ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเริ่มส่งซีรีส์ล็อตใหม่มาสร้างปรากฏการณ์ความโดนปั่น ความประสาทจะกินกันอีกครั้ง ซึ่งช่วง 2 สัปดาห์ที่กลับมาดูซีรีส์ไทย ก็ทำให้ตามซีรีส์ใหม่ของเกาหลีไม่ทัน แต่เอาล่ะยังไม่สายเกินไป ตอนนี้เก็บกระเป๋าพร้อมเดินทางสู่เกาหลีใต้อีกครั้งแล้ว
โดยซีรีส์ที่เป็นกระแสหนัก ๆ อยู่บนโลกออนไลน์ในช่วงนี้มีเพียง 2-3 เรื่องเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือซีรีส์เรื่อง Little Women จากช่อง tvN ของเกาหลี ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้น ๆ กับชื่อเรื่องมาก่อนแล้ว เพราะมันไปตรงกับนวนิยายตะวันตกเรื่องหนึ่งที่แปลชื่อเป็นไทยว่า “สี่ดรุณี” นวนิยายปี 1868 ของ Louisa May Alcott ที่นำมาเล่าใหม่ตีความใหม่เป็นแบบเกาหลี แล้วแปลชื่อไทยใหม่ด้วยว่า “สามพี่น้อง” ด้วยตัวละครในเรื่องถูกลดจากสี่คนพี่น้องมาเหลือแค่สามคนเท่านั้น
คนที่รู้จักทั้งนวนิยายหรือการแสดงในรูปแบบอื่นในเวอรชันตะวันตก อาจเข้าใจว่าเรื่องของเกาหลีก็น่าจะรีเมกมาคล้าย ๆ กัน แต่พอดูจริงแล้วต้องบอกว่ามันเซอร์ไพรส์มาก ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิด เว้นแต่คาแรคเตอร์ของตัวละครและลักษณะความสัมพันธ์ที่เป็นพี่น้องกัน จากสี่ดรุณีสู่สาม (ศรี) พี่น้อง ที่ได้มาแค่กลิ่นอายเบา ๆ เท่านั้น ที่เหลือคือพลิกแพลงใหม่หมด ซึ่งไม่ใช่แค่เสียดสีเรื่องชนชั้นและความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิง แต่เป็นงานสืบสวนพลังหญิง มีความลึกลับ สืบสวนสอบสวน พ่วงด้วยคดีฆาตกรรม การตายอย่างปริศนาอย่างต่อเนื่อง ดอกกล้วยไม้ที่ถูกทิ้งไว้ และการเปิดโปงการทุจริตการเงินในบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีนักการเมืองเข้ามามีเอี่ยว
มันมีแค่วิธีเดียวที่จะใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมได้ คือการไม่จนอีกต่อไป
พล็อตหลัก ๆ ของซีรีส์เรื่อง Little Women เวอร์ชันเกาหลีปี 2022 นี้ ยังคงว่าด้วยเรื่องราวของสามสาวพี่น้องที่มีฐานะทางการเงินค่อนข้างฝืดเคือง และพวกเธอต้องดิ้นรนต่อสู้ในเมืองใหญ่ที่นับหน้าถือตาคนมีเงินว่าเป็นพระเจ้า ทั้งสามเคยผ่านเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดเพียงเพราะว่าตัวเองยากจน พ่อแม่ก็ดูจะพึ่งพาไม่ได้ พี่คนโตและพี่คนรองยังต้องทำงานงก ๆ เพื่อหาเงินใช้หนี้ (ได้ครึ่งเดียว) ที่พ่อก่อไว้อยู่เลย แต่พวกเธอไม่อยากให้น้องคนเล็กต้องเจอเหมือนที่พวกเธอเจอ พวกเธอจึงรักน้องมากและตั้งใจดูแลน้องอย่างดี ต่อให้ตัวเองจะต้องพังย่อยยับแค่ไหนก็ตาม
แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของทั้งสามคนก็เปลี่ยนไป เพราะพวกเธอดันเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินก้อนโตมูลค่า 7 หมื่นล้านวอน และครอบครัวเศรษฐีเลือดเย็นครอบครัวหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ! มันนำพามาซึ่งลาภลอยมูลค่ามหาศาล และอันตรายชนิดที่พวกเธอก็คาดไม่ถึง
สามพี่น้องเกลียดความจนเหมือนกัน แต่มีมุมมองต่อความจนที่แตกต่างกัน ชอบตรงจุดนี้ที่บทตั้งใจสร้างให้สามพี่น้องดูแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ละคนมีความสุดโต่งในความคิดความเชื่อของตัวเอง มันก็เลยทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกรำคาญสามพี่น้องนี้ไม่คนใดก็คนหนึ่ง หรืออาจลำไยทั้งสามคนเลยก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราพยายามดูอย่างเป็นกลาง และแทนที่ตัวเองเข้าไปเป็นตัวละครตัวนั้น เราจะเข้าใจมากขึ้นว่าสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวเป็น สิ่งที่พวกเขาทำมันมีเหตุผลของพวกเขาเอง เหตุผลที่สายตาคนดูอย่างเราอาจไม่เข้าใจ มันก็เลยรู้สึกอยากหยุมหัวพี่น้องสักคน
เริ่มต้นจากพี่สาวคนโต ด้วยความที่เป็นพี่คนโตอะเนอะ มีน้องอีกสองคน พ่อแม่พึ่งพาไม่ได้ นางจึงเป็นคนที่แบกรับและรับรู้ปัญหาทุกอย่างภายในบ้าน ตัวเองก็เติบโตมากับความยากจนถึงขีดสุดตั้งแต่เด็ก ๆ ความจนมันน่ากลัวเพราะ “ความจน=ตาย” เธอเห็นมันมากับตา มันพรากชีวิตคนในครอบครัว พรากโอกาส และพรากความฝันไปจนหมด ทั้งที่เธอดิ้นรนมาตลอด แต่ชีวิตก็ยืนอยู่ปากเหวหลายครั้งด้วยความจนเป็นหลัก ด้วยความที่เป็นคนที่โดนความจนกดทับไว้มากที่สุด เธอก็เลยยอมทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน เธออยากปกป้องครอบครัวแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เธอจึงเชื่อว่าวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้ คือการที่จะไม่จนอีกต่อไป การไม่จนจะทำให้เราหลุดพ้นจากวงจรแบบนี้
ต่อด้วยพี่สาวคนกลาง เป็นคนที่แตกต่างที่สุดในบรรดาพี่น้อง ฉลาด กล้าได้กล้าเสียเพราะเป็นนักลงทุน เธอเกลียดความจนเพราะมันทำให้เธอ “ถูกเหยียด” เธอจึงกลายเป็นคนที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ พอใจที่จะจนอยู่แบบนี้ แต่จะไม่ยอมจนในศักดิ์ศรีเด็ดขาด เธอถึงขั้นยืนกรานที่จะตัดพี่ตัดน้องกับพี่สาวหากพี่นำเงินก้อนที่เธอเข้าใจว่าขโมยมาไปใช้ มีคำพูดหนึ่งที่ทำให้เรารู้ว่าเธอเจ็บปวดกับการถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีมากกว่าความจน คือ “ฉันโอเคกับความจน เพราะเราเป็นแบบนั้นมาตลอด แต่ฉันไม่อยากเป็นหัวขโมยเพราะจน ถ้าเป็นแบบนั้นเท่ากับฉันแพ้ ตอนอยู่บ้านย่า ท่ามกลางเด็กลูกคนรวย ฉันกลายเป็นหัวขโมยทั้งที่ไม่เคยขโมยอะไรเลย ฉันเกลียดอะไรแบบนั้นมากกว่าความตายอีก”
ส่วนน้องเล็ก เด็กอายุแค่ 17 ปี เรียนชั้นม.5 วัยที่กำลังอยากได้อยากมีเหมือนคนอื่น แถมประสบการณ์ชีวิตน้อย เจอสิ่งล่อตาล่อใจหน่อยก็โดนชักจูงไปง่าย ๆ ที่สำคัญ เด็กวัยนี้ “ติดเพื่อน” ติดใจในสภาพแวดล้อมที่ตัวเองไม่มี เพราะเธอมีเพื่อนรวยที่ไม่ได้รังเกียจหรือเหยียดความจนของเธอ ไปบ้านเพื่อนโดยไม่แสดงอาการยี้แม้แต่น้อย มีแค่กลัวมดนิดหน่อย (แต่ก็ปกติไหม ใครมันจะไปนั่งให้มดตอม) พ่อแม่เพื่อนก็ใจดีจะส่งไปเรียนเมืองนอกพร้อมลูกสาวเขา ที่สำคัญคือเธอก็คิดว่าเธอสมควรได้รับ ด้วยเธอก็ใช้ความสามารถของตัวเองแลกมา แต่ใจจริงคือเธอแค่ไม่อยากให้พี่ ๆ ต้องลำบากเพื่อเธอขนาดนั้นอีกแล้ว เธอจะดิ้นรนให้พ้นความจนในแบบของตัวเอง
ปกติเราจินตนาการถึงภาพความจนได้มากน้อยแค่ไหน แบบไหนที่เรียกว่าจน สำหรับสามสาว คือความเคยชินกับการอยู่บ้านที่มีฝูงมดเดินตามพื้น บ้านที่ต้องปิดหน้าต่างเอาไว้ตลอด เพราะเปิดแล้วจะปิดกลับไม่ได้ การที่ไม่มีเงินซื้อเสื้อกันหนาวดี ๆ ใส่เมื่อหน้าหนาวมาถึง ไม่มีเงินรักษาลูกที่ป่วยจนลูกตายไป ไม่มีเงินให้ลูกไปทัศนศึกษาเลยสักครั้ง ลูกเดินตามฝันโดยการสอบชิงทุนเองและไม่เคยได้รับการสนับสนุนอะไรจากที่บ้าน ไม่เคยได้กินอะไรดี ๆ เหมือนที่คนอื่นเขากิน ทั้งสามพี่น้องเติบโตมาแบบที่เจ็บปวดกับความจนในแบบของตัวเอง พวกเธอต้องไม่จนอีกนี่คือทางรอด
สมดุลน้ำหนักไม่พอดี เดินนิดเดียวก็คงปวดเท้า เวลาเดินก็พะวง เพราะวางใจรองเท้าไม่ได้เลย
เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “รองเท้าที่ดี จะพาเราไปในที่ที่ดี” กันบ้างหรือไม่ มันคือการพูดถึงประโยชน์ของรองเท้าที่เราใช้สวมใส่กับอวัยวะที่ต่ำที่สุดในร่างกายนี่แหละ รองเท้าที่หลายคนมองว่าแค่สวมใส่ไว้ปกป้องเท้าไม่ให้บาดเจ็บ เพื่อที่จะได้ไม่ไปเหยียบสิ่งแปลกปลอม ไม่ร้อนฝ่าเท้าเวลาเดินบนพื้นถนนคอนกรีต รวมถึงเท้าไม่สกปรกเพราะไม่ได้สัมผัสกับพื้นโดยตรง จริง ๆ นั่นก็คือประโยชน์มหาศาลของรองเท้าแล้วนะ แต่เราอาจจะคิดน้อยไปนิด เพราะมันยังมีประโยชน์มากกว่านั้น ลองนึกดูสิ ถ้าเราเลือกซื้อรองเท้ามาไม่ดี มันก็มีผลต่อเท้าของเรา รู้สึกใส่ไม่สบาย รองเท้ากัด ซึ่งการที่เท้าเป็นแผลแน่นอนว่ามีผลต่อการเดินด้วย เดินไม่สะดวก เจ็บปวด การเดินทางจะลำบากมากขึ้นไปอีก
“รองเท้าที่ดี จะพาเราไปในที่ที่ดี” เป็นคำสอนที่ดีอย่างหนึ่งเลยนะ ไม่ใช่แค่คำสอนตรง ๆ ว่าให้เลือกรองเท้าให้ดี เอาที่เหมาะกับเท้าและลักษณะการใช้งาน เพื่อที่ว่าเดิน ๆ อยู่จะได้ไม่มีปัญหากับรองเท้า แต่มันยังแฝงไปด้วยความเชิงสัญลักษณ์ที่เราต้องตีความนัยต่อด้วย การมีปัญหากับรองเท้า โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเดินมาก ๆ เดินทางระยะทางไกล ๆ มันเจ็บปวดและทรมานมาก มันเหมือนกับเราไม่สามารถที่จะไปต่อได้เลยต้องทิ้งตัวเองไว้ตรงนั้น เพราะเท้ามันเดินพาตัวเองไปต่อไม่ไหวอีกแล้ว ส่วนตัวเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง ประสบการณ์ครั้งนั้นสอนว่าให้ใส่ใจกับการเลือกรองเท้าให้มาก ๆ เวลาเดินทาง ไม่ว่าจะมีเป้าหมายอยู่แล้วหรือกำลังตามหา แล้วทุกอย่างจะดีเอง
หรือต่อให้รองเท้าที่ดีอาจจะไม่ช่วยนำเราไปในทางที่ถูกที่ควรได้ แต่อย่างน้อยที่สุด รองเท้าที่ดีก็ปกป้องเราได้ตลอดทางที่เราเดิน ไม่ทำให้เท้าเราเจ็บมากจนเกินไป และพาเราออกมาจากเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควรนั้นได้อย่างปลอดภัยและไม่เจ็บปวดเท่าไร เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งแย้งเลยว่าไม่ว่าจะรองเท้าอะไรฉันก็พาตัวเองไปยังที่ดี ๆ เองได้ หรือคนมันจะเลือกทางผิดมันก็ผิด รองเท้าดี ๆ ไม่ได้หมายถึงรองเท้าสูงค่าราคาแพงชื่อแบรนด์เนมเสมอไป แต่หมายถึง รองเท้าที่ใช้วัสดุที่ดี มีรูปแบบที่เหมาะสมกับการใช้งาน เหมาะกับสถานที่ พื้นผิว และเส้นทางของสถานที่ที่เราจะก้าวไป แบกรับน้ำหนักเราได้อย่างสมดุล ไม่ต้องถอดมันทิ้งกลางทาง
เพราะไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ตาม จะไปหาความฝัน มุ่งหน้าพุ่งชนเป้าหมายเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่การดิ้นรนต่อสู้บนเส้นทางที่เรียกว่าชีวิต ตะเกียกตะกายปีนขึ้นจากปากเหวที่ถ้าตกลงไปก็ไม่รอดแน่ ๆ คนเราต้องใช้ขา (เท้า) ในการขยับเขยื้อนเคลื่อนที่กันทุกคน รองเท้าจึงเป็นเหมือนกับสิ่งที่คอยสนับสนุนให้เท้าของเรายังคงใช้งานได้ตามปกติ ยังมีแรงเดิน ยังมีแรงป่ายปีนยันหน้าผาสูงชันที่ตัวเองกำลังจะตกลงไป และยังคงเดินหน้าไปต่อได้ถ้าเท้าเราไม่ได้บาดเจ็บ ขาเรายังมีแรง ฉะนั้น การไม่มีปัญหากับรองเท้าจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ประเสริฐที่สุดแล้ว
Little Women จึงกลายเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ยกเอา “รองเท้า” ขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง และที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ “รองเท้าส้นสูง” ของผู้หญิง ก่อนหน้านี้ก็มีซีรีส์เรื่อง Kill Heel ที่ใช้รองเท้าเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการนำเสนอตัวเรื่องเช่นกัน แต่เรื่องนั้นจะชัดเจนกว่ามาก ๆ ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว โปสเตอร์แนะนำเรื่องก็ใช้รองเท้าส้นสูงปรี๊ดสีสันฉูดฉาดมาสื่อเป็นนัย ๆ ว่าเขาขายความหมายของรองเท้าส้นสูง ที่ไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าตัวเองดูสวย ดูมั่นใจขึ้นเท่านั้น
“รองเท้าส้นสูง” ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจ” และ “ความสามารถ” ของผู้หญิง ยิ่งส้นสูงมากเท่าไรแล้วยังสามารถเดินสับฉับ ๆ ได้แบบที่ไม่กลัวล้มหรือรู้สึกไม่มั่นคง ต้องเป็นผู้หญิงที่โปรมาก ๆ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ใส่แล้วมันสวย มั่นใจ สูงกว่าคนอื่น เวลาเดินแล้วมีเสียงกระทบพื้นคือรู้สึกโดดเด่น บอกให้โลกรู้ว่าฉันมาแล้วนะ ทว่ามันก็แลกมากับความอดทนเจ็บเท้า เมื่อย ปวดขา ที่ต้องทรงตัวอยู่บนนั้น แล้วที่สำคัญ เราก็ต้องเกร็งและพยายามพยุงตัวไว้ตลอดเวลา เพราะเราจะล้มลงไปไม่ได้เด็ดขาด เรื่องน่าอับอายขายขี้หน้าแบบนั้น ขอยอมตายดีกว่า
นอกจากนี้ รองเท้า ยังถือเป็นสิ่งแรกที่คนเรามักใช้เป็นองค์ประกอบในการตัดสินคนอื่นจากภายนอกอีกด้วย เมื่อครั้งอดีต บรรดาคนชั้นสูงเคยแข่งกันใส่รองเท้าที่มีส้นสูงทั้งชายและหญิง ด้วยเพราะมันสามารถแสดงถึงอำนาจทางการเงินที่มั่งคั่งและอยู่ระดับในสังคมที่สูงกว่า รองเท้าส้นสูงเป็นปัญหาที่พี่คนโตของเรื่อง Little Women พบเจอมาตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง โดยเฉพาะช่วงที่เจอตัวละครผู้จัดการที่มีความสนใจผู้หญิงที่มีฐานะยากจน เขามุ่งเป้ามาที่เธอเรื่องที่เธอสวมใส่ส้นสูงราคาถูก นอกจากข้อความตามหัวข้อด้านบนที่เขาพูดกับเธอแล้ว เขายังบอกว่าเธอควรมีรองเท้าส้นสูงที่ดีมีราคาไว้สวมใส่ทำงานด้วย เพราะ “ไม่งั้นคุณจะเดินลากเท้าไปชั่วชีวิต”
ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่จะศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเงิน
สิ่งที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ในซีรีส์เรื่อง Little Women คือเรื่องราวของ “เงิน” นอกจากเงินจะเป็นปัจจัยแห่งการแบ่งชนชั้น ขีดเส้นกั้นแยกคนรวยกับคนจน จนทำให้ชีวิตของสามศรีพี่น้องต้องล้มลุกคลุกคลานกับความจนมาโดยตลอด และจะเป็นสิ่งที่ฉุดให้ชีวิตของทั้งสามสาวหลุดพ้นจากความจนแล้ว มันยังเป็นเรื่องของอิทธิพลและอำนาจของคนกลุ่มเล็ก ๆ บนยอดพีระมิดอีกด้วย คนที่สามารถใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งทุกอย่างในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เพราะในเวลานี้ เงินที่ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่าง ที่ทำให้ตัวละครในเรื่องต้องเข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด ความเชื่อมโยงของตัวละครทุกตัวโยงใยหากันด้วยเงิน 7 หมื่นล้านวอนก้อนเดียว พี่คนโตที่จู่ ๆ ก็ได้รับเงิน 2 พันล้านวอนมาจากเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่เพิ่งตายไป และมันก็ดันเป็นเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งจากก้อนใหญ่ 7 หมื่นล้าน ความกังวลต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นกับเงินก้อนนี้ทำให้เธอสองจิตสองใจที่จะใช้ แต่ถ้ามันจำเป็นเธอก็ไม่เสียเวลาคิด ความกลัวเข้าครอบงำถึงขั้นต้องสะพายไปนู่นมานี่ ถือติดตัวไว้ ทิ้งไว้บ้านก็ไม่ได้ เข้าธนาคารก็ไม่ได้เพราะกลัวโดนตามรอย
พี่คนกลาง เกิดไปสะดุดเข้ากับข้อมูลที่ตัวเองบังเอิญได้มาด้วยความเป็นนักข่าว และกำลังตามขุดคุ้ยวีรกรรมของครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่งที่อาจเป็นต้นเหตุให้มีคนตายไปถึง 4 คนในอดีต และกลิ่นก็เริ่มไม่ดีแล้วว่าบ้านนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับเงิน 7 หมื่นล้าน และน้องคนเล็กที่จับพลัดจับผลูได้เป็นเพื่อนกับลูกสาวบ้านนี้ มีเพื่อนรวยที่นิสัยดี พ่อแม่ก็ใจดี มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ
เรื่องพยายามชี้นำให้เห็นถึงสังคมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของ “เงิน” ความศักดิ์สิทธิ์ที่ใคร ๆ ก็ปฏิเสธมันไม่ลง เงินมีความหมายต่อจิตวิญญาณมากถึงขั้นที่เราจะยอมขายวิญญาณหรือก่ออาชญากรรมได้แค่ไหน ความปรารถนาที่จะมีเงินของคน 2 กลุ่มที่แตกต่างกัน กลุ่มโลภมากไม่รู้จักพอกับกลุ่มที่ไม่เคยมีเงินและต้องการมีชีวิตรอด เรื่องราวของคนที่เดิมพันชีวิตตัวเองด้วยเงิน จนต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนจนได้เลือดไปเพื่อแลกกับเงิน และนำเงินไปแลกมาซึ่งเป้าหมายของตัวเองอีกที ความศักดิ์สิทธิ์ที่ใครก็ต้องก้มหัวให้ มีเงิน=ทำได้ทุกอย่าง ไม่เกินจริง
บันไดของโลกทุนนิยมช่างสูงชันและเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ จากซีรีส์ที่โปรยเรื่องย่อมาแค่เรื่องราวการต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจนของสามสาวพี่น้องแล้ววันหนึ่งไปพบเงินก้อนใหญ่ กลายมาเป็นเรื่องของการทุจริตยักยอกทรัพย์ แถมยังเกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตและผู้มีอิทธิพล แล้วปิดท้ายด้วยฆาตกรรมต่อเนื่องที่พบสัญลักษณ์กล้วยไม้สีน้ำเงินถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทุกครั้ง การเดินเรื่องเร็วน่าตื่นเต้นและต้องคลายปมร้อยแปดจบให้ลงใน 12 ตอน ทำให้เวลานี้ใคร ๆ ก็ติดซีรีส์เรื่องนี้ไปเสียแล้ว ช่วงนี้ Netflix ยืนหนึ่งเรื่องคอนเทนต์น่าสนใจเหลือเกิน 👩👩👧