บอกตรง ๆ นะ ว่าในชีวิตนี้ นอกจากจะรอวันที่โคนันจบ รอผู้ชายคัมแบ็ก ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมารอคอยอะไรนาน ๆ อีก จนกระทั่งได้รู้จักกับซีรีส์แฟรนไชส์เรื่องหนึ่งที่พอได้ดูเรื่องหนึ่งแล้วก็รู้สึกอยากจะตามต่อ (ทั้งที่แต่ละซีซันไม่มีอะไรเชื่อมโยงกัน) เพราะอยากรู้ว่าแต่ละซีซันจะเอาอะไรมานำเสนอ ใครจะได้รับโอกาสแจ้งเกิดในวงการ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ อยากรู้ว่าเขาจะทำอีกกี่ซีซันกันแน่!
ซีรีส์ที่พูดถึงคือซีรีส์ตระกูล School ของเกาหลีใต้ ถือเป็นซีรีส์ในตำนานอีกชุดหนึ่งที่ยังคงมีผลงานมาอย่างต่อเนื่อง โดย School 1 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1999 (ตายจริง! เด็กน้อยมาก) แล้วก็ทยอยสร้าง School 2, School 3, School 4, School 2013, School 2015, School 2017 จนมาถึงปี 2021 ก็นับเป็นภาค 8 ของซีรีส์ตระกูลนี้พอดี คือ School 2021
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าที่อยากจะติดตามดูซีรีส์ตระกูล School ไปเรื่อย ๆ เหตุผลหนึ่งเพราะอยากรู้ว่าจะแจ้งเกิดนักแสดงคนไหนในวงการอีก เนื่องจากซีรีส์แฟรนไชส์ตระกูล School นี้ ถือเป็นผลงานเดบิวต์ของซูเปอร์สตาร์เกาหลีหลายคน และหลายคนก็โด่งดังมาตั้งแต่เรื่องนี้ ศิษย์เก่าของ School กลายเป็นซุปตาร์ปัง ๆ ของวงการเยอะมาก ไล่มาตั้งแต่ภาคแรกทั้งจางฮยอก แบดูนา คิมแรวอน โจอินซอง อีดงอุค กงยู อิมซูจอง อีจงซอก คิมอูบิน ชินฮเยซอน จางนารา นัมจูฮยอก คิมโซฮยอน ยุกซองแจ คิมจองฮยอน จางดงยุน คิมเซจอง ซอลอินอา โรอุน ฯลฯ
มาถึง School 2021 ที่ได้ทีมนักแสดงรุ่นใหม่ของวงการยกทีม แต่ละคนเกิดในช่วงใกล้ ๆ กับ School 1 กันทั้งนั้น ก็คงจะเป็นงานหนักที่ต้องแบกรับคาดหวังในตำนานความเป็นตำนานของ “School” เอาไว้ แต่ก็นะ ถ้าพวกเขาทำได้ เส้นทางดี ๆ ก็รออยู่ ต้องยอมรับว่า School คืองานเด่นของ KBS ที่เป็นเหมือนโรงเรียนให้กับนักแสดงหลาย ๆ คนได้เติบโตจริง ๆ แต่ละซีซันแจ้งเกิดนักแสดงระดับแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีใต้มากมายทีเดียว
สำหรับ School 2021 เป็นเรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นวัย 17-18 ปี ที่ต้องใช้ชีวิตเพื่อตามหาตัวเอง หาความฝัน มีเรื่องของความสัมพันธ์กับครอบครัว มิตรภาพและความรักระหว่างเพื่อน ครูบาอาจารย์ การเติบโตที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นอนาคตที่ไม่แน่ไม่นอนของพวกเขา แต่พวกเขาต้องผ่านมันไปให้ได้
อย่างไรก็ดี School 2021 จะต่างจาก School ซีซันอื่น ๆ นิดหน่อย ตรงที่เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมปลายเฉพาะทาง ทางเลือกสำหรับนักเรียนที่เลือกเรียนเฉพาะด้าน ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับนักเรียนที่เลือกจะทำตามความฝันตัวเองตั้งแต่ช่วงม.ปลาย แทนที่จะเริ่มตอนเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนคนทั่วไปส่วนใหญ่ เด็กหลายคนจะมีงานทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยที่พวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องเรียนต่อในระดับที่สูงกว่านี้ก็ได้ อารมณ์ก็จะประมาณสายอาชีพ เด็กปวช. แบบบ้านเรา ส่วนใครใคร่เรียนต่อก็ไปสอบเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในสายสามัญ
พล็อตเรื่องก็ไม่มีอะไรหวือหวา คงรูปแบบเดิมแบบ School ซีซันอื่น ๆ ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยม ที่ดูเหมือนเด็ก ๆ จะใช้ชีวิตแบบเรื่อย ๆ ชิล ๆ แต่ระหว่างนั้นพวกเขาก็มีเรื่องอื่นที่ต้องทำและฟันฝ่าไปให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก มิตรภาพ และความฝันหรือความถนัด ในส่วนของรักสามเส้าสี่เส้าก็ยังมีเหมือนเดิม (และฉันก็เอ็นดูพระรองเหมือนเดิม) แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้พระรองของฉันคงจะไม่นก เพราะน่าจะมีคู่ของตัวเอง เลิศนะ คู่ใครคู่มันไปเลย ไม่ลำบากใจ
พูดกันตามจริง ที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะแค่เหตุผลที่ว่าเป็นซีรีส์แฟรนไชส์น่าติดตามเท่านั้น อีกเหตุผลเพราะดิฉันตามผู้ชาย 2 คนมา คนหนึ่งเป็นพระรองจาก Police University และอีกคนคือแก๊งเพื่อนพระเอกนางเอกจาก Blue Birthday (เสียดาย เรื่องนี้เล่นเป็นเด็กนิสัยไม่ดี) โดน 2 หนุ่มนี้ตกจนต้องตามผลงานกันไปเรื่อย ๆ
จริง ๆ ติ่งซีรีส์ตระกูลนี้หายใจหายคอไม่ทั่วท้องตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะสร้าง หลังทิ้งห่างจาก School 2017 ถึง 4 ปี ยังมาเจออุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าจะได้ฉาย ทั้งการเปลี่ยนตัวนักแสดงเป็นว่าเล่น โดนสกัดดาวรุ่งเพราะไม่มีข่าวว่าแอปฯ ไหนจะซื้อลิขสิทธิ์มาฉาย ก่อนหน้านี้เห็นแว่บ ๆ (ไม่ชัวร์) ว่าจะลงแอปฯ iQIYI กับ WeTV แต่พอออนแอร์กลับเงียบ สุดท้ายไปโผล่อีกแอปฯ ที่เป็นซับภาษาอังกฤษ (ส่วนใหญ่แอปฯ นี้จะลงซีรีส์ซับไทยเรื่องที่ฉายจบไปแล้ว) แถมคิวออนแอร์ตอนแรกก็โดนเลื่อนมา 1 สัปดาห์ เพราะพระเอกดันติดโควิด แง้! ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
แต่เอาเป็นว่าหลังจากออนแอร์มาได้ 1-2 สัปดาห์ ได้ความว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์เป็นออริจินัลคอนเทนต์ของ Viki (ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลที่แอปฯ อื่นไม่ได้ลิขสิทธิ์) ทว่าตอนนี้ แอปฯ Viki กำลังทยอยลงซับไทยเรื่องนี้อยู่ จึงสามารถดูซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่แอปฯ Viki (มีทั้งฟรีและเสียเงิน)
ล้มลง ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่กลับหลงทาง
หลัก ๆ เรื่องนี้คือการหาตัวเองและการไล่ตามความฝันของเด็กวัยรุ่น ปมในเรื่องจึงไม่หนีจากตรงนี้ เริ่มจากพระเอก หนุ่มน้อยหน้าตาดี อดีตเป็นนักกีฬาเทควันโด ที่เล่นมาตั้งแต่เด็ก ฝึกฝนอยู่ราว ๆ 11 ปี และตั้งเป้าหมายจะเป็นนักกีฬาอาชีพ แต่เกิดบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนไม่สามารถเล่นได้อีก เขาจึงทิ้งเทควันโดไว้ตรงนั้นแล้วกลับมาเรียน โดยเลือกเรียนเอกสถาปัตยกรรม ทั้งที่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไรว่ามาถูกทางไหม แต่ที่มาทางนี้เพราะปู่ของเขาเป็นช่างไม้ ตัวเขาเองก็คลุกคลีอยู่กับไม้มาตั้งแต่เด็ก มันจึงเป็นหนทางเดียวที่เขาคิดว่าเขาน่าจะทำได้
นางเอก เป็นเพื่อนร่วมห้องกับพระเอก จริง ๆ แล้วทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลาย ทั้งคู่เหมือนจะเป็นรักแรกของกันและกัน เธอเป็นเด็กสาวที่มั่นใจในตัวเอง กล้าหาญ ไม่ยอมคน มีความฝันชัดเจนว่าอยากเป็นช่างไม้มาตั้งแต่เด็ก จึงวางแผนชีวิตและมุ่งมั่นที่จะเรียนเพื่อเป็นช่างไม้ให้ได้ จึงเลือกเรียนเอกสถาปัตยกรรมเช่นกัน แต่สิ่งที่เธอเลือกกลับเป็นสิ่งที่แม่ไม่ปลื้ม แม่อยากเธอเรียนสายสามัญแล้วไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนพี่สาว เธอจึงเป็นไม่เบื่อไม้เมาที่ทะเลาะกับแม่อยู่เสมอ
พระรอง เด็กหนุ่มที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนช่วงกลางเทอม เด็กใหม่ที่ดูน่ากลัวสำหรับเพื่อน ๆ ในห้องเพราะมีข่าวลือว่าเขาเคยมีประวัติอาชญากรรม เคยอยู่สถานพินิจ บวกกับเป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร หยาบคาย แข็งกร้าว ดูลึกลับ เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาวุ่นวายกับเขา ซึ่งสำหรับเขาถือเป็นเรื่องดี เขายังไม่มีความฝันอะไรที่ชัดเจน แค่ใช้ชีวิตแบบเอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็พอ ตัวเขาเองเคยเป็นเพื่อนที่รักและสนิทมากกับพระเอก แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ผิดใจกัน และใช่แล้ว ตอนนี้เขากำลังสนใจนางเอกอยู่
อีกตัวละครที่ถือเป็นตัวละครสำคัญ นางรอง (น่าจะเป็นคู่รอง) เธอเป็นดาวเด่นของห้อง สวย เรียนเก่ง มีความสามารถ แต่ความทะเยอทะยานเธอสูงมากจนใคร ๆ ก็รู้สึกว่าเธอดูหยิ่งผยอง เธอตั้งเป้าหมายการเรียนไว้ คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศ โดยเธอเป็นคนที่เตรียมตัวเองทั้งหมด เพราะเธอรู้ว่าเธออาจจะสู้เด็กสายสามัญไม่ได้ เธอตั้งใจว่าถ้าเธอได้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ๆ (ซึ่งเป็นเหมือนปลายทางที่สว่างเรืองรองของเด็กเกาหลีทุกคน) เธอจะได้ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปเสียที แต่…เธอไม่เหมือนเด็กคนอื่นยังไงล่ะ?
จะเห็นว่าตัวละครหลัก 4 ตัว เป็นตัวแทนของนักเรียนมัธยมในยุคปัจจุบันที่มีความฝันหลากหลายและพร้อมที่จะทำตามความฝันของตัวเอง แต่สำหรับคนที่ความฝันยังไม่ชัดเจน นั่นเท่ากับว่าอนาคตก็ยังเลือนรางอยู่พอสมควร เพราะพวกเขากำลังรู้สึกว่าตัวเองหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหน ไปตามเพื่อน ไปตามประสบการณ์ที่มี เพราะคิดว่าน่าจะไปได้ หรือจะเริ่มต้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบใหม่ตั้งแต่ต้น ในฐานะคนดูเราอาจรู้สึกเฉย ๆ แต่ถ้าอดีตที่ผ่านมา คุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยรู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้ คุณจะเข้าใจตัวละครเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
แต่ก่อนเคยสงสัยนะว่าทำไมในละครหรือซีรีส์ที่มีตัวละครหลักเป็นเด็กมัธยมปลาย ถึงชอบที่จะเล่าชีวิตของเด็กม.5 มากกว่าเด็กระดับชั้นอื่น ซึ่งหลังจากที่ผ่านชีวิตมาได้สักระยะหนึ่ง ก็รู้ว่าที่ต้องเป็นม.5 เพราะเด็กม.4 ยังเด็กไป เพิ่งเริ่มต้นชีวิตม.ปลาย ประสบการณ์ยังน้อย วิชาอาคมยังไม่แก่กล้า ส่วนเด็กม.6 ก็แก่ไป เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องเตรียมสังขารเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยซะมากกว่า ไม่ค่อยมีเวลามาสนใจเรื่องอื่น ม.5 นี่แหละ จึงเป็นวัยที่กรุบสุดแล้ว
เรื่องนี้แปลกใหม่จาก School เรื่องก่อน ๆ ตรงที่บอกเล่าการศึกษาในโรงเรียนเฉพาะทางในสายอาชีพ สังคมเกาหลีก็คล้ายกับสังคมไทย ตรงที่เด็กที่เรียนสายอาชีพก็จะไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าไรนัก แต่ที่โหดร้ายกว่านั้นคือการแข่งขันของเด็กเกาหลีสูงกว่าบ้านเรามาก โดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เกาหลีไม่มีมหาวิทยาลัยเอกชนรองรับ สอบปีนี้ไม่ผ่าน สอบใหม่ปีหน้าเท่านั้น และที่สำคัญ ที่นั่นให้ความสำคัญกับชื่อของสถาบันที่บัณฑิตจบมามาก มีเพียงเด็กที่จบมหาวิทยาลัยท็อป ๆ ของประเทศเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้งานดี ๆ ทำ
ในทุก ๆ การกระทำ มีเหตุผลของมัน
อย่างที่บอกว่า School 2021 ก็เป็นซีรีส์สูตรสำเร็จเรื่องหนึ่ง ที่พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรหวือหวา เรื่องของเด็กวัยรุ่นตามหาฝัน มีแอบชอบกัน มีทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ผิดใจกัน แต่สุดท้ายทุกสิ่งอย่างจะยุติลงได้และให้อภัยกันก็เพราะคำว่า “เพื่อน” อีกส่วนที่เล่าคล้ายเดิม คือการสะท้อนปัญหาสังคมและการศึกษา ผ่านเรื่องราวของเด็ก ๆ ในวัยมัธยมที่ดูเหมือนจะสดใส ใช้ชีวิตชิล ๆ แบบที่ผู้ใหญ่เข้าใจว่าไม่มีเรื่องให้เครียด ทั้งที่ความจริงแล้วมันมีอะไรหลายอย่างที่แย่กว่านั้น ที่พ่อแม่ผู้ปกครองอาจไม่เคยรู้
จากที่แล้ว ๆ มา School ซีซันอื่นก็เคยพูดถึงเรื่องของเด็กห้องบ๊วย การบูลลี่กลั่นแกล้งกันในโรงเรียนที่ถึงขั้นทำให้เด็กฆ่าตัวตาย และเรื่องราวของการทุจริตในโรงเรียน ส่วนภาคนี้ก็จะมาเล่าในประเด็นของเด็กที่เรียนสายอาชีพ ทำให้เรื่องของภาคนี้ดูน่าสนใจมากกว่าเรื่องในโรงเรียนสายสามัญที่เราเคยดูกันบ่อย ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าที่นั่นเขาด้อยค่าเด็กสายอาชีพกันแค่ไหน (แต่บ้านเราหนักอยู่) เราจะเห็นมุมมองที่สังคมดูถูกโรงเรียนและเด็กสายอาชีพ ยกย่องเด็กสายสามัญ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเด็กหลาย ๆ คนเลือกเองที่จะเรียนสายอาชีพ เพราะเขาชัดเจนในความฝันแล้ว
เหมือนที่นางเอกเลือกเรียนสายอาชีพ เธออยากเป็นช่างไม้มาตั้งแต่เด็ก แต่แม่ไม่ปลื้มอย่างแรง แม่ของนางเอกเป็นครูโรงเรียนสายสามัญ ไม่พอใจที่ลูกเรียนสายอาชีพและไม่พอใจที่ลูกออกไปหางานพาร์ทไทม์ทำหลังเลิกเรียน คนเป็นแม่ทำเป็นไม่รู้จักลูกของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกศิษย์ ทั้งยังคาดหวังที่จะให้ลูกเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพียงเพราะเป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่ทำกัน โดยไม่สนใจความฝันและความต้องการของลูก การที่ลูกไม่เลือกทางนี้จึงเป็นเด็กแปลก และไม่ได้รับการยอมรับ
อีกทั้ง เมื่อเรื่องเล่าถึงการเรียนสายอาชีพ ก็จะมีการเชื่อมโยงไปสู่การทำงานจริง ๆ เด็กสายอาชีพที่เรียนอยู่ในระดับที่ถึงเวลา พวกเขาต้องออกไปฝึกงาน แต่อย่างลืมว่าพวกเขาก็แค่เด็กที่มีอายุช่วงมัธยมปลายเท่านั้น ประสบการณ์ไม่มี วุฒิภาวะน้อย พวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง แล้วจะผ่านมันไปได้อย่างไร บนเงื่อนไขที่ว่าตัวเองเป็นคนเลือกแล้วว่าจะเดินทางนี้ เด็กอาจท้อแท้ โทษตัวเอง แล้วคิดว่าตัวเองนี่แหละที่เลือกผิด แต่ก็นะ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรนี่นา
ตรงนี้นี่เองที่เราจะรู้สึกได้ว่า School ซีซันนี้ เด็ก ๆ ในเรื่องมีวุฒิภาวะมากกว่าซีซันก่อน ๆ พวกเขาคิดเองเป็น และคิดได้ดีด้วย เน้นที่การเลือกวิชาชีพที่จะเลี้ยงตัวเอง ไม่ได้เน้นเดินตามมาตรฐานของสังคมเพียงเพราะคนส่วนใหญ่เขาทำกัน ทุกการเลือกและทุกการกระทำของพวกเขา มีเหตุผลที่ใช้สนับสนุน โดยเฉพาะความชอบและความถนัดของตนเอง ค่อนข้างที่จะเข้าใจชีวิตมากขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ
และว่าบาป นางเอกฉันปังนะ จะมีช่วงหนึ่งที่พระเอกเผชิญกับปัญหาอย่างหนักหน่วง แล้วคือนางเป็นห่วงพระเอกมากใช่ปะ ก็ชวนไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเลยสิคะ! แหม!!!
พวกที่คิดจะโกงคนอื่นมีอยู่ทุกที่
บอกเลยว่าถ้า School 2021 ไม่เล่นประเด็นนี้ มันก็จะผิดสูตรความเป็นตำนานของซีรีส์ตระกูล School อย่างที่บอกว่าเสน่ห์ของแฟรนไชส์ซีรีส์ตระกูลนี้ คือการสะท้อนปัญหาสังคมและปัญหาการศึกษา ถ้าใครกะว่าจะมาดูอะไรใส ๆ ล้างตาช่วงปลายปี หลังจากผ่านซีรีส์ประสาทแ_ก ใจบาง ปวดตับมาตลอดปี ถ้าดูแบบไม่คิดเยอะ ดูความน่ารักของนักแสดง ฉากกุ๊กกิ๊กชวนจิ้น เรื่องนี้ก็ให้ได้อยู่ แต่ถ้าตั้งใจดูแก่นหลักของมันจริง ๆ บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ก็ขมขื่นและอึดอัดอยู่พอสมควร
จริง ๆ แล้ว นี่เป็นสูตรสำเร็จที่มีอยู่ในซีรีส์เกาหลีแทบทุกเรื่อง ความไม่เท่าเทียมกันของคนที่มากกว่าทั้งเงิน อำนาจ และหน้าตาในสังคม กับคนธรรมดาปากกัดตีนถีบที่ต้องดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตรอด พยายามให้ตายก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง การเอาเปรียบกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้โอกาสเด็กไปฝึกงาน แต่เมื่อเด็กไปแล้วกลับไม่เหมือนที่คุยกันไว้ เด็กถูกเอารัดเอาเปรียบ เด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ทั้งใหญ่และแย่ จนมีเด็กคิดฆ่าตัวตาย เอาเข้าจริงมันก็เป็นปัญหาสังคมที่ย่อส่วนลงมาให้เห็นแค่อยู่ในสังคมเล็ก ๆ ที่เรียกว่าโรงเรียนเท่านั้นเอง
ในเรื่องนี้ตัวละครครูก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเติบโตของเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ โดยที่เขาก็จะเติบโตไปพร้อมเด็ก ๆ หลังจากที่ต้องพบเจอกับความไม่ยุติธรรม การโกง การเอาเปรียบ ก็ต้องมาดูว่าเขาจะปกป้องนักเรียนของเขายังไง
และที่น่าสนใจก็คือ เวลาที่ดูซีรีส์ อยากให้ลองเอาตัวเองเข้าไปแทนตัวละครแต่ละตัวที่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมดู เราผ่านวัยมัธยมมาแล้วน่าจะรู้ว่าเป็นยังไง เมื่อในสังคมไม่มีค่าของความตั้งใจและพยายาม มีแต่ค่าของเงินและอำนาจเท่านั้น แล้วถ้าต้องเจอแบบนี้ทุกครั้ง ใครบ้างจะไม่รู้สึกคับแค้นใจ ความฝันของเด็กคนหนึ่ง อาจถูกทำลายเพราะเด็กอีกคนหนึ่งเป็นลูกใครหลานใคร
บอกเลยว่า School 2021 อาจเป็นซีรีส์ที่เรียบ ๆ นิ่ง ๆ ไม่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ เรื่องที่กำลังออนแอร์พร้อมกันและอีกหลายเรื่องที่กำลังเตรียมออนแอร์ ใครที่ชอบความท้าทายหนักหน่วง เรื่องนี้คงไม่ตอบโจทย์ แต่ก็อยากให้ลองเปิดดูชีวิตของเด็กมัธยมปลายที่เราเองเคยผ่านมาหมดแล้วดูเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ก็ได้ย้อนวัยกลับไปในเวลานั้น ที่คงมีทั้งความสุขและความทุกข์ ?