
ยังคงมีประเด็นอย่างต่อเนื่อง กรณีการให้บริการ “แท็กซี่” กับ “อูเบอร์” ในบ้านเรา ที่ปัจจุบันมีผู้เลือกใช้บริการรถรับส่งผ่านแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ (Uber) กันมากขึ้น จนทำให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่เกิดความไม่พอใจ เพราะมองว่าถูกแย่งลูกค้า อีกทั้งรถที่นำมาให้บริการลูกค้าผ่านแอพฯ อูเบอร์ ก็ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถสาธารณะอย่างถูกต้องตามกฎหมายเหมือนอย่างแท็กซี่ด้วย
ขณะที่ “ครูหยุย” นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เพิ่งตั้งกระทู้ถามไปยังกระทรวงคมนาคมว่าเหตุใดจึงไม่รับรองรถอูเบอร์ให้ถูกกฎหมาย และดึงอูเบอร์ให้เข้ามาอยู่ในระบบเสียเลย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
จากข้อเสนอแนะดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มแท็กซี่ นำโดยสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ไม่พอใจ จึงรวมตัวกันประท้วงหน้ารัฐสภา เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยหากจะรับรองให้มีบริการรถอูเบอร์ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลแท็กซี่กว่าสองแสนคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากคู่แข่งอย่างอูเบอร์ รวมถึงแกร็บคาร์ด้วย

ขณะที่มุมมองของผู้ใช้บริการหรือผู้บริโภคกลับเห็นต่าง เพราะมองว่ารัฐบาลควรให้ประชาชนได้มีทางเลือก และได้เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด แม้ต้องเสียค่าบริการที่แพงขึ้น แต่หลายคนยินดีจ่าย เพื่อแลกกับการไปส่งยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ดีกว่าต้องมาคอยลุ้นว่าโบกแท็กซี่แล้วจะถูกปฏิเสธกลับมาหรือไม่
นอกจากนี้ ในโลกออนไลน์ยังมีการถกถึงประเด็นดังกล่าวด้วยว่า หากแท็กซี่ให้บริการดีจริงก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกแย่งลูกค้า เหมือนเช่นที่เพจเฟซบุ๊ก “เรื่องจริงผ่าน Wall” แชร์เรื่องราวของลุงขับแท็กซี่คนหนึ่งที่ไม่ได้มองว่าอูเบอร์เป็นคู่แข่ง เพราะถ้าให้บริการดีเสียอย่าง ลูกค้าก็ไม่หนีไปไหน มีแต่ “แท็กซี่กระจอกๆ” เท่านั้นที่กลัวอูเบอร์

ขณะที่บางคนถึงขั้นบอกว่า ถ้าแท็กซี่ไทยไม่อยากให้มีอูเบอร์ ไม่ต้องมาเสียเวลาประท้วง ง่ายๆ แค่ย้ายไปขับอูเบอร์แล้วทำตัวเหมือนเดิม เดี๋ยวอูเบอร์ก็อยู่ไม่ได้เอง โดยข้อความนี้จากผู้ใช้ทวิตเตอร์ มีคนเข้ามารีทวีตข้อความด้วยความถูกใจมากกว่า 29,000 ครั้งเลยทีเดียว

หากมองในเชิงโฆษณา ก็อาจบอกได้ว่า ผู้บริโภคเลือกสินค้าจากความพึงพอใจ(ในการให้บริการ) มากกว่าเลือกสินค้าจากชื่อของแบรนด์ เพราะไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่สาธารณะหรืออูเบอร์ ถ้าให้บริการลูกค้าดี ไม่ปฏิเสธลูกค้า ย่อมมีผู้ใช้บริการอยู่ดี
ดังนั้น หากแท็กซี่สาธารณะยกระดับการบริการของตัวเองให้ได้อย่างอูเบอร์ ก็จะหมดปัญหาเรื่องคู่แข่งไปโดยปริยาย เพราะถ้าดีจริงแถมราคายังถูกกว่า ก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ลง ซึ่งก็คงดีกว่าการออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ดีพอ!