ประเด็นการ “เหยียดผิว” ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบใจคนได้ง่าย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทั้งที่เกิดจากความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
แม้แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชื่อดังอย่าง “นีเวีย” ก็ยังพลาดกันได้ เมื่อโฆษณาสเปรย์ระงับกลิ่นกายที่โพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊กนีเวีย (ตะวันออกกลาง) ใช้ข้อความว่า “White is Purity” หรือ “สีขาวคือความบริสุทธิ์” ประกอบภาพของผู้หญิงที่นั่งบนเตียงนอนในชุดคลุมสีขาว พร้อมมีข้อความใต้ภาพประกอบด้วยว่า “Keep it clean, keep bright. Don’t let anything ruin it” ซึ่งหมายถึง คง(วงแขน)ให้สะอาด คงความสว่างสดใสไว้ อย่าให้อะไรมาทำลายได้
หลังจากโฆษณาดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นประเด็นดราม่าทันที เพราะถูกมองว่าเป็นโฆษณาที่ส่อไปในทางเหยียดสีผิว และเหยียดเชื้อชาติ จนทำให้บริษัท Beiersdorf Global ผู้ผลิตแบรนด์ดังกล่าวต้องถอดโฆษณาภาพนิ่งออก ก่อนจะมีแถลงการณ์ขอโทษตามมาในภายหลังที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าบริษัทยึดถือเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติ และความเท่าเทียมกันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นีเวียพลาดเรื่องประเด็นเหยียดผิว เพราะเมื่อ 6 ปีก่อน ก็เคยมีโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายที่ใช้คำพูดในเชิงเหยียดผิวว่า “Re-Civilize Yourself” (เปลี่ยนตัวเองให้มีความศิวิไลซ์)โดยใช้นายแบบเป็นหนุ่มผิวสีกำลังทำท่าเหวี่ยงหน้าเก่าที่เป็นชายไว้หนวดเครารุงรัง และไว้ผมทรงแอฟโฟร
ขณะที่โฆษณาในบ้านเราก็เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องเหยียดผิวมาแล้วเช่นกัน ทั้งกรณีโฆษณาอาหารเสริมผิวขาว ที่ใช้คำพูดว่า “แค่ขาว…ก็ชนะ” หรือโฆษณาโดนัทช็อคโกแลตรสชาติใหม่ที่ให้นางแบบทาผิวสีดำทั้งตัวทาปากชมพู เพื่อให้เข้ากับชื่อ “ชาร์โคล โดนัท”
แม้ว่าแบรนด์ทั้งหมดจะให้เหตุผลแบบเดียวกันว่าไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่จะเหยียดผิว แต่กลับพบว่ามีความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งที่ก็มีตัวอย่างให้เห็นกันมานักต่อนัก ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงจะไม่บานปลายจนกลายเป็นประเด็นดราม่า ถ้าผู้สร้างสรรค์ผลงานมีความใส่ใจในประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่อสังคมให้มากกว่านี้