เคยรู้มาก่อนไหม? กินช็อกโกแลตน่ะแก้ไอได้นะ!

เมื่อพูดถึงช็อกโกแลต หลายคนจะนึกถึงขนมหวานสีน้ำตาลอ่อนบางเข้มบ้าง บางทีก็เป็นสีขาว โดยจะเรียกว่าไวท์ช็อกโกแลต ช็อกโกแลตเป็นขนมที่เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน เพราะมันหวาน หอม และใด ๆ ก็ตาม คือ อร่อย

โดยที่เราก็ทราบกันดีอีกเช่นกันว่าช็อกโกแลตมีหลายเกรด เกรดขนมอันละห้าบาทสิบบาท เกรดขนมอันละหลายสิบบาท และเกรดสูง เปอร์เซ็นต์โกโก้มาก ๆ ที่ราคาเกินร้อยบาท ด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ที่ใส่ลงไปเพื่อทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นขนมหวาน กลบรสชาติดั้งเดิมของช็อกโกแลตและประโยชน์ขอบมันจนหมด หลายคนจึงเรียกช็อกโกแลตเกรดขนมห้าบาทสิบบาทว่าช็อกโกแลตปลอม และเรียกช็อกโกแลตเข้มข้นว่าดาร์กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตแท้ซึ่งช็อกโกแลตแท้ที่ว่านี่มีรสชาติชวนขนลุก เพราะมันขมมาก!

ช็อกโกแลต ยิ่งมีปริมาณโกโก้เปอร์เซ็นต์สูงมากเท่าไร รสชาติก็ยิ่งขมมากเท่านั้น มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันผลว่าช็อกโกแลตมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่เรารู้ แน่นอนว่าต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลต เพราะถ้าเป็นช็อกโกแลตเกรดขนมที่วางขายทั่ว ๆ ไป หาซื้อง่าย ก็ไม่ต่างจากขนมหวานอื่น ๆ ที่ไม่ให้อะไรไปมากกว่าความอร่อย พลังงาน และความอ้วน

ช็อกโกแลตแท้ที่ขมปี๋นั่นแหละที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลัก ๆ ก็คือ บำรุงสมอง แก้อาการอ่อนเพลีย ลดความดัน ลดการอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจ กินแล้วอารมณ์ดีหายเศร้า มีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ที่บางคนยังไม่รู้ (หรืออาจจะเคยได้ยินมาบ้าง) ก็คือช็อกโกแลตแก้ไอได้!

ช็อกโกแลตแก้ไออย่างไร

ในช็อกโกแลตมีสารประกอบที่ชื่อว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) เป็นสารสำคัญที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการไอ โดยไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ระบบหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นจึงสามารถแก้ไอทั้งแบบฉับพลันและเรื้อรัง ซึ่งธีโอโบรมีนนี้จะส่งผลต่อร่างกายคล้ายกับสารคาเฟอีน แต่มีฤทธิ์น้อยกว่า ธีโอโบรมีนถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เช่น ใช้เป็นสารขยายหลอดเลือด สารขับปัสสาวะ สารกระตุ้นหัวใจ ยังใช้เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และยังสามารถใช้เป็นยายับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ด้วย

มีงานวิจัยว่าสารธีโอโบรมีนที่อยู่ในช็อกโกแลตนั้น ช่วยระงับอาการไอได้ดีกว่าโคดีอีน (Codeine) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในยาแก้ไอทั่วไปเสียอีก ด้วยช็อกโกแลตมีคุณสมบัติที่เหนียวเคลือบเส้นประสาทเส้นที่ 10 ในลำคอ กินแล้วจะรู้สึกชุ่มชื่นคอคล้ายกับน้ำผึ้งและเลมอน จึงช่วยระงับอาการไอได้ แต่อาการไอนั้นไม่ได้หายไปทันที แล้วก็ไม่ใช่หายขาด มันช่วยเพียงช่วยให้รู้สึกว่าระคายคอน้อยลง อาการไอจะกลับมาเมื่อธีโอโบรมีนหมดฤทธิ์ลง

เส้นประสาทสมองเส้นที่ 10 หรือเส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) มีหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนใหญ่บริเวณกล่องเสียงและคอหอย รับความรู้สึกพิเศษเกี่ยวกับรสชาติ และรับความรู้สึกจากอวัยวะต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกัน เช่น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ จนถึงส่วนทอดขวางของลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หัวใจ ปอด รวมทั้ง และต่อมต่าง ๆ ของทางเดินลำไส้ใหญ่ด้วย

หลักฐานยืนยันว่าช็อกโกแลตแก้ไอ

งานวิจัยนี้เป็นของศาสตราจารย์อลิน มอริซ (Alyn Morice) หัวหน้าภาควิชาการศึกษาโรคหัวใจและหลอดเลือด และระบบทางเดินหายใจ มหาวิทยาลัยฮัล และหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคมการศึกษาการไอนานาชาติ (International Society for the Study of Cough) บอกว่า “ช็อกโกแลตช่วยทำให้อาการไอลดลง” เขาใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าเกี่ยวกับการรักษาอาการไอโดยไม่ต้องพึ่งยาที่สั่งโดยแพทย์ ผลจากการศึกษา พบว่า ผู้ป่วย 163 คน ซึ่งกินยาที่มีช็อกโกแลตเป็นส่วนผสม มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในเวลาเพียง 2 วัน

สอดคล้องกับการศึกษาดั้งเดิมของศาสตราจารย์ปีเตอร์ บาร์เน็ส (Peter Barnes) หัวหน้าทีมวิจัยของคณะแพทยศาสตร์สถาบันโรคหัวใจและปอดแห่งชาติ มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ที่พบว่า “ธีโอโบรมีน” ที่อยู่ในช็อกโกแลต ช่วยระงับอาการไอได้ดีกว่า “โคดิอีน” ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในยาแก้ไอทั่วไป อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงเมื่อรับสารธีโอโบรมีนเข้าไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น ช็อกโกแลตแต่ละประเภทจะมีสารธีโอโบรมีนแตกต่างกัน เนื่องจากส่วนผสมและวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงแต่ง ทำให้ปริมาณสารธีโอโบรมีนในช็อกโกแลตมีไม่เท่ากัน จึงทำให้มีฤทธิ์แก้ไอมากน้อยไม่เท่ากันด้วย โดยช็อกโกแลตบริสุทธิ์ที่ไม่มีการเติมความหวานเลย ปริมาณ 1 ออนซ์ จะมีธีโอโบรมีน 450 มิลลิกรัม ดาร์กช็อกโกแลต มีอยู่ 150 มิลลิกรัม และช็อกโกแลตนม มีอยู่ราว ๆ 60 มิลลิกรัมเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการวิจัยล่าสุดของโรเจอร์ ร็อบสัน (Roger Robson) หลังทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 300 คน ที่มีอาการไอเรื้อรัง และมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอ็นเอชเอส การวิจัยได้การทดลองให้ธีโอโบรมีนกับผู้ป่วยกลุ่มตัวอย่าง วันละ 2 ครั้ง นานต่อเนื่อง 14 วัน ผลที่ได้คือ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่มีอาการไอเรื้อรังมีอาการดีขึ้น และไอน้อยลงมากทีเดียว

มีสรรพคุณเป็นยา แต่ก็ไม่ได้กินได้พร่ำเพรื่อ

ดังนั้น การหยิบดาร์กช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปขึ้นมากินสักแท่ง เป็นทางเลือกที่ดีในการแก้อาการไอเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงการบริโภคในแต่ละครั้ง กินให้พอดี ซึ่งไม่ควรกินเกิน 100 กรัมต่อวัน เพราะอะไรที่กินมากไปมันก็ไม่ดีต่อร่างกายทั้งนั้น มันขม และที่สำคัญมันแพง!

สารประกอบธีโอโบรมีนในโกโก้ช่วยระงับอาการไอได้ดีกว่ายาแผนโบราณก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะกินช็อกโกแลตพร่ำเพรื่อเพื่อเพื่อรักษาอาการไอแบบตั้งหน้าตั้งตากิน เพราะจริง ๆ แล้วควรจะรู้สาเหตุของอาการไอมากกว่า นั่นคือ ควรไปหาหมอ

แม้ว่าช็อกโกแลตจะใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นยาเสียทีเดียว ด้วยประโยชน์สารพัดของช็อกโกแลต ทำให้หลายคนอาจจะเคยได้ยินมีคนเรียกช็อกโกแลตเป็นผัก ซึ่งก็ไม่ผิดหรือถูกซะทีเดียว เพราะช็อกโกแลตผลิตจากเมล็ดโกโก้จากต้นโกโก้ ซึ่งพืชไม่ผลัดใบขนาดเล็ก พบในเขตร้อนชื้นของอเมริกากลางและอเมริกาใต้ นั่นคือที่มาว่าช็อกโกแลตก็เลยเป็นผักจริง ๆ ทว่าการนำโกโก้มาทำเป็นขนม จะต้องเติมส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปอีก แม้ว่าจะเติมน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็ทำให้ช็อกโกแลตกลายเป็นขนมไป

อย่างไรก็ตาม ธีโอโบรมีนไม่ใช่สารที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงต้องใช้ระยะเวลานานในการย่อยสลายและเผาผลาญสารตัวนี้ให้หมดไป แตกต่างจากร่างกายมนุษย์ ที่สามารถเผาผลาญสารดังกล่าวได้ดีกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมช็อกโกแลตถึงไม่ใช่อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง สุนัขหรือแมวของคุณไม่ได้รู้สึกอร่อยกับช็อกโกแลตเหมือนคุณ แต่นั่นคือยาพิษ ที่สามารถทำให้พวกมันตายได้เลย

ข้อมูลจาก The Sun, Mirror, Health, Dr. Green