
ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงนั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นความสัมพันธ์ในแบบที่ทั้งสองฝ่ายได้มีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้กัน ปรับเปลี่ยนกันไปเพื่อให้ความสัมพันธ์มันยั่งยืน แล้วถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์แบบที่เรารู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่ยั่งยืนน่ะสิ! ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ความสัมพันธ์แบบที่เรารู้จักเขาฝ่ายเดียวน่ะ บางทีเขาอาจจะรู้จักเราก็ได้นะ คงจะไม่ได้รู้จักชื่อ แต่รู้จักในฐานะ “แฟนคลับ” เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่เป็น “แฟนคลับ” น่ะ
การเริ่มต้นพูดถึงซีรีส์ในวันนี้อาจจะเป็นการแสดงตัวชัดเจนว่าเราเป็นเองก็เป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้ในตัวดาราหรือศิลปินเมน เรื่องราวระหว่างดารา/ศิลปินกับแฟนคลับดูจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระสำหรับคนหลายคน ประมาณว่าจะเอาเงินไปทิ้งให้คนที่รวยกว่าตัวเองทำไม เขาไม่ได้มาให้ข้าวให้น้ำคอยส่งเสียเลี้ยงดูเสียหน่อย หรือประมาณว่าเอาแต่บ้าผู้ชาย บ้าผู้หญิง เห็นแค่ความหล่อความสวยก็คลั่งรักได้บ้าหรือเปล่าไม่เห็นจะมีอะไรดี แต่ในความเป็นจริงแฟนคลับที่คอยให้การสนับสนุนดารา/ศิลปินที่ตัวเองชอบ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป บางทีแค่เป็นกำลังให้เขา เพื่อตอบแทนความสุขทางใจที่เขาทำให้เรา มันก็เป็นอะไรเพียงพอแล้วในความสัมพันธ์ของคนดังกับแฟนคลับน่ะ

ซีรีส์ในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยความของคนดังกับแฟนคลับเหมือนกัน แต่เป็นอีกแง่มุมที่เราจะได้เห็นว่าเวลาที่คนดังเขาตั้งใจทำอะไรด้วยความจริงใจเพื่อแฟนคลับที่สนับสนุนเขา มันเป็นอะไรที่อบอุ่นและซึ้งใจมาก ใครที่กำลังคิดว่าพวกคนดังอาจสร้างภาพให้ตัวเองดูเป็นคนดี ก็อาจจะต้องกลับไปเช็กต่อมศีลธรรมความเป็นคนที่ชอบตัดสินคนอื่นโดยที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาดูบ้าง ว่าเพราะอคติหรืออิจฉาถึงมองคนอื่นในแง่ดีบ้างไม่ได้ ชื่นชมยินดีกับคนอื่นไม่เป็นเลยหรือยังไง
Fanletter, Please เป็นซีรีส์สั้นที่สร้างขึ้นจากผลงานที่ชนะการประกวดบทละครของช่อง MBC เมื่อปี 2021 มีความยาวแค่ 4 ตอนจบเท่านั้น (ตอนละ 1 ชั่วโมง) แนวฟีลกู๊ด โรแมนติก คอมเมดี ดรามา เรื่องราวของ “ฮันคังฮี” นักแสดงสาวคนดังคนหนึ่งในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ที่มีปมแพนิคจากของขวัญและจดหมายของแฟนคลับ เธอใช้ชีวิตแบบมีบาดแผลในใจนี้มาตลอดชีวิตนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเรียน และหนูน้อย “พังยูนา” แฟนคลับตัวน้อยที่ใช้ชีวิตเกินครึ่งอยู่แต่ในโรงพยาบาล เพราะเธอป่วยด้วยโรคลูคีเมีย นักแสดงสาวเป็นทุกอย่างที่ทำให้เธอสามารถต่อสู้กับการรักษาที่เจ็บปวดมาได้ รวมถึงความไม่สมบูรณ์ที่เธอไม่มีแม่ด้วย

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเด็กน้อยดันพูดเรื่องที่ดาราสาวส่งจดหมายตอบกลับแฟนคลับอย่างเธอที่เขียนถึงพี่สาวนักแสดงสุดสวย เธองงมากกับข่าวนั้นเพราะเธอไม่ได้เป็นคนเขียนจดหมายตอบกลับ เธออ่านจดหมายไม่ได้ด้วยซ้ำไป โดยคนที่เขียนจดหมายตอบกลับเด็กน้อยก็คือพ่อของเด็กเอง เขาคือ “พังจองซอก” ที่โกหกเรื่องจดหมายตอบกลับจากดาราเพื่อทำคำขอของลูกสาวให้เป็นจริง และให้เธอมีพลังในการรักษาตัวต่อไปด้วย แต่ความบังเอิญก็คือพ่อของเด็กและนักแสดงสาวเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมัธยม อีกทั้งยังเป็นรักแรกของกันและกัน ความเข้าใจผิดทำให้คนสองคนไม่ได้พบกันอีกเลยจนกระทั่งวันที่เรื่องจดหมายแฟนคลับแดงขึ้นมา
เพราะฉันรู้ดีน่ะสิ ไม่ว่าข่าวจะออกมาเป็นยังไง มันก็ไม่ถูกใจฉันอยู่ดี
ด้วยความที่นางเอกเป็นนักแสดงระดับท็อปสตาร์ของเกาหลีใต้ ในเรื่องมีคำหนึ่งที่ใช้เรียกนางเอกว่าเป็นฮันรยูสตาร์ (Hallyu Star) คือดังชนิดที่แมสมากในหมู่ประชาชน สินค้าและบริการแทบทุกอย่างจะต้องมีหน้าของนางเอกติดอยู่บนฉลากหรือการโปรโมต แต่การใช้ชีวิตแบบเป็นคนดังมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และอีกสิ่งที่นางเอกก็รู้ดีก็คือ มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด แถมยังเป็นการเกลียดกันได้ง่าย ๆ แบบไร้เหตุผลด้วย ที่สำคัญ คนที่บอกว่ารักอยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็พร้อมที่จะหันหลังให้ได้ทุกเมื่อเมื่อกัน จากแฟนคลับกลายเป็นแอนตี้แฟน นางเอกรู้เรื่องพวกนี้ดี

อีกสิ่งหนึ่งที่ถูกพ่วงมาพร้อมกับการเป็นคนดังในระดับนี้ คือมีคนอิจฉาที่คอยจะกระชากลงมาให้ตกต่ำได้ทุกเมื่อ นางเอกต้องเผชิญหน้ากับข่าวฉาวที่นักข่าวบันเทิงบางคนสามารถพยายามสรรหาข้อมูลมาเขียนให้มันมีดราม่าได้ทุกวัน ได้ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ มายังไม่ทันจะตรวจสอบความถูกต้องก็ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาก่อน ใส่สีตีไข่หย่อนเชื้อไฟลงในข่าวเท็จอย่างไร้จรรยาบรรณ และคนทั่วไปก็พร้อมที่จะเชื่อโดยไม่เอะใจ เปิดเครื่องด่าทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ นางเอกจึงตกเป็นเป้าการถูกด่าจากประชาชนแทบจะวันเว้นวัน ชนิดที่ขยับแขนขยับขาก็ผิดและเป็นเหตุให้ถูกด่าได้หมด แม้ว่าเธอจะพยายามปลง ๆ กับชีวิตแบบนี้ เพราะเธอยังไดทำงานที่ตัวเองรัก แต่เธอไม่ควรจะต้องคุ้นชินกับมัน
อันที่จริง ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแรกหรอกที่วางคาแรคเตอร์ตัวละครหลักให้เป็นนักแสดงดังในสังคมเกาหลีใต้ สังคมที่บูลลี่กันเก่งมาก รักแรงเกลียดแรง ไม่ถูกใจอะไรนิดหน่อยก็สามารถไล่กันไปตายได้เลย สังคมที่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อว่าคนเราสามารถผิดพลาดได้ เป็นคนดังก็ต้องแสนดีเพอร์เฟคทุกอย่าง บางเรื่องเป็นปัญหาส่วนตัวของคนดังก็กลายเป็นปัญหาหนักหัวทุกคนในสังคมได้ ไม่เคยรู้ว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าการให้อภัย ฉะนั้น เมื่อไรที่คุณตกเป็นจำเลยสังคมของเกาหลีใต้ คุณแทบจะไม่มีโอกาสได้โงหัวขึ้นมาอีกเลย ต่อให้คุณสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง มันก็มีคนที่จ้องจะจับผิดและโจมตีอยู่เสมอด้วยเรื่องเท็จ ๆ รวมถึงอาจถูกปองร้ายด้วย ความปลอดภัยยามเผลอแทบไม่มี

เราจะสามารถเห็นความรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้ผ่านละครหรือซีรีส์ได้บ่อยมากจนแทบจะเป็นพล็อตหลักอันดับหนึ่งในการสร้างผลงาน โดยเฉพาะประเด็นความรุนแรงในโรงเรียน ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในสังคม เราจะเห็นวิธีที่ประชาชนทั่วไปปฏิบัติต่อคนดังที่ทำให้พวกเขาผิดหวัง วิธีที่พวกแอนตี้แฟนและซาแซงสามารถสรรหามาทำเพื่อปองร้ายคนดังที่พวกเขาเกลียด มันรุนแรงเป็นอาชญากรรมถึงขั้นพยายามฆ่าเลยทีเดียว สื่อบันเทิงจึงพยายามเล่นประเด็นนี้บ่อย ๆ ว่าสังคมที่คนส่วนหนึ่งบูลลี่เก่ง ท้ายที่สุดมันทำร้ายและทำลายชีวิตใครได้บ้าง เพื่อให้คนในสังคมรู้สึกตระหนักถึงปัญหา และเพลา ๆ ความรุนแรงกับเหยื่อเสียที ไม่มีใครสมควรโดนเล่นงานด้วยความรุนแรง
กลับมาที่นางเอกของเรื่อง แม้ว่าจะเป็นซุปตาร์โด่งดังมีคนรักเยอะแยะ แต่เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงให้กับคนที่ไม่ได้รักเธอบ่อยครั้งเช่นกัน ที่โดนบ่อย ๆ คือการคุกคามจากนักข่าวที่พยายามจะทำลายเธอ ถูกสะกดรอยตามไปไหนต่อไหนไม่มีความเป็นส่วนตัว ถูกแอบถ่าย และเขียนข่าวถึงชนิดที่เรียกทัวร์มาลงที่เธอได้ทุกครั้ง ปัญหาคอมเมนต์ทำร้ายจิตใจในอินเทอร์เน็ตของพวกที่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น พูดถึงคนอื่นดี ๆ ไม่เป็น สักแต่มีอินเทอร์เน็ตใช้ พิมพ์ตัวหนังสือเป็น ก็เสพข่าวให้ร้ายแบบไร้สติ พร้อมด่าเสมอแม้ว่าจะเป็นเรื่องดี ๆ ข่าวฉาวให้ร้ายบั่นทอนสุขภาพจิตของเธอลงช้า ๆ ในขณะที่เธอพยายามเข้มแข็งอยู่ตามสไตล์ของเธอ

นอกจากนี้ ยังเคยมีเหตุการณ์ความรุนแรงทางจิตใจในอดีตที่เธอถูกทำร้ายจากเพื่อนสนิทขี้อิจฉาอีกด้วย เรื่องราวในวันนั้นทำให้เธอเข้าใจพระเอกผิดอยู่นาน และกลายเป็นแผลใจที่ทำให้เธอไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญและจดหมายจากแฟนคลับอ่านอีกเลย เวลาอ่านคอมเมนต์แย่ ๆ มาก ๆ เธอจะมีอาการ flash back กลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ จนเกิดความเครียด ตื่นกลัว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก ถูกคุกคามด้วยเรื่องเลวร้ายในอดีตอยู่เสมอ ๆ
ถึงแม่จะไม่เคยส่งจดหมายกลับมา แต่ก็ยังมีพี่คังฮีที่ตอบจดหมายหนู
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้มีปมปัญหาอะไรซับซ้อน ความยาว 4 ตอนจบ เขาต้องพยายามทำให้เรื่องมันสั้นกระชับและย่อยง่ายไว้ก่อน เพื่อที่แก่นเรื่องและสาระสำคัญจะได้ถูกส่งไปยังคนดูแบบเข้าใจง่าย ๆ เข้าไว้ นั่นทำให้ตัวละครเด็กน้อยหลาย ๆ คน กลายเป็นคาแรคเตอร์ที่ทำให้เรื่องราวในซีรีส์กลมกล่อมและสมบูรณ์ขึ้น เข้ามาเสริมให้คนดูรู้สึกอินตามแก่นที่เรื่องพยายามนำเสนอได้ง่ายขึ้นเยอะ จากใจคนที่ไม่ชอบเด็กและรำคาญพฤติกรรมของเด็กอยู่เสมอ กับซีรีส์เรื่องนี้ก็มีความรู้สึกแบบนั้นแว่บขึ้นมาบ้าง แต่มันสามารถหายไปได้ทันทีเมื่อฉุกคิดขึ้นว่า “ก็พวกเขาเป็นแค่เด็กนี่นา”

ตัวละครลูกสาวพระเอก ถือเป็นตัวละครหลักตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นในซีรีส์สั้น 4 ตอนนี้ และยังเป็นศูนย์กลางของกำลังใจดี ๆ ที่ส่งต่อไปยังผู้ใหญ่รอบตัว เด็กน้อยไม่มีแม่ โตมากับพ่อที่เป็นทนายความสำนักกฎหมายดังและย่าที่คอยเลี้ยงหลาน ตามเรื่องมีพูดถึงแม่ของเด็กว่าเป็นคนทิ้งลูกไว้แล้วหนีไป (ในตอนสุดท้ายเด็กได้เจอแม่อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในแบบที่คาดคิด) หนูน้อยป่วยเป็นโรคลูคีเมีย ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลเด็กมากกว่าอยู่บ้าน ในวันหนึ่งย่าของหนูน้อยจากไปเพราะอุบัติเหตุ ทำให้พ่อต้องลาออกจากงานเพราะต้องคอยมาดูแลลูกเต็มเวลา
สิ่งที่ทำให้เด็กคนนี้มีกำลังใจที่ดีในการรักษาอาการป่วยมาโดยตลอด คือการที่เด็กรักและคลั่งไคล้ดาราสาวคนหนึ่งมาก มากเสียจนให้ดาราคนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ที่เตียงผู้ป่วยของเด็กน้อยเต็มไปด้วยสินค้าที่เกี่ยวกับนางเอก เป็นแฟนคลับตัวน้อยที่ให้พ่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เฉพาะแบรนด์ที่มีหน้านางเอกอยู่บนฉลากเท่านั้น เหมือนที่บรรดาติ่งศิลปินชอบทำ จากในเรื่องตอนต้น ๆ อาจทำให้คนดูรู้สึกประหลาดใจที่เด็กตัวแค่นี้จะชื่นชอบและหลงใหลดาราผู้หญิงหัวปักหัวปำอะไรขนาดนั้น ก่อนที่จะเฉลยว่ามันมีเหตุผลลึกซึ้งที่เด็กเขียนลงในจดหมายเพื่อส่งไปหาแม่ จดหมายที่ไม่เคยได้ส่งหาแม่ และแม่ไม่เคยส่งจดหมายมาหา

เด็กน้อยมักจะใช้เวลาว่างดูละครหรือดูรายการต่าง ๆ ที่นักแสดงสาวที่ตัวเองชอบไปออก พร้อมกับเขียนจดหมายหานักแสดงที่ตัวเองชอบด้วย โดยแอบควาดหวังว่าดาราที่ตัวเองชื่นชอบจะอ่านมันและตอบจดหมายกลับมา แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่ามันเป็นไปได้ยาก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เด็กต้องเข้ารับการรักษาโดยการเจาะตรวจไขกระดูก มันเป็นขั้นตอนการรักษาที่เจ็บปวดมากสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ แต่เด็กน้อยก็สัญญาว่าจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟังทุกอย่าง และพยายามไม่ร้องไห้ ถ้าพ่อช่วยสานฝันให้เป็นจริง ด้วยการทำยังไงก็ได้ให้ดาราสาวคนนั้นตอบจดหมายกลับมา

จะเห็นว่านางเอกเป็นทุกอย่างในชีวิตของเด็กน้อย เป็นเหมือนขุมพลังและกำลังใจให้เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้กับอาการป่วยของตัวเอง การรักษาโรคและการอยู่ในโรงพยาบาลจนเป็นบ้านสร้างความเจ็บปวดให้เด็กน้อยทุกวันคืน แต่เด็กน้อยก็ผ่านมันมาได้เพราะเอาใจไปยึดติดอยู่กับดาราที่ตัวเองชอบ เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กเล็ก ๆ จะร้องไห้โวยวายเวลาโดนฉีดยา แต่เด็กน้อยจะสงบลง ไม่งอแง เพียงแค่พ่ออนุญาตให้ดูวิดีโอของดาราสาวที่ชอบทั้งคืน มันทำให้เห็นความชอบหรือคลั่งไคล้ในอะไรมาก ๆ ของคนเราไม่มีคำว่าไร้สาระหรอก เพราะสิ่ง ๆ นั้นสามารถยึดเหนี่ยวจิตใจที่อ่อนล้าและหลงทางเอาไว้ได้ต่างหาก มันคือความสุขเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ที่คนเราควรจะมี
ขอแค่เธอเชื่อในตัวเองก็พอ มันไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดยังไง ใครก็ทำร้ายเธอไม่ได้
จากจดหมายแฟนคลับ (ตัวปลอม) ที่นางเอกได้รับเมื่อนานมาแล้วจากการกลั่นแกล้งด้วยความอิจฉา สิ่งที่อยู่ในจดหมายและกล่องของขวัญทำให้นางเอกไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญจากแฟนคลับอีกเลยตลอดชีวิต รวมถึงไม่อ่านจดหมายนับพันนับหมื่นที่แฟนคลับส่งมาถึงด้วย เป็นบาดแผลในใจที่ยากที่จะรักษาหาย แม้ว่าตัวเธอจะรู้ดีว่าจดหมายเรือนพันนั้นคงไม่ใช่จดหมายเลวร้ายแบบที่ตัวเองเคยได้รับ และก็มีแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่จะรักและพร้อมจะอยู่ข้างเธอเสมอต่อให้คนทั้งโลกจะหันหลังให้เธอแล้ว แต่เธอก็ยังทำใจเปิดจดหมายแฟนคลับพวกนั้นออกอ่านไม่ได้อยู่ดี เพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องเอาชนะมันให้ได้

จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอตั้งใจว่าจะพยายามเปิดกล่องของขวัญและจดหมายจากแฟนคลับออกอ่าน ก็คือตอนที่เธอได้รับจดหมายจากแฟนคลับตัวน้อยที่รักเธอด้วยความศรัทธาและจริงใจ ทั้งที่จุดเริ่มต้นมันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะเริ่มมาจากการโกหกของพ่อที่มีความปรารถนาดีหวังสร้างกำลังใจให้ลูกสาวได้รักษาลูคีเมียอย่างเข้มแข็ง ไหนจะเพราะความบังเอิญที่เธอดันรู้จักกับพ่อของเด็ก เนื่องจากเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน (และเหมือนจะเป็นรักแรกของกันและกัน) ทำให้เหตุการณ์ที่เธอตั้งใจจะทำด้วยปรารถนาดีต่อเด็ก กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ถูกโจมตีไปในทางเสียหายทั้งตัวเธอเอง และครอบครัวเด็ก ถึงอย่างนั้น เด็กคนนี้ก็เข้มแข็งมากที่จะไม่หวั่นไหวด้วยเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

ในขณะเดียวกัน นางเอกก็ได้รู้ว่าตัวเองเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้กับเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังพยายามต่อสู้กับชีวิตด้วยการรักษาโรคประจำตัว กำลังใจที่ทำให้เด็กน้อยยอมรักษาตัวเองด้วยความเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้งอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆ รวมถึงมิตรภาพจากรักแรกที่ยังห่วงใยในความรู้สึกของเธอ เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเจอเรื่องร้าย ๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนจนทำเธอหลุมมือไปครั้งหนึ่ง มาวันนี้ทั้งคู่เป็นกำลังใจและเชื่อใจกันและกัน จากคำที่ลูกสาวบอกว่าเธอรู้อยู๋แล้วว่าพ่อโกหกเรื่องจดหมาย แต่เธอไม่ได้โกรธ ขอแค่เราอยู่ด้วยกัน ใครจะพูดอะไรก็ไม่สำคัญ แค่มองตาเราก็จะเข้าใจกันเอง เด็กน้อยจำมาจากย่าของตัวเอง
ส่วนตัวของนางเอก มันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองก็ควรทำอะไรสักอย่างเหมือนกัน อย่างแรกคือเธอต้องเลิกหนีในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด เธอต้องสู้ต่อไปแม้ว่าคนอื่นจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด หรือไม่สนด้วยซ้ำว่าเธอเป็นคนยังไง แต่เพราะเธอได้กำลังเต็มเปี่ยมที่จะเข้มแข็งในการควบคุมตนเองให้ไม่ไปรู้สึกหวั่นไหวกับขยะที่ออกมาจากปากและความคิดของคนอื่น เพราะมีแค่ตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้จักตัวจริงของเองดีที่สุด ไม่ใช่ในมุมที่คนอื่นพูดถึง

ดังนั้น ถ้าใครกำลังหาซีรีส์ที่เบา ๆ หน่อย แถมได้ข้อคิดดี ๆ กลับมาใช้ดำเนินชีวิต ความอบอุ่น ความซึ้งใจ สาระบ้าง ขำบ้าง ขอแนะนำ Fanletter, Please เลย ซีรีส์สั้น ๆ ความยาวแค่ 4 ตอน ออนแอร์จบเรียบร้อยแล้ว ติดอยู่แค่อย่างเดียวว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์มาทำซับไทยอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นก็น่าจะไม่ผิดนักหรอกถ้าจะไปหาดูแบบที่บ้านใหญ่ซีรีส์หรือบ้านที่สนับสนุนนักแสดงแปลซับกันเอง พูดง่าย ๆ ก็คือซับไทยตามกูเกิลหาดูไม่ยาก ภาษาใช้ได้ด้วย ล่าสุดเพิ่งมีซับถึงตอนที่ 3 อาจต้องรอนิดหน่อยสำหรับตอนที่ 4 แต่ถ้าใครติดลมบนจนรอไม่ไหว หาดูซับอังกฤษไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้นะ ศัพท์แปลไม่ยากแค่ตัวหนังสือไหลเร็ว กดหยุดอ่านก็พอไหว ✉





























