Blue Birthday ของขวัญวันเกิดที่ไม่มีใครลืมได้ลง!

ภาพจาก Kpopmap

วันนี้ขี้เกียจอารัมภบทอะไรมากมาย ซีรีส์ที่จะนำมาฝอยในวันนี้ เป็นเรื่องที่ชื่อเรื่องดูเหมือนจะละมุน มูดแอนด์โทนใส ๆ วัยเรียน (แหละมั้ง) แต่เนื้อเรื่องไม่ค่อยจะใส ๆ เหมือนชื่อ แล้วก็ไม่ใจดีกับคนดูด้วย (เหอะ ๆ) คือซีรีส์เกาหลีชื่อเรื่องว่า Blue Birthday เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ณ เวลานี้ ออนแอร์ไปแล้ว 3 ตอน ซับไทยถูกลิขสิทธิ์ไปดูที่ WeTV นะคะ ดูฟรีได้เลยไม่ต้องสมัคร vip

Blue Birthday เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี โรแมนติก ดราม่า แอบระทึกขวัญหน่อย ๆ เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอดีตที่เจ็บปวดในวันเกิดของตัวเองเมื่อ 10 ก่อน เธอตั้งใจจะให้วันเกิดอายุครบ 18 เป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของตัวเอง ด้วยการสารภาพรักกับเพื่อนสนิทที่เธอแอบชอบเขา แต่เหตุการณ์วันนั้นกลับกลายเป็นเรื่องเศร้าและความทรงจำที่โหดร้ายที่สุด เพื่อนผู้ชายคนนั้นของเธอฆ่าตัวตายในห้องชมรมถ่ายภาพของโรงเรียน แล้วทำไมต้องเป็นในวันเกิดของเธอ? (ของขวัญที่ไม่มีวันลืมได้ลงจริง ๆ)

10 ปีต่อมา เธอบังเอิญเดินผ่านสตูดิโอถ่ายภาพขาวดำแบบดั้งเดิม ที่พระเอกเคยเอากล้องฟิล์มมาล้าง แล้วทิ้งไว้เมื่อ 10 ปีก่อน จริง ๆ คงไม่ได้ตั้งใจทิ้ง แค่ไม่มีโอกาสกลับมาเอา นางเอกเลยมารับไปแทน ภาพที่ล้างออกมามีแค่ 9 รูป เพราะกล้องเก่าและฟิล์มก็เสียหาย กลับมาบ้าน นางเอกไล่ดูรูปภาพความทรงจำทีละใบ ๆ จนเจอใบหนึ่งที่เป็นรูปตัวเอง พร้อมกับเจอจดหมายที่พระเอกเขียนด้วยลายมือ ว่าจริง ๆ แล้วเขาก็ชอบเธอมาตลอดเหมือนกัน

อารมณ์ที่รับไม่ได้กับความเจ็บปวด อดีตที่ฝังใจมันถาโถมเกินรับได้ เธอเลยตัดสินใจเผารูปถ่ายตัวเอง (ใบเดียว) ร้องไห้คร่ำครวญว่าขอให้ได้เจอเขาแค่อีกสักครั้งก็พอ จากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เธอได้ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 10 ก่อน ก่อนหน้าที่เขาจะฆ่าตัวตาย ทีแรกเธอคิดว่าเป็นความฝัน ฝันที่สุดท้ายก็ต้องตื่น แต่กลับมาปัจจุบัน เธอก็พบว่ามันคือความจริง เธอย้อนอดีตได้ และในตอนล่าสุดเธอเหลือรูปอีกแค่ 7 ใบ ถ้าเธอเผารูปที่เหลืออยู่ มันจะพาเธอกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตที่เจ็บปวด และช่วยชีวิตเขาไว้ได้หรือเปล่า?

ภาพจาก Kpopmap

สำหรับนักแสดงนำของเรื่องนี้ถูกใจสายติ่งไอดอล พระ-นางเป็นไอดอลทั้งคู่ นางเอกคือ คิม เยริม หรือเยริ สมาชิกวง Red Velvet ส่วนพระเอกคือ ยัง ฮงซอก หรือฮงซอก สมาชิกวง Pentagon สาแก่ใจอิช้อย

ก็แค่วันเกิดเอง

เพราะจุดขายของซีรีส์เรื่องนี้คือ “วันเกิด” ข้อความต่อจากนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องของซีรีส์ แต่อยากแชร์

สำหรับเรา ถ้าได้ยินใครพูดว่าวันเกิดก็เป็นแค่วันเกิด เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเหมือนทุกวัน เอาดี ๆ รู้สึกเศร้านะ เชื่อได้เลยว่าถึงปากจะพูดว่ามันธรรมดา ด้านชาจนชิน เลิกคิดไปนานมากแล้วว่าอยากได้อะไรในวันเกิด หรือไม่คิดอะไรแล้วเกี่ยวกับวันเกิด แต่ลึก ๆ เราต่างอยากเป็นคนสำคัญสำหรับใครบางคนเสมอ อย่างน้อยที่สุดก็คนรอบตัว ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เราแคร์ ยิ่งแคร์มากเวลาน้อยใจเสียใจก็ยิ่งมาก ถึงจะทำได้แค่เก็บไว้คนเดียวก็ตาม

ไม่กี่วันก่อน เพิ่งได้ดูคลิปในยูทูบช่องของ 2 ศรีพี่น้อง ยิปซี คีรติ เเละ ยิปโซ อริย์กันตา ซึ่งเทปนั้นเป็นวันเกิดของยิปโซ (ถึงจะไม่ได้ถ่ายตรงวันจริง) หลายคนรู้ว่าแต่ก่อน 2 พี่น้องเคยมีปัญหากันอย่างแรง (ก็ธรรมดาของพี่น้องอะเนอะ) ยิปโซถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวอยู่ตลอด จนยิปโซไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีพี่สาว แต่คลิปนี้ทำให้ร้องไห้ได้จริง ๆ โดยเฉพาะคำพูดที่พี่สาวพูดกับน้องสาว ที่แอบตัดพ้อเบา ๆ ว่าไม่ค่อยมีโมเมนต์ที่คนมาฉลองการเกิดมาของตัวเอง และส่วนใหญ่ยิปโซคือคนที่ทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด

“คนอย่างโซเนี่ยนะ เกิดมาบนโลก มันต้องฉลอง ฉันบอกแกไปกี่ทีแล้วว่าแกเป็นมนุษย์พิเศษ รู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่มีคนแบบนี้อยู่บนโลก แล้วเราก็ได้รู้จักเขาอีก แถมที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เราได้เป็นพี่เขา มันเจ๋งมากจริง ๆ”

คนที่คิดว่าวันเกิดตัวเองไม่ได้มีอะไรพิเศษ พอมีคนทำให้มันพิเศษ ก็รู้สึกซึ้งแล้วก็ขอบคุณมาก ๆ ต่อให้ใจเป็นหินแค่ไหน ได้ยินแบบนี้ก็มีสะท้านกันบ้าง บางทีสิ่งที่เราต้องการในวันเกิดอาจไม่ใช่ของขวัญราคาแพง หรือคนนับสิบนับร้อยในเฟซบุ๊กมาอวยพรวันเกิด ถึงเราจะอยากเป็นที่รักของทุกคน อยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่ขอแค่มีคนที่เรารัก คนที่เราแคร์เท่านั้นแหละที่เราอยากให้เขาใส่ใจเรา แค่คำพูดไม่กี่คำ มันมีพลังในตัวของมันเอง

อย่ามาเสียใจทีหลังที่ไม่ทำแบบนั้น

มีใครเคยพูดคำว่า “เดี๋ยว” กับอะไรบางอย่าง หรือรู้สึกลังเลสองจิตสองใจว่าทำดีไม่ทำดี แล้วสุดท้ายมันไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงไหม? อยากรู้ว่าเสียใจแค่ไหนที่ไม่ทำตั้งแต่แรก เสียใจแค่ไหนที่สายไปแล้ว!

ภาพจาก Kpopmap

ชีวิตนี้ไม่มีอะไรมากหรอก อยากทำอะไรทำ อยากกินอะไรกิน อยากบอกรักใครบอก อยากกอดใครกอด ใช้ชีวิตแบบนี้เถอะ แบบที่มีคนเคยบอกว่า (ใครก็ไม่รู้บอก) จงใช้ชีวิตวันนี้ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ไม่ได้หมายความว่าให้มีชีวิตอยู่แบบไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคต ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แบบนั้นนะ แต่ให้คิดว่าไม่อาจจะไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเรา จริง ๆ ไม่ต้องถึงพรุ่งนี้หรอก อาจจะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ได้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะรู้ว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ไม่ต้อง “รอ” ให้ถึง “วันพิเศษ” เพราะเราทำวันธรรมดาให้พิเศษได้เอง

อย่าลังเลที่จะให้ความสุขกับตัวเอง หรือให้ความสุขคนที่เรารัก อย่าให้ทุกอย่างมันสายเกินไป เพราะก่อนจะถึงวันสุดท้าย มันก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

เพราะฉะนั้น ถ้ายังลังเล สับสนที่จะลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่ ลองถอยออกมามองตัวเองด้วยสายตาคนอื่น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเลือกที่จำ “ทำ” โอกาสมี 50/50 ครึ่งหนึ่งสมหวัง ครึ่งหนึ่งผิดหวัง แต่ถ้าเลือกที่ “ไม่ทำ” หมายความว่าเราไม่มีโอกาสพูดได้ด้วยซ้ำว่าโอกาสมัน 50/50 ไม่เริ่ม ผลลัพธ์มันก็ศูนย์ชัวร์ ๆ นี่นา

“เราเรียนรู้จากอดีตได้ แต่อย่าจมอยู่กับอดีต”

เป็นคำพูดที่ซีรีส์ที่พยายามเน้นทุกอีพี คำพูดที่ยกมาเป็นคำพูดของ ลินดอน เบนส์ จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา จากภาษาอังกฤษว่า “We can draw lessons from the past, but we cannot live in it.” สำหรับภาษาไทยที่แปลซับในซีรีส์ คือ “เราเรียนรู้จากอดีตได้ แต่อย่าจมอยู่กับอดีต” นั่นเอง

เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกที่จะจมอยู่กับอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทำได้แค่ทำใจปล่อยมันไป เจ็บปวดทรมานแค่ไหนก็ต้องปล่อยมันผ่านไป ต้องให้ย้ำอีกกี่ทีว่า “เราแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ได้” หรือต่อให้คิดว่ามีปาฏิหาริย์บนโลกนี้จริง ๆ อย่างในซีรีส์ที่คนเราจะท่องเวลาย้อนอดีตได้ แน่ใจแค่ไหนว่าเราจะเปลี่ยน แก้ไข หรือรักษามันไว้ ไม่ให้ผลลัพธ์เป็นอย่างที่ต้องเจอทุกวันนี้ได้จริง ๆ

ก็อย่างที่บอกมาเสมอ ว่าถ้าอยากจะทำอะไรที่คิดว่ามีความสุข คนอื่นไม่เดือดร้อนก็ทำเลย อย่าลังเลพิรี้พิไร เพราะถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องของอดีตที่โอดครวญให้ตายก็แก้ไขไม่ได้ ชีวิตจริงไม่เหมือนในซีรีส์แฟนตาซีหรอกนะ ที่เผารูปถ่ายแล้วจะเกิดเรื่องมหัศจรรย์เดินทางข้ามเวลาได้ อย่าให้ตัวเองในตอนนี้และตัวเองในอนาคตต้องมานั่งโทษตัวเองในอดีต “รู้งี้ วันนั้นฉันน่าจะ… อยากย้อนเวลากลับไปจัง”

มันก็ยากอยู่ที่จะยอมรับความผิดพลาดในอดีตแล้วใช้ชีวิตแบบคนไม่มีแผลเลย แต่ก็คงไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว ที่จะยอมรับความจริงแล้วอยู่กับปัจจุบันซะ เพ้อเจ้อถึงวันวาน ฝังตัวเองอยู่ในนั้น หรือคร่ำครวญไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จงมูฟออนให้ได้ เปลี่ยนความผิดพลาดมาเป็นประสบการณ์ชีวิต เป็นบทเรียนที่จะไม่ทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองดีกว่าไหม เวลาที่ผิดพลาดเรื่องเดิม ๆ บ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่เหนื่อยหรือเบื่อบ้างเหรอถามจริง? ใช้ชีวิตปัจจุบันและอนาคตของตัวเองให้ดีเพื่อชดใช้ความผิดในอดีตสิ

ภาพจาก Kpopmap

เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญเลยนะที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ช่วงใกล้วันเกิดตัวเองพอดิบพอดี จริง ๆ แล้วเราก็เป็นคนหนึ่งที่มองว่าวันเกิดก็เป็นแค่วันธรรมดาหนึ่งวัน มี 24 ชั่วโมง เดี๋ยวก็หมดไป แต่ในใจลึก ๆ ก็แอบหวังแหละว่าคนรอบข้างจะจำได้ แต่ที่หวัง (ตั้งตารอ) มากกว่า คือ อยากได้เงินก้อนใหญ่ ๆ เป็นของขวัญจัง (ชอบลงทุนตัวเลขทุกวันเกิด) แล้วก็หวังว่าโควิดจะหมดไปไว ๆ ส่วนอย่างอื่นไม่มีแล้ว มีเงินซะอย่างจะเอาไปทำอะไรก็ได้ แต่ต่อให้ถูกหวยรวยแค่ไหน ก็ซื้อชีวิตแบบปกติก่อนมีโควิดไม่ได้ เงินมากมายก็ดูจะด้อยค่าลงเลยนาทีนี้ ???