอเอามารีเมกเป็นเวอร์ชันไทยแล้วสามารถใส่จุดนี้เข้าไปได้ด้วย แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะมีหน่วยงานไหนที่อ่อนไหวรับไม่ได้ และต้องออกมาเรียกร้องความไม่เป็นธรรมหรือเปล่า ก็นะถูกพูดถึงในทางเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้

จะบอกว่ามีประโยคเด็ดที่ใช้ในการด่าตำรวจอยู่ค่อนข้างเยอะทีเดียวในซีรีส์เรื่องนี้เวอร์ชันเกาหลี ก็ได้แต่หวังว่าซีรีส์จะได้ฉายไปจนจบ ไม่มีใครมาร้องแรกแหกกระเชอ แสดงความกระจองอแงว่าไม่จริ้งไม่จริง! อย่ามาทำให้องค์กรของเราเสียหายด้วยการใส่บทแบบนี้เข้าไปในละครให้ประชาชนดูเลยนะครับ มันสร้างความเชื่อผิด ๆ งี้ เอาดี ๆ นะ ผู้สร้างเขาก็รอบคอบดี ที่อุตส่าห์ใส่ข้อความว่า “ตัวละคร สถานที่ องค์กร ศาสนา เหตุการณ์ และกลุ่มต่าง ๆ ในซีรีส์เป็นเรื่องสมมติ” ก็ถ้ามันไม่จริงก็ไม่ต้องดิ้นกับเรื่องสมมติ ไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี คนดูหลายคนเขามีวิจารณญาณแหละ

แล้วพี่จะกลับมาคุยกับเรา ขอให้ทุกอย่างมันจบก่อน

เป็นปกตินะ ที่ในซีรีส์ที่ตีแผ่การทำงานของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ จะมีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี (จริง ๆ อยากใช้คำอื่นที่มีความหมายว่าไม่ดี แต่กลัวจะแรงไป) มันมีจริง ๆ แหละ คนที่ตั้งใจพลีชีพตัวเองเพื่อการทำงาน โดยเฉพาะองค์กรที่เรียกตัวเองว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” องค์กรที่มันไม่ควรจริง ๆ ที่จะมีคนไม่ดี คนที่ทำให้คนดี ๆ เขาต้องแปดเปื้อน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ก็คือ คนดี ๆ ในองค์กรเหล่านี้มักจะอายุไม่ค่อยยืนเท่าไร อาจด้วยความเป็นคนดีนั่นแหละที่ขวางทางเจริญของคนอื่น ไม่โดนเล่นงานจนไม่มีที่ยืนก็ถูกสั่งเก็บ นี่อ้างอิงจากในซีรีส์นะคะ ซีรีส์จริง ๆ

ภาพจาก True CJ Creations

สำหรับคนที่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่เคยทำอะไรนอกรีต และพยายามที่จะจัดการกับพวกคนเลวจริง ๆ จากใจประชาชนคนหนึ่ง คุณคือคนที่น่านับถือมาก ทว่าก็อย่างที่บอก คนดี ๆ ทำงานแบบนี้ไม่ค่อยอายุยืนเท่าไรนัก บางทีการออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ ดันเป็นการออกจากบ้านไปตลอดกาล ออกไปแล้วไม่ได้กลับเข้ามาอีก สิ่งที่เคยพูดไว้กับคนข้างหลัง คำสัญญาว่า “เดี๋ยวจะกลับมา” กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าเขาออกไปเดี๋ยวเขาก็กลับมาอย่างทุกวัน ไม่มีใครคิดหรอกว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกัน

“แค่ออกไปทำงาน” มันคือสิ่งสุดท้ายที่ครอบครัวทุกครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับรับรู้ในช่วงเวลานั้น บางทีคนสองคนอาจมีเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีมันก็คือสิ่งที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะ การออกไปสะสางหน้าที่ของตัวเองให้จบ แล้วบอกคนข้างหลังว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน ให้อะไร ๆ มันจบก่อน แต่แล้วก็ไม่ได้กลับมาคุยกัน คนรอก็รอไป ส่วนคนสัญญาก็ไม่ได้อยากจะผิดคำสัญญา มันเป็นเรื่องเกินความคาดหมายจริง ๆ

ดูเหมือนว่าคู่ของตำรวจในเวอร์ชันไทย จะค่อนข้างมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและชัดเจนกว่าของเวอร์ชันเกาหลี ฉากที่เป็นการพูดคุยกันครั้งสุดท้ายในอดีต ก่อนที่นายตำรวจตงฉินจะหายตัวไปอย่างลึกลับ สร้างความเจ็บปวดให้กับนายตำรวจหญิงมายาวนานกว่า 20 ปี ด้วยคำสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ว่า “แล้วพี่จะกลับมาคุยกับเรา” พวกเขามีเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องสะสาง แต่ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้พวกเขาไม่ได้คุยกันในวันนั้น แล้วก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีกเลยตลอดกาล

ภาพจาก True CJ Creations

ไม่มีใครรู้เลยว่าครั้งสุดท้ายมันจะเกิดขึ้นตอนไหน และก่อนที่ครั้งสุดท้ายจะมาเยือนก็ไม่เคยมีสัญญาณเตือน ผู้คนจำนวนมากเลยต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับการที่ไม่ได้ทันได้ร่ำลาคนที่ตัวเองรัก ที่จากไปอย่างไม่บอกกล่าวกันก่อน คนที่จากไปก่อนก็แย่ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ทรมาน คำว่า “รู้งี้ ฉันน่าจะ” ฉายขึ้นซ้ำ ๆ ในหัว ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ก็คงไม่มีใครรีรอ คงทำตามความต้องการของตัวเองไปแล้ว ถ้ารู้ว่าในที่สุดตนเองจะไม่มีโอกาสอีก จริง ๆ ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิดนะ จะทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่ต้องรอ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะต้องรอตลอดไป ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

มันฆ่าลูกฉันใช่ไหม แล้วทำไมมันไม่ได้รับโทษที่มันทำกับลูกฉัน

เรื่องราวในซีรีส์ มันช่างประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเสียนี่กระไร ทั้ง ๆ ที่ซีรีส์ต้นฉบับเนี่ยมันผ่านมา 7 ปีแล้วนะ แถมยังเป็นเรื่องแต่งบ้างเรื่องจริงบ้างคละเคล้ากันไป แล้วไทยเราก็แค่นำกลับมาสร้างใหม่เท่านั้น แต่เหตุการณ์ในซีรีส์มันก็ยังคงสะท้อนเรื่องราวที่แท้จริงของสังคมได้เสมอ ทำไมคนทำผิดถึงไม่ค่อยจะได้รับโทษของตัวเองเท่าไรนัก พรากชีวิตคนอื่นไป ทำให้ครอบครัวอื่น ๆ เขาต้องสูญเสียคนที่เขารักไปก่อนวัยอันควร แต่คนพวกนี้ยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย รอดคุก ชีวิตได้ดิบได้ดี เชิดหน้าชูตาอยู่ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮ้อ! โลกแตกได้ยังวะเนี่ย!

ภาพจาก True CJ Creations

ไม่ว่าจะสังคมไหน ถ้ามีเงินก็รอดแหละเอาดี ๆ กฎหมายเอื้อประโยชน์อยู่แล้ว สามารถขอยื่นประกันตัวด้วยวงเงินมหาศาลออกมาสู้คดี แล้วระหว่างนั้นก็ใช้ชีวิตรวย ๆ สวย ๆ เลิศ ๆ เจอเพื่อนฝูง กินอาหารฟูลคอร์ส นอนเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้าน เฉิดฉายในสังคมได้เหมือนเดิม และก็น่าจะเป็นเงินอีกเหมือนกันนั่นแหละที่ทำให้คนพวกนี้รอดคดียาว มักจะจบด้วยการรอลงอาญา ไม่ต้องก้าวขาเข้าคุกให้เสียเกียรติแม้แต่เงา หรือบางทีอาจได้หนีออกนอกประเทศก่อนที่ตำรวจจะรู้ว่าเกิดคดีด้วยซ้ำ หรืออีกสารพัดวิธีที่จะรอดได้ แต่ถ้าเป็นคนจนทำผิดแบบเดียวกัน ไม่มีทางทำแบบนั้นได้นะคะ ในเมื่อไม่มีวงเงินประกันตัวก็นอนคุกไปค่ะ ถูกยันเข้าคุกไปตั้งแต่วันแรกที่ทำผิดนั่นแหละ

ณ เวลานี้ ที่สังคมกำลังเดือดก็น่าจะเป็นเรื่องประมาณ “มันฆ่าลูกฉันใช่ไหม แล้วทำไมมันไม่ได้รับโทษที่มันทำกับลูกฉัน” เนี่ยแหละ นักฟุตบอลเมาขับรถชนคนตาย ยังเล่นบอลต่อได้ไม่ผิดกฎ ตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ชนหมอตาย ติดคุกเบา ๆ ยื่นอุทธรณ์ได้ ไฮโซลูกหลานนักธุรกิจตระกูลดังขับรถชนตำรวจตาย เสวยสุขเก๋ ๆ อยู่ต่างประเทศ เด็กอายุ 16 ไม่มีใบขับขี่ ขับรถฝ่าไฟแดงชนวิศวกรตาย ไม่ติดคุกแต่ติดเป็นนักกีฬาทีมชาติ! เข้าใจหรือยังว่าทำไมดิฉันถึงอยากให้โลกแตกเสียที เพราะถ้าโลกแตกก็คงได้ตายกันหมดทั้งโลก คนพวกนี้ก็ไม่รอด

นี่แหละ ความยุติธรรมมันไม่มีอยู่จริงในโลกของความเป็นจริงหรอก มันมีอยู่แค่ในอุดมคติเท่านั้น ความเป็นจริงที่น่าหดหู่และยากที่จะปฏิเสธนี้ ต่อให้พยายามจะแก้ไขมันแค่ไหนก็คงไม่มีใครทำได้ และดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่กันไปในสังคมแบบนี้แหละจนกว่าเราจะตายจากโลกนี้ไป มันไม่น่าจะดีขึ้นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ไม่น่าแปลกใจนะที่ปัญหาสังคมลักษณะนี้ทำให้คนรุ่นใหม่ ๆ ไม่อยากจะมีลูกกัน ใคร ๆ ก็รักลูกห่วงหลานทั้งนั้น ใครจะอยากให้ลูกหลานตัวเองต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้ล่ะ ลำพังแค่ดูแลชีวิตตัวเองให้ไม่ตายอย่างหมาข้างถนนเหมือนหลาย ๆ กรณีก็รากเลือดแล้วล่ะ ถ้าคุณต้องตายด้วยน้ำมือคนอื่น แต่คนพวกนั้นไม่ได้รับโทษ คุณจะต่างอะไรกับสัตว์จรข้างถนนล่ะ?

ภาพจาก True CJ Creations

โดยรวมแล้ว พูดได้เลยว่าซีรีส์รีเมกเรื่อง 23:23 สัญญา สัญญาณ ทำออกมาได้ดีทีเดียว รายละเอียดต่าง ๆ ไม่ได้ถอดมาเหมือนกับต้นฉบับเป๊ะ ๆ แต่ฉากสำคัญและคดีต่าง ๆ ยังรักษาไว้ครบ โดยมีการดัดแปลงให้มันเป็นไทย ๆ มันจึงได้อารมณ์มากกว่าตรงที่มันรู้สึกใกล้ตัวเรามากขึ้น รู้สึกหลอนและน่ากลัวกว่าด้วยซ้ำตรงที่มันเรียลมาก ไม่ได้เบลอศพหรือแพลนกล้องหนี (แต่มันคือละครนะ) เห็นจะ ๆ ขนาดนั้นใครกลัวต้องกดข้ามเอา ส่วนที่ปรับเปลี่ยนก็ทำได้เป็นธรรมชาติดี กังวลอยู่นิด ๆ ว่าไทยจะบิดคดีที่เหลือยังไง เพราะเกาหลีเขามีส่วนที่สร้างมาจากคดีจริงด้วย

สำหรับใครที่คิดไปก่อนว่ามันจะไม่ดี (ทั้งที่ยังไม่ได้ดู) ก็อยากให้ลองเปิดใจลองดูสักตอนก่อนก็ได้ ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้จริง ๆ ก็ค่อยปิด ส่วนใครที่ติดใจตรงที่กลัวจะดูไม่สนุกเพราะรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว ก็อาจอยู่ที่ว่าจะข้ามเส้นตรงนั้นได้ไหม เรื่องนี้ว่าไม่ได้จริง ๆ แม้ว่ามันอาจจะไม่ค่อยลุ้นเท่าไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าแต่ละคดีใครคือคนร้าย และรายละเอียดของคดีต่าง ๆ ก็จำได้หมด เพราะเวอร์ชันเกาหลีไม่ได้ดูแค่รอบเดียว แต่มันให้คนละอารมณ์จริง ๆ นะ พอเรื่องมันถูฏเล่าในกรอบและกลิ่นอายแบบไทย ๆ เนี่ย มันรู้สึกใกล้ตัวขึ้นเยอะเลย 🔎👣⏯