
ต้องยอมรับว่าหลัง ๆ มานี้ พี่ Viu แกขยันสร้างเรื่องหนักมาก สรรหาซีรีส์เกาหลีมาลงแต่ละเรื่อง มีแต่น่าดู ๆ ทั้งนั้น แล้วพี่แอดมินในเฟซบุ๊กก็ขยันทำโปรโมตมากกว่าเมื่อก่อนด้วย ซึ่งนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เลือกดูซีรีส์เรื่อง The Story Of Park’s Marriage Contract ในค่ำคืนที่มีซีรีส์เรื่องใหม่ออนแอร์พร้อมกันหลายเรื่อง ขนาดหนึ่งในนั้นลงที่ Netflix เราก็ยังเลือกดูเรื่องนี้มากกว่า อาจด้วยเหตุผลอื่น ก็คือเพราะเรามีใจให้พระเอกเรื่องนี้ (แบอินฮยอก) มากกว่าพระเอกอีกเรื่อง และชอบความโบ๊ะบ๊ะของนางเอกเรื่องนี้ (อีเซยอง) มากกว่าด้วย
The Story Of Park’s Marriage Contract ซีรีส์ที่สร้างจากเว็บตูนในชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 2 ช่วง ช่วงแรกของเรื่อง (อีพีแรก) เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งที่เกาหลีตรงกับยุคโชซอน นางเอกเป็นลูกสาวคนเดียวในตระกูลขุนนาง ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวทึนทึกแห่งฮันยาง เพราะนางอายุ 28 ปีแล้วแต่ยังไม่ยอมออกเรือนสักที แถมยังเป็นตัวปัญหาที่ชอบสร้างเรื่องไล่พวกแม่สื่อจนต้องหนีเตลิดเปิดเปิงอยู่เสมอ จนชาวบ้านชาวช่องเขาเอาไปนินทากันสนุกปาก ส่วนพ่อกับแม่ของนางก็เข้าใจว่าลูกสาวเที่ยวเล่นรักสนุกไปวัน ๆ แต่แท้จริงนางกำลังแอบทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินไปทำตามความฝัน ความฝันยิ่งใหญ่ที่ผู้หญิงยุคนั้นไม่มีใครกล้าฝัน ไม่แม้แต่จะกล้าคิด

ถึงอย่างนั้น งานที่นางทำอยู่ก็ถือเป็นงานผิดกฎหมายระบอบชนชั้น เพราะพวกชนชั้นสูงจะลงไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ที่สำคัญก็คือ เสื้อผ้าที่นางออกแบบก็เป็นเสื้อผ้าสไตล์แฟชั่นจ๋า ซึ่งมันดูอุจาดตาสำหรับยุคสมัยนั้น นางเลยถูกทางการตามล่าตัว ฝั่งพ่อแม่ก็จับได้ว่านางแอบไปค้าขายมา จึงจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งจับนางแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าทึนทึกไม่แพ้กัน แถมยังลือกันว่าหน้าตาอัปลักษณ์ด้วย ด้วยความที่หมดหนทางจะหนีการแต่งงาน นางจึงจำใจยอมแต่งให้เรื่องจบ ๆ ไปซะ

แต่กลับกลายเป็นว่าสามีของนางดันมาสารภาพว่าครอบครัวเขาหลอกลวงครอบครัวเธอ ตัวเขาป่วยเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งอาการป่วยของเขาอาจทำให้เขาตายได้ทุกเมื่อ เขาจึงบอกเลิกนางในคืนเข้าหอ แล้วไม่กี่อึดใจต่อจากนั้นเขาก็ตายจากไป แม้ว่าจะเพิ่งแต่งงาน แต่นางก็พร้อมที่จะไว้ทุกข์ให้สามีนาน 3 ปีโดยไม่มีเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม ในคืนหนึ่งมีชายปริศนาบุกเข้าไปลักพาตัวนางออกมาจากเรือน แล้วจับนางโยนลงไปในบ่อน้ำหลังเรือน เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับดวงจันทร์ในคืนนั้นพร้อมกับนาฬิกาที่ตกแตก แล้วโชคชะตาก็ส่งนางมาในปี 2023 ในสระน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งคนที่ช่วยนางขึ้นมา คือหนุ่มโสดคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับสามีของนางไม่มีผิด และเขากำลังจะขอนางแต่งงานอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นสัญญาการแต่งงานเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ก็เห็นอ่านนิยายรักประโลมโลกเป็นว่าเล่น ไฉนไม่อยากเป็นฝั่งเป็นฝา
ถ้าเป็นสมัยนี้มันก็อาจจะไม่ได้แปลกประหลาดเท่าไรนักหรอก ถ้าผู้หญิงจำนวนหนึ่งจะไม่มีความคิดที่จะแต่งงานออกเรือนน่ะ และกว่าครึ่ง พ่อแม่ของพวกเธอก็ไม่ได้มากำหนดกฎเกณฑ์อะไรเรื่องที่ลูกสาวจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานด้วย พ่อแม่จำนวนไม่น้อยให้อิสระกับลูกสาวเต็มที่ในเรื่องนี้ ไม่ได้คิดจะบังคับให้แต่งงานออกเรือน บางบ้านพ่อแม่ไม่เคยถามลูกสาวด้วยซ้ำไปว่ามีแฟนหรือยัง คิดจะแต่งงานบ้างไหม หรือเมื่อไรจะแต่งงาน เหมือนว่าพวกเขาเชื่อและมั่นใจว่าลูกสาวของตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีครอบครัว หรือการมีครอบครัว มีสามี สุดท้ายก็ไม่ได้การันตีว่าชีวิตของลูกสาวพวกเขาหลังแต่งงานจะโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดไป

แต่คนที่มักจะเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้าว่าทำไมยังไม่มีแฟน ทำไมยังไม่แต่งงาน แก่ตัวไปแล้วจะอยู่ยังไง ไม่มีสามี ไม่มีลูกหลานคอยดูแล ก็คือญาติห่าง ๆ ที่ไม่ได้สนิทสนมรู้จิตรู้ใจกัน แต่เกี่ยวดองกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือไม่ก็ป้าข้างบ้านนั่นเอง ห่วงเก่งมาก ๆ คอยจับตาดูทุกความเคลื่อนไหว คือความน่ารำคาญและเสียมารยาทแบบที่ใครก็ไม่อยากเจอ ไม่รู้จะใส่ใจกับเรื่องของคนอื่นทำไมนักหนา

แต่กับผู้หญิงในสมัยก่อน ประเด็นเรื่องที่ผู้หญิงจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานมันไม่ได้เป็นอิสระและเปิดกว้างแบบในทุกวันนี้ ผู้หญิงจะถูกประณามและถูกมองในแง่ลบมาก ๆ หากอายุถึงเกณฑ์แล้วแต่ยังไม่ออกเรือน ยิ่งถ้าไม่มีชายใดทำท่ามาเมียนมองอีกจะยิ่งแย่เข้าไปอีก กลายเป็นความผิดปกติและความผิดของผู้หญิงที่ว่าทำไมถึงยังหาสามีไม่ได้เสียที ลามไปถึงเรื่องที่ว่าไม่แต่งงานเพราะไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า ไม่มีสามีแล้วจะอยู่ยังไงใครจะหาเลี้ยง แก่ตัวไปใครจะมาเลี้ยงดูเพราะไม่มีลูกมีเต้า หรือแต่งช้าหน่อยก็ถูกเรียกว่าสาวทึนทึกเตรียมขึ้นคาน ช่างน่าอับอาย คือแค่เรื่องแต่งงานเรื่องเดียวเนี่ย ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ตั้งร้อยแปดประเด็น

ก็เข้าใจไดอยู่นะเมื่อเทียบกับบริบทของสังคมในสมัยก่อน มันก็ย้อนกลับไปที่สังคมชายเป็นใหญ่และหญิงเป็นเพียงสมบัติของชาย เพราะความเป็นผู้หญิงทำให้ถูกจำกัดสิทธิ์ต่าง ๆ ทำนั่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ ได้แต่อยู่บ้านทำงานบ้านงานเรือน ทำงานมีอาชีพไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ชนชั้นสูงก็ไม่ได้เรียนหนังสือด้วย ถ้าแต่งงานออกเรือนไปแล้วก็จะเป็นแม่บ้านเต็มตัว มีหน้าที่ดูแลบ้าน เลี้ยงลูก ปรนนิบัติสามี มีอยู่แค่นี้ ในเมื่อทำงานหาเงินเองไม่ได้ การแต่งงานออกเรือนไปจึงการันตีความมั่นคงของผู้หญิงได้ดีที่สุดว่าจะมีชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน อย่างน้อยก็มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน มีคนคอยหาเลี้ยง ในขณะเดียวกัน นางเอกของเราคือคนที่ไม่มักจะแต่งงาน นางเป็นสาวโชซอนที่หัวสมัยใหม่พอสมควรเลย
เจ้าพวกนั้นโชคดีชะมัด บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล ได้ใช้ชีวิตตามใจชอบเลย
คาแรกเตอร์ของนางเอกเนี่ย คือหญิงสาวผู้มาก่อนกาลที่แท้ทรู 555 เพราะดูเหมือนว่านางจะทำทุกอย่างที่มันแหกขนบของการเป็นกุลสตรีในสมัยนั้น อะไรที่เขาห้ามไม่ให้ชนชั้นสูงทำนางจะทำ อะไรที่ผู้หญิงทำไม่ได้นางก็จะทำเหมือนกัน บอกเลยว่านางปีนกำแพงเรือนเก่งพอ ๆ กับฝีมือเย็บปักถักร้อยที่นางใช้หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำนั่นแหละ และสาเหตุที่นางต้องบ้าทำงานเก็บเงินขนาดนี้ ก็เพราะว่านางอยากออกเดินทาง นางมีความฝันที่อยากจะมีอิสระ อยากเดินทางไปนู่นมานี่ให้ทั่วแดน ซึ่งมันเป็นความทะเยอทะยานเกินตัวที่คงไม่มีผู้หญิงคนนั้นในยุคนั้นกล้าที่จะคิด

และความกล้าหาญอีกอย่างของนางก็คือ การแข็งข้อกับพ่อแม่จนหลีกหนีการออกเรือนมาได้เป็นสิบปี ใครจะนินทาว่านางว่าเป็นสาวทึนทึก เป็นหญิงเจ้าปัญหา หรือเป็นหญิงสติสตังฟั่นเฟือนนางก็หาได้แคร์ไม่ ออกจะชอบใจด้วยซ้ำไป เพราะนางจดจ่ออยู่แค่กับสิ่งที่ตัวเองอยากทำ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้นางแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ในสมัยนั้น การอ่านนิยายรักประโลมโลกก็แค่สนองความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว และคอยช่วยให้คนอื่น ๆ ที่ไม่อยากจะทึนทึกแบบนางได้สมหวังกับการออกเรือน แต่ตัวเองไม่สนใจที่จะมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกกับใคร ขนาดที่แม่สู้ด้วยการอ้างชีวิตเพื่อนวัยเดียวกับนาง พร้อมขอร้องให้นางออกเรือนสักที นางก็สู้แม่กลับด้วยการขออยู่แบบนี้กับพ่อแม่ตลอดชีวิต

แต่ถึงนางจะก๋ากั่นแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วยุคสมัยที่ผู้หญิงไม่มีปากมีเสียง ไม่มีอภิสิทธิ์จะทำอะไรตามใจตัวเอง นางก็ไม่มีอะไรที่จะเอาไปสู้อยู่ดี ไม้ซีกงัดไม้ซุงยังไงก็ไม่มีวันชนะ แล้วนางก็ต้องยอมจำนนถูกบังคับเข้าพิธีแต่งงานกับว่าที่สามีที่นางไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน ว่าที่สามีที่ชาวบ้านทั้งเมืองเลื่องลือกันว่าเป็นชายทึนทึกหน้าตาอัปลักษณ์ ขนาดเข้าพิธีแต่งงานไปแล้วนางยังไม่มีโอกาสรู้จักหรือเห็นหน้าสามีตัวเองเลยด้วยซ้ำ จะรู้ได้อีกทีก็ตอนที่เข้าห้องหอไปแล้ว ถึงเวลานั้นต่อให้นางคิดจะหนี มันก็คงไม่ง่ายอีกแล้ว แต่พอดีว่าดันเกิดเรื่องซะก่อน

การเป็นสตรีสูงศักดิ์แบบนางด้วยแล้วนั้น ชีวิตยิ่งถูกจำกัดให้เป็นดั่งนกน้อยในกรงทอง ระบอบชนชั้นก็มีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม สิ่งนี้เองที่เป็นกรอบแคบ ๆ จำกัดอิสรภาพของนางอยู่ จนทำให้นางพยายามจะทลายกรอบนั้นออกมาใช้ชีวิตตามใจชอบ ทว่านางมองในมุมของตัวเองมุมเดียวมาโดยตลอด ว่าการเป็นสตรีสูงศักดิ์หาได้มีประโยชน์อันใด ทำสิ่งที่อยากทำไม่ได้เลยสักอย่าง นางก็เลยไม่เคยได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงอีกข้อว่าที่นางสามารถทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ อย่างการหนีออกไปค้าขายนอกเรือนจนเก็บเงินได้มากขนาดนั้น ก็เพราะสกุลสูงศักดิ์ของตัวเองนั่นแหละที่คอยปกป้องจากความวุ่นวายต่าง ๆ ซึ่งอีกเดี๋ยวนางก็คงได้รู้ว่าชีวิตที่ไม่มีความสูงศักดิ์ปกป้องมันเป็นยังไง
สักวันหนึ่ง ท่านจะได้ใช้ชีวิตเหมือนผีเสื้อขอรับ…ท่านจะโบยบินไปถึงที่ที่ท่านปรารถนาได้

จริง ๆ ก็พอจะเดาแก่นเรื่องออกนะว่าทำไมถึงต้องให้นางเอกข้ามเวลามาผจญภัยในยุคสาธารณรัฐเกาหลีในปี 2023 เก็บข้อมูลจากการที่นางอยากออกเดินทางไปยังดินแดนอื่น ๆ นางอยากมีอิสรภาพที่จะทำอะไรก็ได้ โบยบินไปที่ไหนก็ได้แบบที่ผีเสื้อทำ ถึงขนาดที่ดูแคลนสายเลือดสูงศักดิ์ของตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ เพราะจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่ความจริงความสูงศักดิ์ของตระกูลขุนนางนั้นสามารถช่วยปกป้องนางจากความวุ่นวายได้ อีกเรื่องก็คือนางเคยอยากมีชีวิตอยู่โดยไม่แต่งงาน การข้ามเวลามายังยุคปัจจุบัน นางจะได้ทำทุกอย่างที่ว่ามานั้นแบบที่ไม่มีอะไรกั้น
ยุคปัจจุบันที่ไม่ได้มีระบอบชนชั้น (ในทางทฤษฎี) ทุกคนเท่ากันด้วยความเป็นมนุษย์ นางอยากจะทำอะไรก็ทำได้หมดไม่ต้องสนลูกใคร แค่มันไม่ผิดกฎหมายก็พอ นางจะใช้ความสามารถในการเย็บปักถักร้อยหาเงินบินไปเที่ยวเมืองนอกก็ได้ ยังไงซะก็ไม่มีตำรวจที่ไหนมาไล่จับผู้หญิงธรรมดา ๆ ด้วยเหตุผลว่าเธอประกอบอาชีพช่างเย็บผ้าอยู่แล้ว เธอจะได้โบยบินอยู่ในดินแดนประหลาดที่เธอไม่เคยรู้จัก โดยไม่ใช่คุณหนูที่มีคนรับใช้คอยวิ่งตาม แถมสามีที่นางรู้สึกดีด้วยหลังแต่งงานเขาก็จำไม่ได้ ที่นี่จะไม่มีใครมาบังคับให้นางต้องแต่งงาน ยุคสมัยใหม่ผู้หญิงจะไม่แต่งงานก็ไม่ผิด เว้นแต่อาจจะมีข้อเสนอบางอย่างที่ทำให้สัญญาการแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้น กับชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนสามีของนางในอดีต

ต่อจากนี้ไปนางกำลังจะได้ไปโบยบินในดินแดนที่ทุกคนมีอิสระเต็มที่แบบที่นางต้องการ แต่ถึงยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของนาง อีกทั้งนางยังเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนนี้เพราะข้ามมาจากอดีต นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกรุงโซล ในยุคสาธารณรัฐเกาหลีเลย ฉะนั้น การใช้ชีวิตของนางต่อจากนี้มันจะแตกต่างคนละขั้วกับเกศสุรางค์ในเรื่องบุพเพสันนิวาส เกศสุรางค์ข้ามไปอดีต อดีตที่เธอรู้จักจากการศึกษาว่าจะเป็นไปอย่างไรและมีจุดจบแบบไหน ในช่วงเวลาปัจจุบัน อดีตจบไปหมดแล้ว แต่นางเอกเรื่องนี้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโซลเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นช่วงเวลาในอนาคต

มันก็เลยน่าลุ้นตรงนี้แหละว่านางข้ามเวลามาแล้ว นางจะเด๋อด๋าเล่นใหญ่เอาฮาแค่ไหนในโลกปัจจุบันที่นางไม่รู้จักอะไรสักอย่าง แล้วอีกอย่างคอซีรีส์เองก็รู้ดีอยู่แล้วว่า อีเซยอง ยืนหนึ่งเรื่องเป็นการนางเอกสายอาภัพแต่ก็ยังจะห่วงฮา เพราะฉะนั้นการรีบส่งนางจากยุคโชซอนมายุคปัจจุบันตั้งแต่จบอีพีแรกแบบนี้ เรื่องราวในช่วงเวลาปัจจุบันน่าจะมีอะไรให้เล่นเยอะแยะ และเหมือนว่านางจะต้องมาหาคำตอบด้วยว่าชายปริศนาที่จับนางโยนลงบ่อน้ำในคืนนั้นเป็นใคร ใครส่งมา และเจตนาคือต้องการจะฆ่านางใช่หรือไม่ รวมถึงลุ้นฉากฟิน ๆ จิกหมอน ที่ในอดีตนางทำให้พระเอกรักนางได้ ปัจจุบันนางก็น่าจะทำให้พระเอกกลับมารักนางอีกครั้งได้เหมือนกัน แต่จะรักกันตอนกี่โมง อยากดูต่อไม่ไหวแล้ว⌛





























