ในขณะที่ละครไทยหลายเรื่องยังคงงมงายกับพล็อตเมียหลวง เมียน้อย นางร้ายปากแดงแย่งผู้ชายทุกคน พระเอกนางเอกแค้นกันไปมา สุดท้ายก็รักกันปานจะกลืนกินอยู่ดี ละครน้ำเน่าที่รู้ว่าเน่าแต่ก็ดัง ละครบู๊สาดกระสุนนับพันแต่หลบได้หมด ละครที่มี CG แบบตัดแปะ ละครที่บทหาความสมจริงไม่ได้ หรือเอาละครเก่ามารีเมกถี่ยิบ จบไปยังทันเห็นเครดิตท้ายเรื่องไว ๆ เวอร์ชันใหม่ก็ได้นักแสดงครบทุกตัวเรียบร้อย คือไม่ได้จะว่าอะไรหรอกถ้าทำแล้วมันจะขายได้ในดินแดนนี้ คนที่ไม่ปลื้มก็แค่ไปหาละครชาติอื่นดูหรือหาแหล่งความบันเทิงอื่นเสพ มีอยู่มากมาย ไม่ว่ากัน
จริง ๆ ชาติอื่นเขาก็มีละครที่พล็อตน่ารำคาญ หรือละครบ้ง ๆ แบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ ซีรีส์เกาหลีก็ไม่ได้ว่าบทดี นักแสดงเล่นดี หรือน่าอวยไปซะทุกเรื่อง เรื่องที่มีคนด่ามากกว่าคนชมก็มีอยู่เยอะ ชาวเน็ตเกาหลีก็ใช่ย่อย วิจารณ์หรือด่าทีก็ปากแจ๋วไม่ต่างจากชาวเน็ตไทยเลย เพียงแต่ซีรีส์บ้านเขามันไม่ได้วนในอ่างจนไม่มีของใหม่เลย ขนาดไม่ได้เปิดทีวีกี่ชาติเปิดมาทุกอย่างก็เหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นก็เห็นอยู่นะว่าวงการละครบ้านเราก็พยายามจะมีของใหม่อยู่เหมือนกัน แบบที่พอจะเรียกคนที่เลิกดูละครไทยไปแล้วให้กลับไทย แม้ว่าอาจจะยังทำการบ้านไม่ดีพอนักสำหรับบางเรื่อง ก็ขอเป็นกำลังใจให้ แต่เหตุผลที่สำคัญ คือ คนไทยไม่เสพ! ไม่ถูกจริตคนไทย!
ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายอะไรละครไทย เพราะเราเองก็อยากเห็นวงการละครไทยพัฒนาไปข้างหน้ามากกว่าจะย่ำอยู่กับที่หรือถอยหลังลงคลอง ทำแบบส่งออกเป็น Soft Power ได้เลยก็ดีมาก ก็อยากให้รู้แหละว่าอะไรที่มันเป็นปัญหา และอยากให้รู้ว่าพล็อตละครของชาติอื่นเนี่ยเขาไปไหนต่อไหนแล้ว ล่าสุดเขาไปยันโลกหลังโควิดกันแล้ว แม่จ๋า!!! เขามีละครที่พูดถึงโรคระบาด ใส่แมสก์ในฉาก จนมีละครที่เป็นชีวิตยุคหลังโควิดแล้วค่าาา
Happiness ซีรีส์ที่มีพล็อตเรื่องเล่าถึงชีวิตของโลกมนุษย์หลังจากที่โควิด-19 ผ่านพ้นไป ผู้คนสามารถถอดหน้ากากออกจากบ้าน กลับมาใช้ชีวิตกันได้อย่างปกติแบบก่อนที่จะมีโควิด แต่ผลกระทบหลังจากเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ คือ ความเหลื่อมล้ำ การแบ่งแยกชนชั้น และสงครามจิตวิทยาระหว่างชนชั้นที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ท้าทายการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิม
ชีวิตที่กำลังจะดี จู่ ๆ ก็มีโรคระบาดโรคใหม่เกิดขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา โรคนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว โดยการอาละวาดกัดคนของผู้ที่มีเชื้อ พวกเขามีสภาพคล้ายซอมบี้ แต่สามารถมีสติรู้สึกตัวได้เป็นระยะ ๆ ผู้ที่ถูกกัดก็จะได้รับเชื้ออย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขาอาจตายก่อนเพราะว่าเสียเลือดมาก ขณะที่ผู้คนล้วนเหนื่อยล้ากับการต่อสู้กับโควิดจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันช่วงหนึ่ง ชีวิตดี ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่พังทลายลงทันทีด้วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ พวกเขาต้องกลับมาอยู่กันอย่างหวาดกลัวและตื่นตระหนกอีกครั้ง และสถานการณ์กำลังจะรุนแรงจนยากเกินจะควบคุม
นางเอกของเรื่อง เป็นสิบเอกหญิงแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เธอมีเป้าหมายสูงสุดที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง ด้วยความเชื่อที่ว่าจะต้องอยู่อย่างมีความสุขให้ได้บนโลกที่วุ่นวายยุ่งเหยิงแบบนี้ อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้กลายเช่าห้องในอะพาร์ตเมนต์สร้างใหม่จริง ๆ จากการทำงานอย่างหนัก และความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อตัวใหม่นี้ ทำให้เธอได้คะแนนพิเศษเข้าอยู่อาศัยตามโควตา แต่มันก็ยังไม่มากพอ เธอจึงเพิ่มคะแนนด้วยการสถานภาพสมรส ขอพระเอกแต่งงานมันซะเลย นางเอกเรื่องนี้นี่ไอดอลจริง ๆ
พระเอกเองก็เป็นตำรวจเช่นกัน เขาเคยเป็นอดีตนักกีฬาเบสบอลอนาคตไกล แต่ก็ดับเพราะบาดเจ็บจนกลับไปเล่นไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่นางเอกเคยช่วยชีวิต แถมยังเคยขอคบนางเอกสมัยเรียนด้วย เพราะประทับใจวิธีช่วยชีวิตที่บ้าระห่ำของนางเอก (ฮ่า ๆ) ณ เวลานี้ ทั้งคู่เลยย้ายมาอยู่ด้วยกันในฐานะคู่แต่งงานปลอม ๆ เป็นสามีภรรยากำมะลอของกันและกัน (แต่แอบชอบกันจริง ๆ)
อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ชั้นสูง ๆ (ตั้งแต่ชั้น 6 เป็นต้นไป) มีไว้ขายให้พวกคนมีเงิน แต่ชั้นล่างมีไว้ให้สาธารณชนเช่า โดยมีการแบ่งแยกชัดเจนว่าคนที่อยู่ชั้นล่าง ๆ ไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้ และไม่สามารถใช้พื้นที่สาธารณะบางอย่าง เพราะสงวนไว้ให้พวกคนมีเงินเท่านั้น ผู้คนก็มีการเหยียดกันไปมาด้วยสายตาและการแสดงออก ที่แม้ว่าจะยังรักษามารยาทแต่ก็ดูออกว่ารังเกียจ ถึงอย่างนั้น ด้วยโรคระบาดอุบัติใหม่ ยิ่งทำให้ชีวิตของคนในอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ยิ่งแย่ เพราะมันกำลังนำไปสู่ความวุ่นวายที่ต่างคนต่างต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากโรคประหลาดนี้
จะบอกว่าเปิดดูไปได้ 2 ตอน ขอตอนใหม่ด่วน ๆ เลยจ้า สนุกมาก ชอบความพล็อตล้ำ ๆ ของเกาหลีเขานะ คือเวลานี้จริง ๆ โควิดมันยังไม่หมดด้วยซ้ำ แต่เกาหลีหล่อนสร้างซีรีส์ที่ล้ำไปในช่วงที่โควิดหมดไปแล้ว หายไปจนมีโรคระบาดใหม่อุบัติขึ้นมาแล้ว เขาต้องจินตนาการไกลขนาดไหนอะคิดดู และอีกเหตุผลที่คงจะทิ้งเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว ก็คือเลิฟไลน์น่ารักมาก เพื่อนเขาแอบชอบกัน แต่ฉันเขิน มันเอามาขัดความระทึกขวัญได้ดีทีเดียว
โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานคัมแบ็กในรอบ 5 ปีของ ฮันฮโยจู ที่เรื่องนี้โคตรสวย หน้าใสมาก อายุ 34 แล้วแต่ใส่ชุดนักเรียนเป็นเด็กมัธยมได้โดยไม่ติด ยิ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบคือยิ่งหลง ส่วนพระเอก พัคฮยองชิก นี่ก็เป็นผลงานคัมแบ็กหลังออกจากกรมมาเมื่อต้นปีเช่นกัน กลับมาเรื่องนี้คือหุ่นแน่นกว่าผลงานเดิม ๆ แต่ไม่ติดเพราะหล่อเหมือนเดิม (ฮี่ ๆ) แถมยังได้ โจอูจิน มาร่วมแสดงนำ ในบทที่ดูแล้วไม่กล้าฟันธงเลยว่าจะเป็นตัวร้ายหรือตัวดี
แต่การได้ถอดหน้ากากสูดอากาศบริสุทธิ์ มันก็ดีมากไม่ใช่เหรอ
ในโลกความเป็นจริงที่ไม่ใช่ในซีรีส์ นี่อาจจะกลายเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไปแล้วนะดูทรง คือ สถานการณ์ที่กำลังจะเหยียบเข้าปีที่ 3 แบบนี้ ยังคาดหวังได้อยู่เหรอว่าจะมีวันที่เราจะได้ถอดหน้ากากออกจากบ้าน แล้วก็อวดลิปสติกสีใหม่อย่างสบายอกสบายใจ มองไม่เห็นภาพเลยใช่ไหม ทุกวันนี้เวลาแต่งหน้า แต่งแค่ช่วงดวงตาก็คือพอแล้วล่ะ จบ ออกจากบ้านได้ จะทาแก้มทาลิปไปเพื่ออะไรสุดท้ายก็ใส่หน้ากากปิดเกือบจะทั้งหน้าอยู่ดี
เข้าใจดีว่ามาคร่ำครวญแบบนี้มันก็คงไม่ได้ทำให้โควิดหายไปวันนี้พรุ่งนี้ (แต่ก่อนต้องทำใจยอมรับสภาพ ขอบ่นก่อนไม่ได้เหรอ) เพื่อให้ยอมรับได้ง่ายที่สุด คงต้องคิดไปในเชิงว่ามันไม่มีโอกาสแล้วล่ะที่จะเห็นโควิดหมดไปจากโลกนี้ ถ้ามันไม่หมดไปก็คงต้องหันมาอยู่กับมัน น่าจะง่ายกว่าการเอาชนะ และคิดว่าอีกไม่นานหลาย ๆ ชาติก็น่าจะใช้มาตรการอยู่กับมันให้ได้มากกว่าดันทุรังที่จะกำจัดให้หมดไป
หลายคนอาจมองว่าชีวิตหลังจากที่เราถอดหน้ากาก นั่นแหละคือความสุขที่มนุษย์โลกขาดหายไปมานานมากแล้ว แบบที่ชื่อซีรีส์ตั้งว่า Happiness นั่นเอง แต่พอได้ดูจริง ๆ ก็เริ่มสงสัยละว่ามัน Happiness ตรงไหน (วะ) อมยิ้มซีนนางเอกพระเอกได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง ที่เหลืออยู่คือหวาดผวาระทึกขวัญหมดเลย แบบนี้มันแกงกันชัด ๆ เปิดมายังแกงกันหม้อใหญ่ขนาดนี้ หลังจากนี้เราจะคาดหวังความหมายของชื่อเรื่อง Happiness ไปในทิศทางไหนได้บ้าง มันยังต้องมีเรื่องน่าประสาทกินมากกว่านี้อีกอย่างแน่นอน หรือไม่แน่ โลกเราอาจกลายเป็นดินแดนดิสโทเปียที่เลวร้ายสุด ๆ ก็เป็นได้นะ เมื่อคนล้วนกลายเป็นปีศาจที่หิวกระหายไปจนหมด
ส่วนตัวมองว่าชื่อเรื่อง Happiness คือการพยายามจะทำให้มันรู้สึกได้หลายมุม มุมหนึ่งก็เริ่มจากการที่ตัวละครในเรื่องผ่านพ้นช่วงการเอาตัวรอดจากโควิดมาแล้ว มันก็ควรจะมีความสุขกันได้แล้ว อย่างนางเอกเองก็เหมือนชีวิตเข้าใกล้ความสุขและเป้าหมายชีวิตของตัวเอง เพราะการจะมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายนักในสังคมเกาหลี การย้ายเข้ามาอะพาร์ตเมนต์ใหม่จึงเป็น “ความสุข” ที่นางเอกโหยหามาโดยตลอด ถึงขั้นต้องขอเพื่อนแต่งงานแล้วพาเข้ามาอยู่เป็นสามีปลอม ๆ ก็ยอม ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทาง จนเธอเริ่มกลัวและภาวนาว่าโลกอย่าเพิ่งแตกสลายตอนนี้เลย
แต่หลังจากนี้ไป ตัวละครทุกตัวคงจะได้เผชิญกับความทุกข์ทรมาน จนอาจต้องร้องขอให้โลกแตกไปซักทีก็ได้ ความขัดแย้ง ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ทุกคนต่างต้องการเอาตัวรอดและแสวงหาความสุขในแบบของตัวเอง เผื่อว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ให้รู้สึกมีความสุขอีกแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้คงจะค่อย ๆ พาไปค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำว่า Happiness ว่าจริง ๆ แล้วมันใช่ความสุขแน่ไหน หรือแท้จริงแล้วมันคืออะไร
อีกอย่างที่ว่าไมาได้ คือเคมีของคู่พระนาง บอกเลยว่ามันช่วยให้มูดแอนด์โทนของเรื่องดีขึ้นเยอะ ความสัมพันธ์แบบที่คอยช่วยเหลือกันมาโดยตลอด บทสนทนาตรงไปตรงมาที่ฟังแล้วอยากจะ “แหม” ไปให้ถึงดาวอังคาร และโมเมนต์เรียบง่ายดูแล้วไม่ควรจะมีอะไร แต่ก็ชวนเขินจิกหมอน อย่างตอนที่พวกเขาช่วยกันจัดบ้าน จนอยากจะให้ Happiness มันหยุดอยู่เท่านี้ เหมือนที่นางเอกอยากให้เป็น
เมื่อคนรังเกียจกันเองยิ่งกว่ารังเกียจเชื้อโรค
สำหรับซีรีส์ที่มีเรื่องของการแบ่งแยกชนชั้น อคติ ความเหลื่อมล้ำ ความที่คนไม่เท่ากันเพราะตัดสินจากชื่อเสียงหรือเงินทองที่มี เราจะได้เห็นซีนที่แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์กันระหว่างเพื่อนมนุษย์แน่ ๆ โดยเรื่องนี้ขออนุมาน (เอาเอง) ไปเปรียบกับเชื้อโรคระบาด ในวันที่มนุษย์เห็นแก่ตัว ตั้งหน้าตั้งตาเพื่อจะเอาตัวรอด มนุษย์นั้นร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก หรือจริง ๆ แล้ว ปีศาจมันก็อยู่ในตัวมนุษย์นี่แหละ ซ่อนอยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดของแต่ละคน วันดีคืนดีมันก็จะออกมาอาละวาด ถ้ามนุษย์ควบคุมจิตใจฝั่งต่ำของตัวเองไม่ได้
เริ่มเรื่องมา หลังจากนางเอกย้ายเข้าอะพาร์ตเมนต์ก็เจอเพื่อนบ้านมองเหยียด ๆ และพูดจาไม่ค่อยจะเข้าหูเท่าไหร่ เราจะได้เห็นภาพความเหลื่อมล้ำผ่านการแบ่งผู้อาศัยแบบซื้อกับแบบเช่าอยู่ คนอยู่ชั้นเช่าห้ามขึ้นไปชั้นบน ฟิตเนสที่พวกเช่าอยู่ก็ใช้บริการไม่ได้ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วเนอะว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แล้วหลังจากนี้ก็น่าจะมีเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ จากความต่างของฐานะ เกิดเป็นชนชั้น ที่ถ้าคุณอยู่ชั้นสูง มีเงิน มีอำนาจ คุณย่อมมีโอกาสก่อนใคร
ถึงอย่างนั้น ก็ต้องเข้าใจและยอมรับว่าโลกนี้มันขับเคลื่อนได้ด้วยทุนนิยม และมี “เงิน” เป็นปัจจัยหลักที่หนุนหลังมนุษย์ทุกคน มันคงจะยากมากที่เราจะได้อะไรมาโดยไม่ต้องใช้เงิน คนจึงยอมทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ผิดสัญญา หักหลัง โกหก เสี่ยงตาย ทำได้หมดถ้าเงินถึง ที่สำคัญ การมีเงินถือเป็นใบเบิกทางชั้นดีในการมีอำนาจ และสามารถยกสถานะตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นได้ตามใจชอบ อะพาร์ตแมนต์แห่งนี้จะเป็นโลกที่ย่อส่วนลงมา ให้เห็นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดจากการติดเชื้อโรคบ้าในมนุษย์ แต่อาจจะบ้าเพราะสงครามประสาทแทน
เมื่อเมืองนี้เผชิญกับสภาวะโรคระบาด เกิดความวุ่นวายจนถึงจุดตกต่ำ มาดูกันว่าความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นและสงครามประสาทในซีรีส์เรื่องนี้ มันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
ในสถานการณ์แบบนี้แหละที่เราจะได้เห็นธาตุแท้คน
หลายคนคงได้พิสูจน์ด้วยตัวเองกันมาแล้วเนอะ ในช่วงที่โควิดระบาดพีค ๆ เราเจอในสิ่งที่ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะเจอ ซึ่งรวมถึงธาตุแท้และสันดานดิบของคน ที่จะแสดงออกมาโดยสัญชาตญาณเมื่อต้องการเอาตัวรอด คนที่พยายามจะเอาตัวเองให้รอด ไม่มานั่งสนใจอยู่หรอกว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไง ความกลัวและความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัส จะพาคนให้ด่ำดิ่งไปสู่จิตใจด้านที่มืดที่สุดได้ บางทีเราอาจจะเฉยเมยกับผู้อื่น เพราะเราเองก็ต้องการเป็นคนที่รอดจากสถานการณ์แบบนี้
เมื่อจิตใจลงไปสู่ด้านที่มืดที่สุดแล้ว ก็ไม่มีความหวังว่าจะฉุดขึ้นมาได้อีกแล้ว ความกลัวและความพยายามเอาตัวรอดมันได้ครอบงำจิตสำนึกที่รู้ผิดชอบชั่วดีไปหมดแล้ว ลึก ๆ แล้วคงไม่มีใครที่ไม่กลัวหรอก และคงไม่มีใครอยากจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไป แต่อยู่ที่ว่าเราแสดงออกต่อความกลัวและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างไร ในทุกวันนี้เราพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอด และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครติดเชื้อและใครไม่ติด ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวและระแวงกันเอง ซึ่งมันก็ยากพอสมควรเลยที่จะหาทางออกจากภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้เห็นว่ามนุษย์ที่มีอยู่หลากหลายนั้นจะเอาตัวรอดอย่างไร และจะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร เมื่อชีวิตของพวกเขาถูกคุกคาม จะทำให้เห็นถึงความปรารถนาและความกลัวในส่วนที่ลึกที่สุดของมนุษย์ เพื่อที่ให้เราถามคำถามว่า “มนุษย์ จริง ๆ แล้วเป็นแบบนี้เหรอ?” และได้คำตอบว่า “มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ” ดำเนินเรื่องไปแบบที่ค่อนข้างสมจริงทีเดียว เพราะมันคงไม่ใช่ทุกช่วงลมหายใจหรอกที่เราจะคิดถึงแต่ตัวเอง ชีวิตยังมีความรัก ความสัมพันธ์ และความสุขในแบบของเราเอง ถือว่ายังไม่ใช่ซีรีส์ที่เครียดจนประสาทกินหรือจับไข้หัวโกร๋นไปก่อน
ออกมาจากโลกซีรีส์แล้วกลับมาที่โลกความเป็นจริง ก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะเริ่มสงสัยว่าหรือสุดท้ายแล้วโลกก่อนโควิดจะไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป เราต้องใช้ชีวิตแบบคอยป้องกันโรคตลอดเวลาจนกลายเป็นชีวิตประจำวัน ชีวิตเดิม ๆ ของเราที่เคยมีเป็นพื้นฐานอาจจะไม่มีอยู่อีกต่อไป และในที่สุด มันจะกลายเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อที่ทำได้แค่เราเฝ้าฝันถึง ดู ๆ แล้วเรื่องนี้มันก็ออกแนวปรัชญาอยู่เหมือนกันนะ ในโลกที่คนปักธงให้กันเองยังไม่พอ ยังจะมีโรคระบาดเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญให้วุ่นวายมากกว่าเดิมอีก ?♀