คนละครึ่ง เฟส 3 VS ยิ่งใช้ ยิ่งได้ เลือกอะไรคุ้มกว่ากัน?

หากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่ามาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังที่ออกมาล่าสุดนั้น ควรเลือกรับสิทธิ์จากโครงการใดดี ระหว่าง “คนละครึ่ง เฟส3” กับ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ถึงจะได้รับประโยชน์มากที่สุด วันนี้ Tonkit360 มีคำตอบมาฝากกัน

ได้เงินเท่าไร? ใช้เงินผ่านช่องทางใด?

โครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” จะได้รับเงินจำนวน 3,000 บาท โดยเงินจะเข้าผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งแบ่งเป็น 2 งวด งวดแรก 1,500 บาท ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 และงวดที่สอง 1,500 ช่วงระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564

โครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” จะได้รับเป็นบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท โดยจะได้รับ E-Voucher หลังจากมีการซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม หรือจ่ายค่าบริการต่่าง ๆ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง กับผู้ประกอบการร้านค้าหรือบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 และสามารถนำ E-Voucher ไปใช้จ่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564

“คนละครึ่ง เฟส 3” ต่างจาก 2 เฟสแรกอย่างไร?

“คนละครึ่ง เฟส 3” จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์จาก 2 เฟสแรก ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้จำนวน 16 ล้านคน ส่วนผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์ไปแล้ว เพียงแค่กดยืนยันสิทธิ์ในแอปฯ เป๋าตัง ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจากรัฐบาลคนละ 3,000 บาท

ความพิเศษของคนละครึ่ง เฟส 3 ต่างจาก 2 เฟสแรก ตรงที่สามารถใช้กับร้านค้าในภาคงานบริการต่าง ๆ ได้ด้วย อาทิ ร้านตัดผม ร้านนวด จากเดิมที่สามารถใช้ได้เฉพาะร้านค้าที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ยังมีข้อกำหนดที่รัฐช่วยจ่ายให้คนละครึ่งสูงสุดไม่เกิน 150 บาทต่อวัน

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ต่างจาก “ช้อปดีมีคืน” อย่างไร?

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ถือเป็นมาตรการที่ภาครัฐหวังกระตุ้นให้ประชาชนมีการใช้จ่ายเงินก้อนไม่ต่างจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน” แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ จะได้รับประโยชน์สูงสุดเมื่อซื้อสินค้าได้เต็มวงเงิน 60,000 บาทที่ระบุไว้ จึงจะได้รับ E-Voucher จำนวน 7,000 บาท

ขณะที่ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งภาครัฐปล่อยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด คือผู้ที่มีเงินได้สุทธิต่อปีตั้งแต่ 5,000,001 บาทขึ้นไป (เสียภาษีอัตราร้อยละ 35) จึงจะได้รับสิทธิ์คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท เมื่อใช้จ่ายครบ 30,000 บาท

“คนละครึ่ง เฟส 3” และ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เหมาะกับใคร?

“คนละครึ่ง เฟส 3” เหมาะกับผู้ที่ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน เนื่องจากภาครัฐช่วยจ่ายให้สูงสุดวันละ 150 บาท และในเฟส 3 สามารถนำไปใช้กับร้านค้าที่เป็นภาคบริการด้วย จึงมีทางเลือกในการใช้จ่ายมากขึ้น นอกเหนือจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน

โดยผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือในลักษณะของการร่วมจ่ายจากรัฐบาลเต็มวงเงิน 3,000 บาท คือผู้ที่มีการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 6,000 บาท ในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ นั่นคือภายใน 31 ธันวาคม 2564

“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เหมาะกับผู้ที่มีกำลังจ่าย หรือจำเป็นต้องซื้อสินค้าที่มีราคาสูงในช่วงระยะเวลาที่กำหนดอยู่แล้ว เนื่องจากมีเงื่อนไขว่าจะได้รับ E-Voucher 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าอยู่ใน 40,000 บาท แต่หากมียอดใช้จ่ายระหว่าง 40,001-60,000 บาท จะได้รับ E-Voucher 15 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่าย

ที่สำคัญ ต้องเป็นการชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอปฯ เป๋าตังด้วย โดยต้องโอนเงินสดเข้า G-Wallet เพื่อใช้จ่าย ไม่ต่างจากการใช้สิทธิ์คนละครึ่ง ดังนั้น หากคิดจะใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อน ก็จะไม่เข้าเงื่อนไขนี้แต่อย่างใด และหากต้องการได้รับสิทธิ์แบบเต็มจำนวน คือ 7,000 บาท นั่นหมายความว่าต้องมีการใช้จ่ายรวม 60,000 บาท โดยต้องซื้อสินค้าหรือบริการไปก่อนด้วย จึงจะได้รับ E-Voucher ตามมา

ทั้งสองโครงการจะใช้คุ้มค่าได้ประโยชน์มากแค่ไหน จึงขึ้นอยู่กับความพร้อมในการใช้จ่ายในแต่ละบุคคล และโครงการไหนตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้มากกว่า!