Cheer Up นึกว่าซีรีส์วัยรุ่นใส ๆ ที่ไหนได้…ทีมเชียร์มีอาถรรพ์

ภาพจาก FB: SBS

คุณเชื่อหรือไม่ว่า คนที่ “ดูซีรีส์เพราะผู้ชาย” มีอยู่จริง? แล้วถ้าอยากได้กลุ่มตัวอย่างไปอ้างอิงล่ะก็ ยินดีเป็นให้เลยล่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนกันดราม่า ว่าหล่อสวยในที่นี้น่ะหมายถึงว่าเรามองพวกเขาอย่างชื่นชม และรู้สึกหน้าตาของพวกเขาเป็นสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ที่ดีต่อใจ มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แล้วยุคนี้สมัยนี้เนี่ย มันก็หมดยุคที่จะไปบูลลี่คนที่สวยหล่อจากการศัลยกรรมแล้วด้วยว่าหน้าตาดีเพราะพลาสติกแล้วนะ ใคร ๆ ก็อยากสวย อยากหล่อ อยากดูดี ถ้าทำแล้วมันดีก็ทำไปเถอะ เรื่องของเขาเงินของเขา โดยเฉพาะคนที่ใช้หน้าตาทำมาหากิน ความสวยความหล่อของพวกเขามันมีราคา

ก็แหม! ชีวิตคนเรามันก็อยากมองอะไรที่มันงาม ๆ บ้างไม่ใช่เหรอ มันจึงไม่แปลกเลยที่ละคร ซีรีส์ เขาจะใช้คนหล่อคนสวยมาแสดง จะได้หลุดจากโลกความเป็นจริงไปเสพศิลปะสักครู่ คนดูอย่างเราจะได้เห็นอะไรที่มันเจริญหูเจริญตาเจริญใจบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่แค่ในจอก็ตาม อันที่จริง หลายสิ่งหลายอย่างที่ปรากฏในละครหรือซีรีส์มันก็มักจะมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงทั้งนั้น ในชีวิตจริง ยังจำสมัยที่เรายังเป็นเด็กมหาวิทยาลัยได้ไหม ว่าเราจะไปหาแหล่งที่รวมคนหล่อคนสวยได้จากที่ไหนอีก ถ้าไม่ใช่ที่ “ทีมเชียร์”

ภาพจาก FB: SBS

Cheer Up เป็นซีรีส์ล็อตล่าสุดที่รวมเอานักแสดงวัยกรุบที่มีศักยภาพและความสามารถมารวมกันไว้ในที่เดียว เพราะมีนักแสดงหลักเป็นเด็กรุ่นใหม่วัยยี่สิบต้น ๆ เป็นแกนนำเดินเรื่องเองทั้งหมด ไม่มีเบอร์แม่เหล็กมาเป็นตัวนำ เหมือนให้พวกเขาเก็บชั่วโมงบินกันไป แต่เชื่อไหมว่ามันผิดคาดนะ เพราะเรื่องสนุกมาก นักแสดงงานดี แสดงดี แต่ละคนปล่อยของตามคาแรคเตอร์ได้เหมือนกันมันเป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว นางเอกน่ารักมาก ส่วนรุ่นพี่ทีมเชียร์ที่เป็นรองกัปตันทีมก็สวยมาก เพื่อนนางเอกฮามาก ส่วนพระเอกกับพระรองนั้น เป็นอาหารตาที่ดีต่อใจ ตัวตึงที่ดึงมาดูซีรีส์เรื่องนี้

แน่นอนว่าจักรวาลในเรื่องนี้เป็น “ทีมเชียร์ธีอา” ของมหาวิทยาลัยยอนฮี ซึ่งก่อตั้งมานานถึง 50 ปีแล้ว ความเป็นตำนาน ความมีชื่อเสียงมันเริ่มร่อแร่รุ่นที่พระเอกเริ่มเข้าทีม และปัญหาก็รุมเร้าถึงขีดสุดในที่รุ่นที่พระเอกเป็นกัปตันทีม (ในเรื่องคือปี 2019) ถ้าเป็นซีรีส์แนวนี้เรื่องอื่น ๆ ปัญหาอาจจะอยู่ที่คนในทีมด้อยความสามารถลงหรือผู้นำทีมอ่อนแอ แต่สาเหตุนั้นไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ทีมเชียร์ในตำนานนี้ส่อแววจะโดนยุบ เนื่องจากมีคนโกงงบประมาณนักศึกษาแล้วบาปมาตกที่ชมรม นักศึกษาคนอื่น ๆ เห็นว่ามันไม่ชอบมาพากล ภาพลักษณ์ทีมเลยติดลบ และอีกเหตุผลสำคัญก็คือ “คำทำนายที่ 3” ซึ่งมันจะเกิดขึ้นในปีนี้ เอาล่ะ! กลิ่นของปริศนาเริ่มมาแล้ว

ภาพจาก FB: SBS

คือเอาจริง ๆ นะ ที่เลือกซีรีส์เรื่องนี้คือแค่จะมาดูความหล่อของผู้ชาย ดูสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ดูความน่ารักของพล็อตเรื่องแบบรักวัยมหาวิทยาลัยงี้ ก็นะ ซีรีส์เกาหลีเนี่ยขึ้นชื่อเรื่องการแกงคนดูอยู่แล้ว ทั้งทีเซอร์ เรื่องย่อ โปสเตอร์ กับเนื้อเรื่องไม่ตรงปกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนี้ก็ใช้ความหล่อความสวยของนักแสดงมาล่อให้ติดกับ ทีเซอร์ เรื่องย่อ โปสเตอร์ ดูเป็นซีรีส์วัยรุ่นใส ๆ ที่พูดถึงเรื่องราวชีวิตของเด็ก ๆ วัยกรุบที่มีความฝันและเดินทางตามหาฝันของตัวเอง การก้าวเติบโตของวัยรุ่น ดูแล้วเหมือนได้ย้อนวัยไปสมัยนั้น

ทว่าเรื่องนี้ก็มาโดนแกงเอาตรง “คำทำนายที่ 3” นี่แหละที่ทำเอาหัวจะปวด คำทำนายที่ว่าก็คือ ในปี 2019 จะมีสมาชิกทีมเชียร์คนหนึ่งต้องตาย! ซึ่งคำทำนายที่ 1 และ 2 เป็นจริงมาหมดแล้ว ตอนคำทำนายที่ 2 กัปตันพยายามแก้เคล็ดก็ไม่เป็นผล แล้วคำทำนายสุดท้ายนี่เล่นถึงชีวิตกันเลย

ภาพจาก FB: SBS

ใช่แล้ว เวลานี้ซีรีส์ออนแอร์ไปได้แค่ 4 อีพี แต่นางเอกฉันก็เริ่มโดนเล่นงานเบา ๆ มาตั้งแต่อีพี 2 แล้ว แต่พอมาอีพี 4 นี่คือนางเอกโดนเล่นงานแบบกะเอาถึงตายแล้วนี่สิ ใครเป็นคนทำ แล้วทำไปทำไม ประเด็นคือเรื่องก็ตัดจบแบบลงแดงสุด ๆ ปกติไม่ชอบวันจันทร์นะ แต่เพราะรอซีรีส์เรื่องนี้อยู่ งั้นวันจันทร์มาเร็ว ๆ หน่อยก็ดี ความสนุกมันเริ่มขึ้นด้วยอาถรรพ์ของทีมเชียร์นี่แหละ แต่มันดันไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ มันมีคนอยู่เบื้องหลัง มันมีปริศนาให้ได้ลุ้นว่าเกิดอะไรขึ้นในทีมเชียร์รุ่นก่อนที่นางเอกจะเข้าทีม (รุ่นที่พระเอกอยู่ในทีมแล้ว) แล้วทำไมคำทำนายจึงเป็นแบบนั้น

และเวลานี้ ทั้งพระเอกและพระรองต่างก็รู้แล้วว่านางเอกอาจจะเป้าหมายของคนร้ายในปีนี้ 1 คนที่จะต้องตายตามคำทำนายคือนางเอกหรือเปล่า ฉันล่ะอยากดูตอนพวกเขาคอยปกป้องกันใจจะขาด พระเอกออกแนวซึน ๆ แต่อบอุ่นเวอร์ คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังตลอด ส่วนพระรองนี่คลั่งรักนางเอกตั้งแต่อีพีแรก ตามจีบติดเป็นเงา เวลาปกป้องช่วยเหลือก็เลยออกนอกหน้าได้ ดูแล้วอยากจะกรี๊ด แล้วแบบนางเอกนี่เนื้อหอมมากนะผู้ชายรุมล้อมรอบตัวเพียบ ล่าสุดก็ 4 คนเข้าไปแล้ว พระเอก พระรอง เพื่อนพระเอก และแฟนเก่าที่ยังตามวอแวไม่เลิก

ภาพจาก FB: SBS

อ้อ! สำหรับเรื่องนี้ นี่ทีมพระเอกนะคะ ถึงแม้ว่าจะโดนพระรองตกด้วยความสูงยาว ขาว ดี หล่อ ทำให้ใจสั่นหวั่นไหวอยู่ไม่น้อยเลย แอบย้ายข้างเป็นบางกรณี แต่ยังไงก็เชียร์พระเอกอยู่ดีอะ มุแง้!

ลองทำสักอย่างไม่เห็นจะเป็นไร เธอเพิ่งอายุ 20 เองนะ

เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องในส่วนที่ยังไม่ปวดหัวกันสักหน่อยดีกว่า ด้วยตัวพล็อตเรื่องหลักเนี่ย ถ้าไม่นับปริศนาที่เกิดขึ้นในทีมเชียร์ ที่ใส่เข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องมันน่าสนใจ น่าติดตาม น่าลุ้นมากขึ้นล่ะก็ มันก็คือซีรีส์แนววัยรุ่นทั่วไป โดยเน้นที่ชีวิตหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดา ๆ นี่แหละ เด็กวัยรุ่นที่มีความฝัน แต่ความฝันดันเป็นอุปสรรคของชีวิต เรื่องราวของมิตรภาพ ความรักใส ๆ ชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีแค่การเรียน อย่างที่ใครหลาย ๆ คนเคยทุ่มเทให้กับงานกิจกรรมและชมรมที่รัก สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอย่างเอาเป็นเอาตายนั่นแหละ

ภาพจาก FB: SBS

เรื่องราวของตัวนางเอก เป็นเด็กสาววัย 20 ที่ร่าเริงสดใส คิดบวกเสมอ ๆ ยิ้มสู้ให้กับสถานการณ์ที่สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับเป็นประจำ การที่เธอเป็นคนเข้มแข็งได้ขนาดนั้น มันมาจากการที่ตัวเธอเองต้องรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าครอบครัว มีแม่และน้องชายวัยมัธยมอีก 1 คน แต่แม่ของนางก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนะ เพราะก็ทำการทำงานไม่ได้แบมือขอเงินลูกใช้ แต่อาจจะดูเป็นแม่ที่ติดเล่น เลยเหมือนพึ่งพาไม่ค่อยได้ แล้วก็ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือยนิดหน่อย เช่น ซื้อของกินที่ราคาค่อนข้างแพง ทั้งที่ของเก่ายังคาอยู่ในตู้เย็น และซื้อบุหรี่มาแอบสูบ ทั้งที่ลูกสาวตั้งกฎห้ามเด็ดขาด

พูดง่าย ๆ ก็คือ นางเอกเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้เธอต้องใช้เวลาในชีวิตหมดไปกับการดิ้นรนให้ตัวเองมีเงินใช้มีเงินเรียน ทั้งเรียนทั้งทำงาน หาเงินตัวเป็นเกลียว อะไรที่ได้เงินและไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายนางทำหมด ส่งอาหาร เป็นบัตเลอร์ สอนพิเศษ พาร์ตไทม์ร้านสะดวกซื้อ พาร์ตไทม์ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย แม้แต่การตัดสินใจเข้าทีมเชียร์ก็เพื่อเงินเหมือนกัน เงินเป็นที่หนึ่งของชีวิต ต่อให้ได้แค่ไม่กี่ร้อยวอน (100 วอน ไม่ถึง 3 บาท) ก็ดีใจจนเนื้อเต้น นางเลยต้องทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองมีความฝันที่อยากจะทำ เพื่อมาทำในสิ่งที่ต้องทำแทน

แต่นางเอกเนี่ยเป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างดีจริง ๆ นะ แม่น่าจะเลี้ยงมาดี มีแม่เป็นเหมือนเพื่อนอีกคนหนึ่งด้วย เห็นนางปรึกษาอะไรต่ออะไรกับแม่ตลอด ปมวัยเด็กของนางที่เรื่องเฉลยมาบางส่วนบอกเลยว่าหนักมากสำหรับเด็กอายุแค่นั้น แต่ยังโตเป็นผู้เป็นคนที่ร่าเริงสดใสแบบนั้นได้ แสดงว่าต้องเข้มแข็ง รักดี และคิดบวกมาก ๆ นางหวังว่าการที่นางได้เรียนที่มหาวิทยาลัยนี้จะเป็นบันไดที่นำนางขึ้นไปสู่จุดสูง ๆ จะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นชนชั้นล่างไปตลอดชีวิต ความโรแมนติกจึงเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยสำหรับนาง เพราะมันไม่ทำให้นางได้เงิน

ภาพจาก FB: SBS

“ชีวิตเราไม่มีทางทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างหรอกค่ะ” เป็นคำพูดที่นางใช้ปฏิเสธความโรแมนติกแบบไม่ตั้งใจในตอนแรก อย่างที่บอกว่านางเข้าทีมเชียร์เพราะเงิน หากไม่มีค่าจ้าง อย่าหวังว่านางจะไปเสียเวลาซ้อมหนัก ๆ ทุกวันโดยไม่ได้ทำงานอื่นหรอก ทั้งที่การเต้น การแสดงโชว์ต่อหน้าคนจำนวนมาก คือสิ่งที่นางทำได้ดีมาตั้งแต่เด็ก เหมือนเป็นความฝันและความชอบที่ต้องปิดผนึกไว้ ด้วยความที่ไม่สามารถเอาเวลาหาเงินมาทำกิจกรรมแบบนี้ได้ อายุวัย 20 เป็นวัยที่คนทั่วไปเขาตามหาความฝันกัน แต่นางกลับคิดว่าตัวเองทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่

แต่การที่แม่เชียร์ให้ลูกเข้าทีมเชียร์ เพราะมันเป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต อยากทำให้รีบทำตอนที่ยังทำได้ อย่าเป็นเหมือนแม่ที่อยากทำก็ทำไม่ได้แล้ว การที่รุ่นพี่ทีมเชียร์บอกกับนางว่าให้ลองทำสักอย่างที่อยากทำดู เพราะนางอายุเพิ่งจะแค่ 20 เอง ควรจะรีบคว้าโอกาสทุกอย่างตอนที่มันผ่านเข้ามา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะได้รับประสบการณ์ที่รู้สึกว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิต เป็นความภาคภูมิใจที่ตราตรึงสุดในชีวิต หรือการที่นางได้คำตอบจากพระเอกว่าทำไมถึงจริงจังกับชมรมเชียร์ ทั้งที่เพื่อนวัยเดียวกันกับเขากำลังง่วนอยู่กับการหางานทำ (พระเอกเรียนปี 4) เขาบอกว่าก็แค่ชอบเท่านั้น แม้จะเหนื่อยแต่มันก็มีตอนที่ลืมความเหนื่อยไปจนสิ้น นางจึงตัดสินใจเข้าทีมเชียร์

ฉันโดนเทเพราะไม่มีเงิน

เป็นอีกครั้งที่ต้องยกเอาคำพูดของพี่ใหญ่จากซีรีส์เรื่อง Little Women กลับมาพูดอีกครั้ง “ความรักมันต้องใช้เงิน” ในโลกที่ไม่มีอะไรจะศักดิ์สิทธิ์ได้เท่ากับเงิน เพราะทุกอย่างต้องใช้เงิน ความรักก็เช่นกัน ช่วงนี้ซีรีส์เกาหลีมีพล็อตที่เกี่ยวกับความยากจนและการต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดหลายเรื่องมาก Little Women เพิ่งจบไป The Golden Spoon ได้ครึ่งเรื่องแล้ว แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นที่ยังไม่ได้ดูและกำลังเตรียมออนแอร์อีกเหมือนกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกถึงสังคมที่เหลื่อมล้ำสูง ๆ ความเป็นทุนนิยมจ๋า ๆ ในสังคมเกาหลี ประเด็นนี้น่าจะเป็นเรื่องให้เล่นไปอีกยาว

ภาพจาก FB: SBS

สำหรับซีรีส์เรื่อง Cheer Up ก็เป็นอีกเรื่องที่พยายามจะตอกย้ำว่าความรักน่ะ แค่ความรู้สึกมันไม่พอ แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเงินด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ว่าเงินอาจจะไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินนำมาซึ่งอำนาจ และสิ่งต่าง ๆ ได้สารพัด ซึ่งความรักและความสัมพันธ์ก็ดูจะอยู่ในขอบข่ายที่เงินมีอิทธิพลด้วย จะไปเดตก็ต้องใช้เงิน พ่อแม่ป่วย ลูกป่วย ก็ต้องใช้เงิน แค่ไหนก็หามารักษาได้ ขอแค่ให้พวกเขารอดชีวิต รักตัวเองยังต้องใช้เงินเลย จะกินอาหารดี ๆ อยากได้อุปกรณ์ออกกำลังกายดี ๆ ที่เซฟอวัยวะตัวเอง ของแบบนั้นราคาไม่ถูกนะพูดเลย

ในเรื่องนี้ นางเอกต้องเลิกกับแฟนเก่าเพราะตัวเองจน แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยกเหตุผลข้อนี้มาบอกเลิกเธอ ในทางกลับกันนางเองต่างหากที่เป็นคนบอกเลิกแฟน จากบทสนทนาที่ทั้งคู่คุยกัน สรุปได้ว่าการที่นางเอกจน ก็เลยง่วนอยู่กับการทำงานแทบจะตลอดเวลา ระหว่างที่คบกันก็เลยไม่มีเวลไปเดต ไม่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันแบบที่คู่รักคู่อื่นเขาทำกัน เขาอยากพาแฟนไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน อยากอยู่ฉลองวันพิเศษด้วยกัน แต่นางเอกต้องปฏิเสธตลอดเพราะต้องทำงานพิเศษ มันเลยกลายเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องอดทน ท้อแท้ และเริ่มรู้สึกว่ามันยากเกินจะรับมือ

ภาพจาก FB: SBS

เอาเข้าจริงตัวแฟนเก่าน่ะเหมือนจะไม่ได้รังเกียจที่นางเอกจนนะ เพราะคู่นี้ก็ดูคบกันนานอยู่ มันก็คงมีบ้างที่ทั้งเอือม ทั้งอาย จนเหมือนกับว่าแอบคบกันลับ ๆ แต่อย่างการที่เขาปิดบังแม่เรื่องที่คบกับนางเอกก็มีเหตุผลที่เข้าใจได้ แม่จะได้ไม่เข้ามาวุ่นวายหรือกีดกันให้นางเอกรู้สึกไม่ดี การที่คนหนึ่งอยากมีความสัมพันธ์แบบคนทั่วไป แต่อีกคนให้ไม่ได้ มันก็ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกลำบากใจในความสัมพันธ์นี้ ในเมื่อทั้งคู่ต่างสร้างปัญหาให้กัน นางเอกจึงยอมเลิกให้เพื่อให้แฟนเก่าได้ทำในสิ่งที่เคยทำไม่ได้เพราะตัวเองกับแฟนใหม่ เพราะยังไงเธอก็ให้เวลาเขาไปมากกว่านี้ไม่ได้

มันเลยกลายเป็นปมในใจนางเอกไปเลยล่ะ ว่าต่อไปคงจะไม่มีสถานะคนรักกับคนรวยอีกต่อไป กับพระรองที่เธอปฏิเสธ ก็เพราะรู้ดีว่าความจนของตัวเองมันอดทำให้เกิดการเปรียบเทียบไม่ได้ คนรวยแบบพระรองน่ะมีทุกอย่างแล้ว มันยิ่งทำให้เธอเองรู้สึกตัวเล็กลงไปอีกเพราะไม่มีอะไรเลย รวมถึงแอบคิดดูถูกตัวเอง และคนจน ๆ อย่างเธอก็ต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลามาสานความสัมพันธ์กับใคร แรก ๆ เขาอาจจะรับได้ แต่หลัง ๆ อาจจะไม่ใช่แบบตอนจีบ ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ก็อาจจะจบแบบเดียวกับแฟนเก่านั่นเอง

มีของแบบนั้นอยู่จริง ๆ ด้วย ความตื้นตัน มันมีอยู่จริง

ตอนนี้นางเอกคงรู้แล้วแหละการได้กลับมาทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้เปิดผนึกความฝันที่เคยฝังเอาไว้ให้กลับมาเดินหน้าต่อได้อีกครั้ง มันดีต่อใจมากแค่ไหน ตัวเองเป็นคนเต้นเก่งมาตั้งแต่เด็ก ตัวนิดเดียวแต่สามารถขึ้นโชว์ต่อหน้าคนดูนับร้อยได้อย่างกล้าแสดงออก ไม่เขินอายกลัวคน มันเป็นเหมือนความสามารถพิเศษของเธอเอง แต่เธอจำเป็นต้องฝังมันไว้เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย สิ่งที่ทำแล้วไม่ได้เงินหรือทำแล้วเสียเวลาออกไปหาเงิน เลยต้องปล่อยให้ความฝันนั้นมันเลือนหายไปจากความทรงจำ

การได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้งตอนอายุ 20 ในฐานะทีมเชียร์ตัวแทนของมหาวิทยาลัยในงานกิจกรรมสานสัมพันธ์กับทีมเชียร์ตัวแทนของมหาวิทยาลัยอื่น มีคนดูเป็นจำนวนมาก มันทำให้เธอได้เจอเข้ากับความรู้สึก “ตื้นตันใจ” ว่ามันมีอยู่จริง ๆ ความสุขที่ได้แสดงบนเวที ในที่สุดเธอก็ได้รับรู้ความรู้สึกนั้นจริง ๆ มันมีฉากที่ย้อนไปในอดีตของนางเอกตอนที่ขึ้นเวทีแสดงความสามารถ ภาพของเด็กคนหนึ่งกำลังยิ้มกว้างด้วยความสุขให้แม่ถ่ายรูปเพราะการแสดงกำลังจะจบ แล้วจู่ ๆ ก็ต้องหุบยิ้มลง เพราะเกิดเรื่องที่ทำให้แม่ต้องพาน้องชายลุกออกจากหน้าเวทีกะทันหัน ฉากนั้นสงสารนางเอกในวัยเด็กจับใจ เชื่อได้เลยว่ามันต้องเป็นปมหนึ่งที่ติดอยู่ในใจนางแน่ ๆ

ภาพจาก FB: SBS

แม้ว่าการตัดสินใจเข้าทีมเชียร์ในครั้งแรก เธอจะทำเพราะมีเงินล่อตาล่อใจ ทว่าในเวลาที่สัญญาจ้างนั้นกำลังจะสิ้นสุดลงหลังวันงานสานสัมพันธ์ ความสุข ความสนุก ประสบการณ์ ความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างฝึกซ้อมอย่างหนักคงจะทำให้เธอตัดสินใจอยู่ชมรมเชียร์ต่อไป เอาเข้าจริง ตอนที่เธอบอกกับพระเอกว่าตัวเองพอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหายเหนื่อยแบบที่พระเอกเคยบอก เมื่อเห็นคนมานั่งจนเต็มอัฒจันทร์แล้วทุกคนก็ตะโกนเชียร์จนสุดเสียง มันคงจะเจ๋งน่าดู มโนว่าตัวเองเป็นกัปตันทีมเชียร์ (ดูจากชุด) ที่ขึ้นโชว์นำบนแท่นด้วยแล้วหนึ่งกรุบ แถมหลังแสดงเวทีแรกจบ ก็ไปยืนเกาะหลังเวทีดูคนที่สนุกสนานไปกับทีมเชียร์อีกต่างหาก

การได้ทำตามความชอบ ความฝันของตัวเอง และได้มีประสบการณ์ที่ทำจนประสบความสำเร็จนั้น มันเป็นอะไรที่ “ตื้นตันใจ” ที่สุดแล้วล่ะ ขนาดคนดูผ่านจอที่บ้านอย่างเรา ๆ ยังสัมผัสได้ถึงพลังของความฮึกเฮิมของคนในวัยนั้น เห็นแล้วอยากจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นตาม อยากจะแผดเสียงตะโกนชื่อมหาวิทยาลัยดัง ๆ เหมือนสมัยเรียนอีกสักครั้ง

ภาพจาก FB: SBS

ด้วยความที่นี่เองก็เป็นคนที่เคยผ่านกิจกรรมใหญ่ ๆ ของมหาวิทยาลัยมาหลายครั้ง แถมเคยมีโอกาสเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยด้วย มันเลยเข้าใจเลยว่าความภาคภูมิใจมันเป็นยังไง เวลาที่ได้ทุ่มเทกับกิจกรรมสมัยนั้น มันเหนื่อยมากก็จริง ต้องตื่นก่อนนอนที่หลัง คืนที่ไม่ได้นอนก็มี แต่มันก็เป็นความประทับใจในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่จะไม่มีวันลืม พอย้อนกลับไปนึกถึงก็ยังยิ้มให้มันได้ทุกครั้ง แม้ว่าตอนนั้นจะมีปัญหารุมเร้าเหมือนกับที่ทีมเชียร์มี ได้หยุมหัวกับคนอื่น ๆ อีกหลายคนก็ตาม แต่พอมองย้อนกลับไป มันรู้สึกถึงความสุขมากกว่าความเหนื่อยนะ

ถ้าอย่างนั้น ขอขายความไม่ตรงปกอีกอย่างของซีรีส์เรื่อง Cheer Up อีกสักนิดละกัน ไหน ๆ เขาก็แฝงความสืบสวนสอบสวนลงไปในซีรีส์ที่โปสเตอร์ดูวัยรุ่นใส ๆ ซะขนาดนี้แล้ว จากคนที่หลงเข้ามาดูแบบไม่คาดหวัง (เพราะตั้งใจจะดูแต่ผู้ชายทีมเชียร์) แต่เรื่องสนุกเกินคาดมาก ๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ซีรีส์แนวนี้มันจะออกแนวเดินเรื่องเรียบ ๆ น่าเบื่อใช่ไหม แต่เรื่องนี้เรายังไม่รู้สึกแบบนั้นเลย แถมดูวนซ้ำรอตอนใหม่ด้วย มันน่ารักไปหมด อยากเห็นเขารักกันแล้วว่าจะมุ้งมิ้งชวนฮาขนาดไหน ช่วงที่ต้องเดาปริศนาที่เกิดขึ้นว่าใครเป็นคนทำ ทำไปเพื่ออะไร มันก็สนุกเหมือนกัน ถ้ายังลังเลกลัวไม่สนุก อยากบอกให้ไปลองดูก่อน ถ้ายังรู้สึกไม่ชอบ ก็อาจเป็นเพราะแนวเรื่องไม่ใช่ทางมากกว่า📣